คุณกฤติน ทวีผลจรูญ (ป้อง) และคุณณัฐวรรณ โกมลกิตติพงศ์ (แอน) หนุ่มสาวอดีตเอเจนซี่โฆษณาที่ได้ผันตัวเองมาเอาดีกับธุรกิจผ้าขาวม้าสไตล์โมเดิร์น ภายใต้แบรนด์ PAKAMIAN เล่าว่า พื้นฐานครอบครัวคุณแอนก็ทำธุรกิจเป็นโรงงานทอผ้าขาวม้า อยู่ที่ จ.ราชบุรี มาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณย่า โน่นแล้วจึงมีความผูกพันกับผ้าขาวม้ามาตั้งแต่เด็ก พอวันหนึ่งเธอคิดว่าอยากจะมีธุรกิจเล็กๆ อะไรสักอย่างเป็นของตนเอง สิ่งแรกที่เธอมองเห็นคือ "ผ้าขาวม้า"
"แอนเห็น และผูกพันกับผ้าขาวม้ามาตั้งแต่เด็กๆ และรู้สึกว่าทุกวันนี้ยิ่งเราโตขึ้นมากเท่าไหร่ ผ้าขาวม้ายิ่งถูกทิ้งไว้ให้อยู่ข้างหลังมากขึ้นเท่านั้น จนกลายเป็นว่าผ้าขาวม้าเป็นสิ่งที่คนยุคนี้เขาเริ่มที่จะไม่ใช้กันอีกต่อไปแล้ว จากความรู้สึกนี้เองที่เป็นตัวจุดประกายว่าเราอยากจะเริ่มทำอะไรใหม่ๆ ให้กับผ้าขาวม้า นี่จึงเป็นที่มาของ PAKAMIAN วัตถุประสงค์ก็เพื่อที่จะฟื้นเทรนด์ผ้าขาวม้าให้กลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง"
ข้อดี-ข้อเสีย ของผ้าขาวม้า
หลังตัดสินใจว่าจะทำ PAKAMIAN คุณแอนเธอศึกษาทั้งข้อดีและข้อเสียของผ้าขาวม้าก่อนว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งข้อดีคือ เนื้อผ้านิ่มสบาย โปร่ง แห้งง่าย น้ำหนักเบา และซับน้ำได้ดี แต่ทั้งนี้มันก็มีข้อเสียคือภาพลักษณ์ที่มันเชยระเบิด
"ผ้าขาวม้ามีข้อเสียที่ดูเชย ดังนั้นแอนเลยพยายามคิดกับป้อง (กฤติน ทวีผลจรูญ) ต่อไปว่า การที่ผ้าขาวม้ามันดูเชยโบราณนั้นเพราะอะไร ก็ได้คำตอบว่าลายเดิมๆ น่ะเชย สีที่ใช้ก็เชย เพราะว่าผ้าขาวม้าแต่ไหนแต่ไรมักจะเน้นทำออกมาแต่โทนสีขาว ดำ แดง นำเงิน เขียวบ้างประปราย แต่ไม่มากไปกว่านี้"
ทว่าความเชยของลาย/สีของผ้าขาวม้ากลายเป็นช่องว่างให้ PAKAMIAN เข้ามาเติมเต็ม
"แอนมั่นใจว่าเราสามารถทำผ้าขาวม้าแบบเก่าให้ดูโมเดิร์นขึ้นได้ ด้วยการคิดออกแบบสี และลาย เพื่อที่จะสร้างภาพลักษณ์ใหม่ๆ ให้กับผ้าขาวม้าสไตล์เราขึ้นมาค่ะ"
ผ้าขาวม้าโมเดิร์น
คุณป้อง เล่าว่า "จริงๆ แล้วผ้าขาวม้ามันก็คือผ้าลายสกอต แต่ที่โดนมองว่าเชยเป็นเพราะว่า ด้วยชื่อ คือ ผ้าขาวม้า สี และลาย ซึ่งจริงๆ มันก็คือลายสกอตที่เรามีมานาน มีความคลาสสิกอยู่ในตัว และไม่ล้าสมัย ฉะนั้นสิ่งที่เราคิดกันว่าทำอย่างไรให้ผ้าขาวม้าดูทันสมัยขึ้น ก่อนอื่นก็ต้องมาปรับเรื่องสี/ลาย ตั้งแต่การดูเทรนด์สีของโลกว่าอะไรมา อะไรแรง เราก็เอามามิกซ์กันเสร็จ แล้วนำด้ายมาย้อมสีผ้าตามโทนที่ต้องการ อีกทั้งการสร้างลายก็จะเป็นกรรมวิธีการทอแบบเครื่องจักรโบราณทั้งหมด"
