Green Tree Latte สวนสวยในขวดแก้ว

“กรีนทรี ลาเต้” ไม่ใช่ร้านกาแฟ แต่คือ ธุรกิจสวนสวยในขวดแก้ว ผู้จัดสรรธรรมชาติให้ย่อส่วนอยู่ในขวดใบจิ๋ว 

ภาชนะใสใบจิ๋วหลายรูปแบบ ทั้ง ขวดแก้ว ขวดโหล แก้วกาแฟ แก้วไวน์ ฯลฯ เรียงรายอยู่ในบูธ “Green Tree Latte” (กรีนทรี ลาเต้) ณ งานแสดงสินค้าของคนรักบ้าน “บ้านและสวนแฟร์ 2014” ที่ผ่านมา

ซูมสายตาเข้ามาใกล้ จะพบกับธรรมชาติขนาด “ย่อส่วน” ที่คนทำบรรจงตกแต่ง จนกลายเป็นสวนสวยๆ อยู่ในขวดแก้วใบจิ๋ว

“คนเมืองมีอุปสรรคในการปลูกต้นไม้ ขี้เกียจดูแล ขี้เกียจรดน้ำ แถมยังมีพื้นที่จำกัด แต่ก็โหยหาธรรมชาติ”

คำบอกเล่าของ “เนย-ศิรศิริ ศรีพล” ผู้ประกอบการวัย 26 ปี ที่สะท้อนถึงโอกาสธุรกิจ “สวนในขวดแก้ว” ซึ่งเธอและน้องชาย “แยม-พิชชานนท์” ได้แท็กทีมปลุกปั้นขึ้นเมื่อเกือบปีที่ผ่านมา

เนยเป็นวิทยากรสอนในโครงการภาคภาษาอังกฤษของโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง ส่วนน้องชายซึ่งกำลังเรียนมหาวิทยาลัย ก็อยู่ในช่วงปิดเทอมยาว 6 เดือน เพื่อปรับเวลาเปิด-ปิดภาคเรียนรับอาเซียน พอดิบพอดี ทั้งสองเลยได้ชักชวนกันมาทำธุรกิจ ด้วยเงินทุนประมาณ 3 หมื่นบาท กับประสบการณ์จัดสวนในถาดสมัยเรียนมัธยม เป็นทุนตั้งต้น

“งานของเรา ไม่ใช่แค่จับต้นไม้ใส่ลงไปในขวด แล้วทำให้ดูสวยงามเท่านั้น แต่เป็นการใส่เรื่องราว ใส่ความประทับใจที่พบเจอ เหมือนจำลองระบบนิเวศน์ ที่มีเรื่องราวลงไปในขวดแก้ว”

เธอบอกความแตกต่างของสวนในขวดแก้วที่ชื่อ Green Tree Latte ที่แม้จะลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง แต่ทั้งสองก็พยายามสร้างความแตกต่าง และ “ลายเซ็น” ที่เป็นของตัวเอง

ตั้งแต่การสร้างเรื่องราวจากแรงบันดาลใจของคนทำ และความผูกพันของลูกค้าที่มีต่อสิ่งต่างๆ ทั้งคน สัตว์ สิ่งของ เพื่อให้สวนขนาดจิ๋ว ไม่เพียงเป็นธรรมชาติในขวดแก้ว แต่คือความทรงจำ คือเรื่องราว “เฉพาะบุคคล” ที่ซ่อนความหมายอยู่ในนั้น

เช่น การตกแต่งสวนสวย ที่มีสุนัขตัวโปรดของเจ้าของอยู่ร่วมในฉากด้วย หรืออย่าง การเพิ่มไม้มงคล สัตว์ตามราศีเกิด ตลอดจนสัตว์ที่ถูกโฉลกกับเจ้าของ ให้มาร่วมสร้างคุณค่าทางใจ อยู่ในสวนใบจิ๋ว

“คนไทยหนีไม่พ้นเรื่องความเชื่อใน ฮวงจุ้ย ความเป็นมงคล ไม้มงคล สัตว์ตามปีเกิด พวกนี้เรานำมาใส่ลงไปในงานด้วย ตลอดจนพวกของกระจุกกระจิกอย่าง ตุ๊กตาตัวเล็กๆ หินที่วาดลวดลาย เซรามิก ดอกไม้อบแห้ง ดินเผา เหล่านี้ เพื่อจัดองค์ประกอบของงานให้มีความหมายและน่าสนใจขึ้น” เธอบอกเรื่องเล่าที่แฝงไว้ในขวดแก้ว

