ปัจจัยข้างต้น ผลักดันหนุ่มวัย 27 ปีคิดจะทำน้ำปรุงส้มตำสำเร็จรูปเพื่อให้การทำเมนูนี้เป็นเรื่องง่ายๆ ทุกคนสามารถทำได้ แต่กว่าจะสำเร็จใช้เวลาลองผิดลองถูก ปรับแก้สูตรรสและการผลิตอยู่นานกว่า 2 ปีทีเดียว
“ที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับการแปรรูปอาหาร ทำให้มีความพร้อมทั้งเทคโนโลยี และทีมงาน แต่กว่าจะได้สูตรรสที่ต้องการต้องค่อยๆ ปรับแก้ และจดบันทึกอัตราส่วนผสมต่างๆ ตลอดเวลา โดยทำสำรวจทั้งภายในบริษัท และให้คนภายนอกทดลองชิม จนได้รสชาติที่เชื่อว่าลงตัวและน่าจะถูกปากคนส่วนใหญ่” เจ้าของแบรนด์ “ครกยิ้ม” กล่าว
ด้านการผลิต เอสเอ็มอีไทยรายนี้สร้างมาตรฐานอยู่ในระดับสูง ลงทุนเบื้องต้นถึงกว่า 25 ล้านบาทสร้างโรงงาน ลงเครื่องจักร และวางระบบจัดส่งสินค้า โดยทำออกมา 6 รสชาติ ได้แก่ ตำไทย ตำปู ตำปูปลาร้าสูตรอีสาน ตำปูปลาร้าสามรส ตำปูปลาร้าแบบลาว และตำซั่วขนมจีน บรรจุในรูปแบบซองปริมาณ 110 กรัม ขายซอยละ 15 บาท เก็บในอุณหภูมิปกติได้นานกว่า 1 ปี โดยเฉลี่ยหนึ่งซองสามารถนำไปทำส้มตำได้ 2 จาน
ขั้นตอนเพียงแค่เทน้ำปรุงส้มตำสำเร็จรูปคลุกเคล้าเข้ากับวัตถุดิบต่างๆ เช่น มะละกอสับ มะเขือเทศ กุ้งแห้ง ปูดอง ถั่ว ฯลฯ ซึ่งในน้ำปรุงจะมีรสต่างๆ ทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบถ้วนอยู่แล้ว ยกเว้น “รสเผ็ด” ที่ต้องเติมพริกสดหรือแห้งเอง เหตุผลที่ไม่ผสมพริกลงในน้ำปรุงสำเร็จรูปเพราะผู้บริโภคแต่ละคนชอบกินเผ็ดมากน้อยต่างกันไป
เมื่อถามถึงเคล็ดลับความอร่อย ทายาทธุรกิจระบุมาจากการคัดสรรวัตถุดิบธรรมชาติที่มีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นมะนาวจากสวน ปลาร้าที่ผ่านการหมักมาเป็นเวลานาน ปูดองเลือกขนาดพอเหมาะ สะอาดปลอดภัยผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน ฆ่าเชื้อด้วยความร้อนสูง นอกจากนั้นยังเติมส่วนผสมของคอลลาเจนในทุกซอย เสริมจุดขายเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ และที่สำคัญ เป็นสูตรไม่ใส่กระเทียม ทำให้หลังคลุกเสร็จทิ้งไว้นานถึง 7 ชั่วโมงส้มตำก็ยังไม่เซ็ง
ด้านการทำตลาด หนุ่มไฟแรงบอกว่า เบื้องต้นใช้วิธีพนักงานขายเสนอสินค้าตามร้านโชวห่วยต่างๆ ปัจจุบันวางขายกว่า 500 ร้านใน 15 จังหวัดทั่วประเทศ ส่วนในกรุงเทพฯ อาศัยออกขายตามงานแสดงสินค้า และอนาคตจะวางขายในห้างโมเดิร์นเทรด และร้านค้าปลีกสมัยใหม่ทั่วประเทศ นอกจากนั้นจะผลักดันเป็นสินค้าส่งออกไปยังร้านอาหารไทยในต่างแดนด้วย
“ตอนนี้เรื่องมาตรฐานและการผลิตมีความพร้อม ทำได้กว่า 15,000 ซองต่อวัน แต่ปัญหาที่ผมเจอในระยะแรกคือ ตลาดไม่รู้จักสินค้าชนิดนี้มาก่อน ดังนั้น สำหรับโซนกรุงเทพฯ และปริมณฑลผมพยายามจะส่งเสริมตลาด ณ จุดขายด้วยการออกแฟร์และทำสดๆ ให้ลูกค้าได้ชิม หวังเกิดกระแสบอกปากต่อปากเพราะเรามั่นใจเรื่องรสชาติอยู่แล้ว ส่วนตลาดทางอีสาน เตรียมจะออกแบรนด์ใหม่ที่ไม่เน้นเรื่องบรรจุภัณฑ์สวยงามเพื่อจะขายราคาถูกลงให้เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าหากลูกค้าได้ลองชิมประกอบกับที่ส้มตำเป็นเมนูคุ้นเคยอยู่แล้ว ตลาดจะรู้จักและให้การตอบรับมากยิ่งขึ้น” ธีระพงษ์กล่าว
โทร. 08-2288-0231, www.krokyimthaifood.com, FB:krokyimthaifood
โทร. 08-2288-0231, www.krokyimthaifood.com, FB:krokyimthaifood
ที่มา..http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000150043
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น