ชิกกี้ชิก ไก่ทอดแนวใหม่ กำไรน่าลุ้น

| วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2557

ไก่ทอด แบรนด์ “ชิกกี้ชิก” (CHICKY CHIC) เริ่มออกสู่ตลาดตั้งแต่ พ.ศ.2549 ในรูปแบบขายอาชีพกึ่งแฟรนไชส์ เคยมีสาขาคีออสกว่า 400 จุดทั่วประเทศ แต่เพราะขาดความจัดเจนในการบริหารสาขา จนล้มหายตายจากไปจำนวนมาก เหลือแค่ประมาณ 150 จุดในปัจจุบัน



       ทว่า ล่าสุดแบรนด์นี้ขอกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้ง โดยยกเครื่องระบบบริหารใหม่ พร้อมชูจุดขายเป็นช่องทางอาชีพที่ออกแบบให้ง่ายต่อการลงทุน ใช้พื้นที่และงบประมาณน้อย รายได้น่าสนใจ เหมาะสำหรับคนกำลังมองหาอาชีพที่ไม่ต้องรับความเสี่ยงมากเกินไป

       ธนินวัฒน์ พรพัฒน์เดชอุดม ผู้จัดการทั่วไปอาวุโส บริษัท เอ็มดี 79 จำกัด เจ้าของแบรนด์ไก่ทอด “ชิกกี้ชิก” ที่พกประสบการณ์พัฒนาระบบแฟรนไชส์ ในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทยกว่า 20 ปี เข้ามารับหน้าที่ปรับระบบใหม่นับแต่ต้นปี พ.ศ.2554 ที่ผ่านมา เล่าว่า เดิมปัญหาสำคัญของชิกกี้ชิก คือ เน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพ ทำให้ดูแลคุณภาพสาขาไม่ทั่วถึง อีกทั้ง ทำเลและผู้ลงทุนบางรายไม่เหมาะสมกับธุรกิจ ทำให้หลายรายต้องยุติกิจการ ดังนั้น ได้ปรับกลยุทธ์ใหม่ให้มีระบบดูแลชัดเจน
     กล่าวคือ เน้นการปล่อยอาชีพรูปแบบกึ่งแฟรนไชส์ที่ใช้งบลงทุนน้อย ความเสี่ยงต่ำ รายได้น่าสนใจ แต่ผู้ลงทุนต้องมียอดขายน่าพอใจ ไม่เช่นนั้นจะถูกยกเลิกสัญญา ซึ่งเป็นระบบที่กระตุ้นให้ผู้ลงทุนต้องเอาใจใส่ในอาชีพอย่างจริงจัง
     สำหรับรูปแบบลงทุน มี 3 รูปแบบ คือ คีออสรถเข็น แบบฟู้ดคอร์ส และแบบร้าน Stand alone โดยเบื้องต้นจะเน้นปล่อยสาขาแบบคีออส กำหนดงบลงทุน ได้แก่ 1.ค่าการตลาดต่อจุดขาย 5,000 บาท 2.ค่าอุปกรณ์ย่อยประมาณ 4,000 บาท(สามารถเลือกซื้อเองได้หลายรายการ) 3.ค่าเช่าตู้แช่แข็ง 500 บาทต่อเดือน(ไม่เอาตู้แช่ไม่ต้องจ่าย) 4.เงินประกันอุปกรณ์ 25,000 บาท (คืนเมื่อเลิกและคืนอุปกรณ์โดยหักค่าซ่อมแซมให้ใช้งานได้ปกติ) 5.ค่าวัตถุดิบแรกเริ่ม(ตามยอดสั่งประมาณ8,000บาท) เบ็ดเสร็จงบลงทุนเบื้องต้น ประมาณ 45,000 บาท แต่จ่ายจริงประมาณ 20,000 บาท เนื่องจากจะได้เงินคืน 25,000 บาท หากยกเลิกสัญญาระหว่างกัน

คีออส "ชิกกี้ชิก"

       ทั้งนี้ มีเงื่อนไขว่า 1.ระยะเวลาของสัญญาปีต่อปี 2.ไม่สามารถโอนหรือขายกรรมสิทธิ์ได้ 3.ต้องซื้อวัตถุดิบหลักจากบริษัทฯเท่านั้น คือ ไก่ทอดแช่แข็ง และบรรจุภัณฑ์ 4.ชำระค่าสินค้าเป็นเงินสดหรือโอนล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ค่าแรงงาน ค่าเช่า ค่าสาธารณูปโภคและอื่นๆ ผู้ลงทุนต้องรับผิดชอบเอง  