ไม่ใช่แค่ “ดีไซน์” ที่จะช่วยสร้างความต่างให้ธรรมชาติขนาดจิ๋ว แม้แต่ “ภาชนะ” ที่นำมาจัดก็ต้องสร้างความแตกต่างได้ด้วย คนทำบอกเราว่า ถ้าจะหวังของโหล ก็คงจะหายาก เพราะ Green Tree Latte ไม่นิยมสั่งวัสดุระบบ “เหมา” แม้จะได้ของถูก เพราะเชื่อว่าทำแบบนั้นจะขีดกรอบให้ได้ผลงานแบบซ้ำๆ ไม่น่าสนใจ และ “ไม่พิเศษ” แต่จะเลือกภาชนะที่มีเพียงไม่กี่ชิ้น เพื่อให้รู้สึกว่า สวนที่ลูกค้าได้ไป เป็นของมีค่า ไม่โหล ไม่ซ้ำ บวกกับการเลือกใช้เทคนิคการจัดที่จะสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น เพื่อเติมความพิเศษลงไปอีกขั้น

“แรงบันดาลใจอยู่รอบตัวเรา เวลาเห็นอะไรประทับใจ ก็เอามาใส่ลงไปในงาน ทำไปเรื่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะสวย ซึ่งการครีเอทงานที่เป็นตัวเรามากที่สุด ทำให้พูดได้เต็มปากว่า นี่เป็นงานของเรา เป็นลายเซ็นของเราเอง ไม่ได้เลียนแบบใคร”

สินค้าจากแรงกายและแรงใจ ใช้เวลาทำตั้งแต่สั้นสุด 5-10 นาที ไปจนระดับ 2-3 วัน ขึ้นกับขนาดและความละเอียดของเนื้องาน โดยราคาขายมีตั้งแต่ ชิ้นละ 350 บาท ไปจนถึง 4 พันบาท ขึ้นกับความยากง่าย ภาชนะที่ใช้ ตลอดจนอุปกรณ์ในการตกแต่ง

ธุรกิจที่เริ่มจากเรียนรู้ด้วยตัวเอง บ่มเพาะความเก่งด้วยการทำซ้ำบ่อยๆ ในวันนี้ยังมีช่องทางสร้างเงินที่มากว่าแค่การขายสินค้า หรือการรับจ้างผลิต เนย บอกเราว่า รายได้ส่วนหนึ่งมาจากการรับจัดเวิร์คช้อป ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน เดือนละครั้ง ในราคาค่าสอนอยู่ที่ 2,350 บาท สำหรับคอร์สพื้นฐาน ระยะเวลา 3 ชม. นี่เป็นอีกรายได้งามๆ ที่ไม่ได้จำกัดแค่ลูกค้าคนไทยเท่านั้น ด้วยความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษเป็นทุนเดิม และอาเซียนก็ขยับเข้ามาใกล้ทุกที เธอบอกว่า อนาคตจะจัดเวิร์คช้อปให้กับลูกค้าต่างชาติด้วย เพื่อรองรับลูกค้าอินเตอร์ที่ต้องการทำกิจกรรมนันทนาการในประเทศไทย

ทักษะด้านภาษาที่เป็นแต้มต่อ ยังเปิดโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศ

“หลายประเทศมีความต้องการ อย่าง มาเลเซีย ก็ติดต่อเข้ามา สิงคโปร์เองตลาดนี้ก็บูมมาก ซึ่งเราจะพยายามเข้าไปอยู่ในจุดที่ลูกค้าต่างชาติจะเห็นงานได้มากขึ้น รวมถึงอาจต้องเข้าไปหาเขาเอง โดยไม่ใช่แค่การไปเปิดหน้าร้านเท่านั้น แต่รวมถึง การเป็นซัพพลายเออร์ส่งงานให้เขาด้วย”

สนามแห่งโอกาสไม่ได้มีแค่ประเทศไทย เมื่อพวกเธอเชื่อว่า โลกใบนี้ยังมีคนที่ถวิลหาธรรมชาติ ขณะที่ดินก็แพงขึ้นทุกวี่วัน พื้นที่ก็เริ่มหดเล็กลง คนมีข้อจำกัดในการเข้าถึงธรรมชาติ และนั่นเองที่เป็นโอกาสของธุรกิจสวนสวยในขวดแก้ว

เพราะเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ เลยเลือกช่องทางขายที่ถนัด และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ อย่างช่องทางออนไลน์ โดยใช้สื่อโซเชียลมีเดีย ทั้งเฟซบุ้ค อินสตาแกรม ยูทูป ไลน์ ฯลฯ ในการเข้าถึงลูกค้า ใครว่าช่องทางนี้ขายยากขายเย็น ทั้งสองคนแอบกระซิบว่า ธุรกิจเล็กๆ ที่ทำเองได้ในบ้านแบบนี้ สร้างรายได้ให้ถึงหลักแสนบาทต่อเดือน!

