เอโก๊ะ ทุกอย่าง20บาท

| วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

คุณสุพจน์ ได้ไปเรียนต่อ ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จนจบปริญญาโทด้านการตลาด อยู่ทำงานที่นั่นต่อเพื่อหาประสบการณ์ ประมาณ 5 ปีจนถึงจุดๆหนึ่งจึงกลับมาเมืองไทย เนื่องจากครอบครัวมีธุรกิจนำเข้า
เครื่องมือช่าง เครื่องจักรอุตสาหกรรมอยู่แล้วจึงทำให้มีความรู้ทางด้านนำเข้าเป็นทุน สบช่องทางหันมาทำธุรกิจสินค้าทุกอย่าง 60 บาท นำเข้าจากญี่ปุ่น ในตอนนั้นเปิดขายอยู่แล้วในห้าง THE MALL ขยายต่อมาที่ SIAM PARAGON , EMPORIUM , ISETAN , VILLA ตอนนั้นยังไม่ได้มีแบรนด์เป็นของตัวเอง เป็นเพียงผู้นำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นมาส่งให้ทางห้างเท่านั้น จนธุรกิจเริ่มแข็งแรง จึงได้ขยายตัวออกมาจากในห้างมาอยู่ย่านเศรษฐกิจอย่างสำเพ็งและทำให้ได้รับผลตอบรับอย่างดี จึงเริ่มคิดที่จะขายปลีก-ส่ง ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็ได้ย้ายสำนักงานมาอยู่ที่บริเวณสายใต้เก่า ปิ่นเกล้า

สินค้าและบริการ          
  เป็นร้านค้าที่เปิดขายของใช้ทั่วๆไปจะมีของทั้งหมดประมาณ 3,000 ถึง 4,000 รายการ โดยจะมี
-  ของที่ผลิตเองในประเทศไทย
- ของที่นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน  สินค้าจากญี่ปุ่น คือพวกอุปกรณ์ของใช้ในห้องน้ำ ในห้องครัว  ส่วนเกาหลีจะเป็นพวกอุปกรณ์ตกแต่งจำพวกขนตาเทียม เพ้นท์เล็บ เครื่องเขียนที่เป็นสไตล์เกาหลี  สำหรับจีนจะรวมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นของใช้ในครัว ของเล่นสติ๊กเกอร์ ตุ๊กตา โดยการให้บริการของร้านเอโกะ คือจะมีทั้งขายปลีก-ส่ง

รูปแบบการลงทุน
ร้านเอโกะจะมีรูปแบบการลงทุนอยู่ 3 ลักษณะ ดังนี้
ในส่วนของห้าง จะเป็นของทุกอย่าง 60 บาท
ในส่วนของสมาชิกทั่วไป จะเป็นของทุกอย่าง 20 บาท
ศูนย์ค้าส่ง ประจำจังหวัดต่างๆ
จุดเด่นของเอโกะ
1ฟรีค่าขนส่งทั่วประเทศคุณสมบัติของผู้ลงทุน

-เงินลงทุนจะต่างกันตามลักษณะร้านที่เปิด ถ้าเป็นสมาชิกทั่วไป 20,000 บาท  ศูนย์ค้าส่ง ประจำจังหวัด 200,000 บาท

-ทำเล สำหรับร้านค้าปลีกนั้น ทำเลจะเป็นสิ่งที่สำคัญมาก คือที่ไหนที่มีคนเดินเยอะ ก็จะขายดี ต้องเป็นคนเดินเยอะ ไม่ใช่รถผ่านเยอะ

-กรณีที่เปิดร้านแบบขายปลีกต้องชอบการบริการ ชอบการขายปลีก

-สำหรับคนที่จะเปิดแบบศูนย์ประจำจังหวัดต้องชอบการบริหาร และการขายส่ง ตามอำเภอต่างๆ