ดังนั้นเอกลักษณ์ของ PAKAMIAN จึงอยู่ที่ สี และลายที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นลายลิขสิทธิ์เฉพาะแบรนด์ PAKAMIAN เท่านั้น จึงมั่นใจได้เลยว่า ผ้าลายอย่างนี้ สีแบบนี้ไม่มีทอขายที่ไหนแน่ๆ ในด้านของคุณภาพ PAKAMIAN ก็ไม่เป็นรองที่ไหนเพราะเป็นผ้าฝ้าย 100% จึงให้ความนุ่ม และเบาสบาย ขณะเดียวกันรูปแบบการดีไซน์สินค้าแต่ละตัวจะบ่งบอกถึงความทันสมัยให้คนเห็นแล้วสะดุด สามารถนำไปใช้ได้จริงอีกด้วย
เชื่อมทุกไลฟ์สไตล์ได้ใช้ทั่วถึง
คุณแอนเล่าว่า "กลุ่มเป้าหมายเราคือคนรุ่นใหม่ที่มีความมั่นใจในตัวเอง และคนที่ชอบงานสร้างสรรค์ รวมไปถึงคนที่เคยมีประสบการณ์ใช้ผ้าขาวม้ามาแล้ว แต่เขายังหาสินค้าที่จะเข้ามาเชื่อมโยงกับชีวิตปัจจุบันไม่ได้ ฉะนั้นจึงเป็นไอเดีย PAKAMIAN จากเดิมผ้าขาวม้า คือผ้าลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้า เราก็มาดัดแปลงใช้ผ้าขาวม้ามาทำเบาะรองนั่ง กระเป๋า ผ้าพันคอ ตุ๊กตาหมี ฯลฯ คือเป็นสินค้าที่มันสามารถเชื่อมเข้าไปสู่กิจวัตรประจำวันของทุกคนได้อย่างกลมกลืนกับวิถีชีวิตคนปัจจุบัน"
สำหรับราคาขายนั้น เห็นงานโมเดิร์นขนาดนี้ก็อย่าคิดว่าแพงนะ...เชื่อไหมว่าผ้าพันคอทอจากฝ้าย 100% ลวดลายก็แบบว่าหนึ่งเดียวในตองอูจริงๆ ยังเพิ่งจะผืนละ 120 บาทเท่านั้น ส่วนกระเป๋าจะมีตั้งแต่ 150-500 กว่าบาท ขึ้นอยู่กับรูปแบบของกระเป๋าแต่ละรุ่น
"ที่ขายไม่แพงนั้นเพราะคิดว่า เราต้องการที่จะเผยแพร่เอกลักษณ์ผ้าขาวม้าไทย อยากให้คนรุ่นใหม่ใช้ ส่วนคนที่เคยใช้ในอดีตก็อยากจะนำมาใช้อีก ซึ่งมันเป็นความภูมิใจเราเองด้วย เวลาเห็นใครใช้สินค้าเรา อีกทั้งเรายังได้เปรียบกว่าคนอื่นตรงที่บ้านเราเป็นโรงงานผลิตเอง ทำให้ต้นทุนการผลิตเราถูกกว่าการไปจ้างผลิตเหมือนที่อื่น"
สินค้า PAKAMIAN เช่น เบาะ, หมอน, ผ้าพันคอ, ผ้าขาวม้า, ตุ๊กตาหมี, กระเป๋าย่ามสะพาย, กระเป๋าคลัตช์แบบผู้หญิง, สมุดโน้ต, หุ่นโชว์ และกระโปรง ปัจจุบัน PAKAMIAN มีจำหน่ายทั้งปลีก-ส่งภายในประเทศ และส่งออก เช่น อิตาลี ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น ฯลฯ แล้ว นอกจากนี้ PAKAMIAN ยังรับผลิตสินค้าพรีเมียมให้กับองค์กรต่างๆ อีกด้วย (หากสนใจสามารถสอบถามรายละเอียดหลังไมค์)
ที่มา...http://www.thairath.co.th/content/279026
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น