Para education ทำได้มากกว่าที่คิด

| วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

ในอดีตผู้ประกอบการไทยมักถูกสบประมาทว่า เก่งเฉพาะรับจ้างผลิตวัตถุดิบส่งให้ต่างชาติไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ แต่สำหรับสินค้าไทยแบรนด์ “Para education” พัฒนาตัวเองก้าวข้ามกำแพงดังกล่าวสำเร็จ
โดยต่อยอดธุรกิจ นำน้ำยางพาราแท้ๆ 100% มาแปรรูปเป็นตุ๊กตาดีไซน์น่ารัก ทันสมัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม สินค้าดังกล่าว เป็นไอเดียของคู่หูธุรกิจ อย่าง “ชลนที ถวิลเติมทรัพย์” และ “ธรรมนูญ ซึมโรจน์ประเสริฐ” บริษัท รับเบอร์ อินโนเวชั่น จำกัด ที่ต้องการต่อยอดธุรกิจครอบครัว เนื่องจากทางบ้านของชลนที ทำโรงงานผลิตน้ำยางข้น ที่ จ.ชลบุรี เพื่อส่งให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ใช้ผลิตถุงมือยาง และถุงยางอนามัย ดังนั้น จึงคิดแตกไลน์ธุรกิจ จากส่งวัตถุดิบน้ำยางอย่างเดียว มาสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าให้มากขึ้น

พวกเราวางจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ยางพารา คือ มีน้ำหนักเบา ตกไม่แตก อายุการใช้งานยาวนาน และสะดวกต่อการขนส่ง อีกทั้ง ยางพาราสามารถหล่อเป็นรูปทรงใดก็ตาม จึงพลิกแพลงเป็นผลิตภัณฑ์ได้มากมาย และที่สำคัญ วัตถุดิบทำมาจากยางพาราแท้ๆ 100% จึงเป็นธุรกิจที่ใส่ใจธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ต่างจากผลิตภัณฑ์ยางทั่วไปในท้องตลาดที่ทั้งหมดทำมาจากยางสังเคราะห์” ธรรมนูญ เผย

ทว่า เจตนาที่อยากใช้วัตถุดิบยางพาราแท้ๆ ในทางปฏิบัติไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากมีเทคนิคและรายละเอียดซับซ้อน ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นานนับปี กับงบประมาณอีกกว่า 3 ล้านบาท กว่าที่ชิ้นงานจะสำเร็จพร้อมออกสู่ตล

ธรรมนูญ อธิบายเสริมว่า ความยากอยู่ที่การหาสูตรผสมน้ำยางกำลังพอเหมาะ หล่อมาแล้วคงรูปทรงได้ดี มีความนุ่มกำลังพอดี เนื้อยางไม่มีกลิ่นเหม็นฉุด และปลอดภัยแก่ผู้ใช้ นอกจากนั้น สีที่ใช้เพนท์เป็นสีเฉพาะ คุณสมบัติไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ สามารถยืดหยุ่นได้ตามเนื้อยาง โดยไม่แตกหรือหลุดลอก

ด้านการตลาดนั้น ในระยะแรกทดลองทำเป็นหุ่นจำลองอวัยวะมนุษย์ ใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนเจาะตลาดโรงเรียนต่างๆ และล่าสุด เพิ่มกลุ่มสินค้าของขวัญของชำร่วย เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานี่เอง โดยดีไซน์เป็นตัวการ์ตูนน่ารักๆ มากกว่า 50 ชนิด ทั้งสัตว์ ดอกไม้ และพืชผักสวนครัว ใช้งานเป็นสินค้าหลายประเภท เช่น ที่ติดตู้เย็น ที่ใส่กระดาษชำระ แปลงลบกระดาน โมบาย เป็นต้น ราคาอยู่ที่ประมาณ 19-135 บาทต่อชิ้น

“พวกเราจะช่วยกันคิด และดีไซน์กันเอง เน้นให้ออกมาดูน่ารัก สดใส ดูเป็นสากล เห็นแล้วสบายตา เหมาะสำหรับเป็นของเล่นเด็ก และในอนาคตจะพัฒนาเป็นสินค้าของตกแต่งบ้าน และเป็นอุปกรณ์เสริมการเรียนการสอนสำหรับเด็กด้วย” ชลนที อธิบาย ทั้งนี้ วางตลาดเป้าหมายไว้ 3 กลุ่ม ได้แก่ 1. ออกแบบและผลิตภายใต้แบรนด์ Para education ของตัวเอง วางจำหน่ายตามห้างสรรพสินค้า 2.รับจ้างผลิตเป็นสินค้าพรีเมียม (Premium) ให้แก่บริษัทหรือองค์กรต่างๆ นำไปมองเป็นของขวัญแก่ลูกค้าช่วงเทศกาล และ 3.ส่งออกต่างประเทศ

ขณะนี้ ได้เริ่มติดต่อช่องทางการตลาดต่างๆ แล้ว ซึ่งล้วนได้รับความสนใจอย่างมาก คาดว่าจะวางตลาดได้จริงประมาณต้นเดือนสิงหาคม 2552 นี้ อย่างไรก็ตาม พยายามยึดหลักดำเนินธุรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป เติบโตอย่างช้าๆ แต่มั่นคง เนื่องจากรู้ดีถึงข้อจำกัดในการผลิต ปัจจุบันยังเป็นลักษณะแฮนด์เมด ทุกตัวลงสีด้วยแฮนด์เมด โดยวิธีแอร์บรัช และวาดพู่กัน ทีมงานทั้งหมดที่มีแค่ 20 กว่าคน ผลิตได้เต็มที่ประมาณ 10,000 ตัวต่อเดือนเท่านั้น ดังนั้น หากเร่งขยายตลาดมากเกินไป จะไม่สามารถผลิตได้ตามความต้องการของลูกค้า

ส่วนปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจนั้น กังวลถูกลอกเลียนแบบ อีกทั้ง ต้นทุนการผลิตวัตถุดิบยางพารายังสูงกว่าสินค้าประเภทเดียวกันที่ทำด้วยวัตถุดิบอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นปูนขาว พลาสติก และเรซิน ราว 10-20% ทำให้การแข่งขันในตลาดยากตามไปด้วย นอกจากนั้น เนื่องจากสินค้ามีความละเอียดอย่างยิ่ง จนคนทั่วไปไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าทำมาจากยางพารา ส่วนใหญ่จะเข้าใจว่า ทำมาจากพลาสติก หรือเรซิน เหมือนสินค้าทั่วไปในท้องตลาด

การทำตลาดในช่วงแรกนี้ จะเน้นแนะนำสินค้าให้คนทั่วไปรู้ว่า เป็นผลิตภัณฑ์ทำมาจากยางพาราแท้ๆ ไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใช้ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับกระแสช่วยลดโลกร้อนด้วย” ธรรมนูญ กล่าวทิ้งท้าย


โทร.0-2258-1908 , www.rubberinnovation.com

ที่มา.....http://www.manager.co.th

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Next Prev
▲Top▲