แม้ได้เปรียบเรื่องการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แต่ทั้งสองก็ยอมรับว่า ลงสนามธุรกิจไม่ง่าย แยมบอกเราว่า วิชาแรกที่สอนบทเรียนให้ก็คือ “โลกไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด” ทำธุรกิจต้องมีน้ำอดน้ำทน ต้องพยายาม และใจสู้ เพื่อเอาชนะแรงเสียดทานรอบด้านให้ได้

“มีคนเคยบอกว่า การทำธุรกิจ เรามักจะท้อตอนเริ่มต้น ฉะนั้นต้องเริ่มให้ได้ก่อน และอย่าคิดว่าอยู่ได้แล้ว แต่จงคิดว่า เรายังคงต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ และให้เป็นการเริ่มต้นตลอดเวลา ต้องตื่นตัว และสู้อยู่ตลอดเวลา” เขาบอกคมคิดที่เรียนรู้ผ่านประสบการณ์ของหลายๆ คน

เวลาเดียวกับใจที่สู้ ก็คือ ขยันหาแรงบันดาลใจมาเติมเต็มพลังชีวิต

“อาจารย์เฉลิมชัย บอกว่า ถ้าเราไม่ให้อะไรสังคม ก็อย่าหวังว่าสังคมจะให้อะไรกับเรา ฉะนั้นต้องให้ก่อน ถึงจะเรียกร้องได้ และถ้าให้ก่อน แม้เราไม่เรียกร้อง สิ่งนั้นก็จะกลับมาหาเอง”

หนึ่งคำประทับใจ ที่นำมาสู่การทำธุรกิจแบบ Green Tree Latte ที่เขาบอกว่า พยายามสร้างมิตรกับทุกคน ให้ไปก่อน จนก่อเกิดเป็น “คอนเนคชั่น” ที่ดี คอยช่วยเหลือเกื้อกูลธุรกิจอย่างทุกวันนี้

ขณะที่เนยบอกว่า เด็กรุ่นใหม่ที่อยากเป็นเจ้าของกิจการก็แค่ ต้องเอาชนะความกลัวและข้อแม้ในชีวิตให้ได้

“ทุกคนมีความกลัว ติดโน่น ติดนี่ ไม่มีเงิน ไม่มีเวลาบ้างล่ะ มีข้อแม้กับตัวเองไปเสียทุกเรื่อง ที่จริงแล้ว ถ้าเราไม่กลัวข้อแม้เหล่านั้น และคิดว่า ทุกปัญหามีทางออก ไม่มีเงิน ก็ทำเล็กๆ ทำเท่าที่มีไปก่อน ทำให้พอดีตัว ค่อยๆ โตไป ซึ่งพอเราก้าวผ่านความกลัวครั้งแรกไปได้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้นเอง ขอแค่อย่ากลัวที่จะเริ่ม และอย่าหาข้อแม้ให้ตัวเอง”

ขณะที่เธอย้ำว่า ทำธุรกิจอย่าคิดว่า “ฉันอยู่คนเดียวในโลก” เพราะว่า คงไม่มีใครที่ทำทุกเรื่องด้วยตัวเองได้ ฉะนั้นต้องรู้จักหาตัวช่วยและใช้คนให้เป็น มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี มีศิลปะในการพูด เหล่านี้จะเป็นตัวช่วยปลุกปั้นธุรกิจใหม่ให้แจ้งเกิด

อีกหนึ่งไอเดียคนรุ่นใหม่ ที่เรียนรู้ ลองผิดลองถูก จนก่อเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ดีๆ พร้อมนำเสิร์ฟคนรักธรรมชาติ ด้วยเมนูจากใจที่ชื่อ ..Green Tree Latte

สนใจติดต่อ https://www.facebook.com/greentreelatte

ที่มา...http://www.bangkokbiznews.com/