สิทธิประโยชน์ที่สมาชิก จะได้รับ
-ผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกเอโกะ ถ้าสั่งซื้อสินค้าครั้งแรก 20,000 บาท จะได้เป็นสมาชิกฟรี และจะได้รับแพ็คเก็ตเปิดร้านใหม่ มีป้ายร้าน มีผ้ากันเปื้อน มีธงปลาคร๊าฟ  มีโคมญี่ปุ่น  มีสติ๊กเกอร์ แล้วก็มีป้ายติดตรงหัวเช้ลส์

-ลูกค้าที่เป็นสมาชิกทั่วไปจะมีการขึ้นภาพให้ตามเว็บไซต์แล้วก็เอาลงในโฆษณาตามหนังสือต่างๆตามแต่ละเดือนวนกันไป
-กลุ่มลูกค้าศูนย์ประจำจังหวัด จะได้รับการช่วยเหลือ ทางการตลาด โดยจะดูแลเรื่องป้ายทั้งหมดที่ลงในจังหวัดนั้น   ไม่ว่าจะเป็น    ป้ายตาม

สี่แยก ป้ายไฟ หนรืหรือว่าป้ายบนตัวตึก โฆษณาวิทยุในพื้นที่ ใบปลิว และการจัดงานประจำจังหวัด ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีเงื่อนไขอยู่หนึ่งข้อก็คือสมาชิกทุกคนจะต้องรักษาชื่อเสียงของร้านเอโกะ ไม่ทำให้เสื่อมเสีย เพราะถ้ามีกระแสจากลูกค้าว่า ร้านเอโกะสาขาไหนบริการไม่ดี ร้านนั้นจะถูกตัดจากการเป็นสมาชิก และขอป้ายคืนทันที

สาขาปัจจุบัน

ร้านเอโกะมีสาขาในปัจจุบันทั้งหมด  890 สาขา โดยสัดส่วนของต่างจังหวัดจะอยู่ที่ 80% ส่วนกรุงเทพจะอยู่ที่ 20% เหตุผลที่กรุงเทพมีน้อยเพราะว่าตลาดคู่แข่งเยอะไม่ว่าจะเป็นสำเพ็งหรือร้านค้าส่งอื่นๆ แต่ต่างจังหวัดจะหาร้านค้าส่งแบบนี้ไม่ค่อยได้ แล้วลูกค้าสะดวกที่จะติดต่อกับเอโกะมากกว่า  เพราะว่าฟรีการขนส่ง แล้วราคาจะเท่ากับซื้อในกรุงเทพ ในส่วนของศูนย์กระจายสินค้าประจำจังหวัด ตอนนี้มีนครสวรรค์ โคราช อุดร สระแก้ว สกลนคร ระยอง ร้อยเอ็ด  และชัยภูมิกับตรัง เป็นต้น

นโยบายการขยายธุรกิจ

เอโกะจะทำการขยายสาขาไปยังต่างประเทศ เช่น พม่า ย่างกุ้ง โฮจีมินและเวียงจันทร์ สำหรับในส่วนของประเทศไทยจะเพิ่มเป็น 1,500 สาขา คือทุกอำเภอจะต้องมีร้านเอโกะอยู่ และอีกไม่นานก็คงจะได้เห็นสินค้าของเอโกะวางอยู่ตามเช้ลในเซเว่นอีเลฟเว่น บิ๊กซี แล้วก็โลตัส เป็นต้น

ติดต่อที่

บริษัท เอกดำรงค์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

เลขที่ 147/106-109 ถนนบรมราชชนนี

แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย

กรุงเทพฯ 10700  

เปิดทำการ วันจันทร์-เสาร์ เวลา 8.30-17.30 น. โทรศัพท์ 0-2433-6758 , แฟกซ์. 0-2884-5586,อีเมล์ :  japankitchenproduct@hotmail.com ,

ที่มา....http://opbizmag.com/

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Next Prev
▲Top▲