       ด้านทำเลที่เหมาะสมจะนำชิกกี้ชิกไปลงนั้น ควรจะเป็นย่านชุมชน สถานศึกษา และห้างโมเดิร์นเทรด ซึ่งผู้ลงทุนต้องเป็นฝ่ายนำเสนอเพื่อให้บริษัทพิจารณา

       สำหรับสินค้าหลักที่ขายในปัจจุบัน มี 8 ชนิด คือ ป๊อป ป๊อป, สไปซี่ ป๊อป, ชิก อบูริ, ชิกนักเก็ต, ชิก คาราเกะ, ชิก โกกอน, ชิก คัสซุ และเฟรนช์ฟราย โดยเฉลี่ยขายปลีกชุดละ 25 บาท ในน้ำหนักประมาณ 80 กรัม โดยเงื่อนไขการสั่งสินค้าจากบริษัท ขั้นต่ำ 30 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 130 บาท ส่ง ณ จุดขาย (กรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่คิดค่าขนส่ง ส่วนต่างจังหวัดคิดตามระยะทาง) มีรอบการสั่งสินค้าสัปดาห์ละ 2 วัน โดยเฉลี่ยหลังหักต้นทุนค่าวัตถุดิบไก่แล้ว ผู้ขายจะมีกำไรประมาณ 40-50% จากยอดขาย แต่เมื่อรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งหมดแล้ว จะเหลือกำไรสุทธิประมาณ 20-30% จากยอดขาย โดยข้อมูลที่ผ่านมา เฉลี่ยจะคืนทุนได้ในเวลา 1 เดือน

       “ทางบริษัทฯ กำหนดเป้าให้ว่า ผู้ลงทุนควรจะขายได้อย่างต่ำวันละ 10 กิโลกรัม ซึ่งจะทำให้มีกำไรสุทธิประมาณ 1,000 บาทต่อวัน โดยบริษัทฯ จะตรวจสอบคุณภาพสาขาจากยอดการสั่งวัตถุดิบ และมีทีมงานซุ่มตรวจ รวมถึงเปิดสายรับร้องเรียนจากผู้บริโภค หากสาขาใดยอดไม่เข้าเป้า ซึ่งอาจเกิดจากปัญหาทำเลไม่เหมาะสม หรือผู้ขายไม่ทำตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น ไม่เปลี่ยนน้ำมันทอดทุกวัน นำวัตถุดิบอื่นมาขายแทน ขาดความสะอาด ฯลฯ เบื้องต้นจะส่งทีมงานเข้าไปช่วยเหลือแนะนำปรับปรุง แต่ถ้ายอดยังไม่ดีขึ้น เราจะขอยกเลิกสัญญา ยึดธุรกิจคืน ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้คนลงทุนต้องเอาใจใส่ธุรกิจ ทำยอดขายให้ได้ตามเป้า ซึ่งจะเกิดประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่าย” ธนินวัฒน์ อธิบาย

       เขา เผยด้วยว่า จุดแข็งของ “ชิกกี้ชิก” อยู่ที่ตัวผลิตภัณฑ์ ที่ออกแบบมาให้ง่ายต่อผู้ขาย โดยเป็นไก่ทอดแช่แข็งสำเร็จรูป ผู้ขายเพียงแค่ทอดอุ่นร้อนเท่านั้น ด้านรสชาติวิจัยและพัฒนามาแล้วว่าถูกปากคนไทย กินได้ทันทีโดยไม่ต้องมีน้ำจิ้ม โดยมีแหล่งผลิตจากบริษัท พนัสโพลทรี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ดำเนินกิจการเกี่ยวกับไก่ครบวงจร มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 มีฟาร์มไก่ระบบปิด เลี้ยงด้วยธัญพืช ปลอดสารเคมี อีกทั้ง ไม่ใช้สารเร่งเจริญ (Growth Promoter) การผลิตได้รับมาตรฐานสากลครบถ้วน ทั้ง ISO 9002, HACCP, GMP และเครื่องหมายฮาลาล ทำให้ผู้บริโภคเกิดความเชื่อมั่นด้านความสะอาดและปลอดภัย

       สำหรับแผนทำตลาดใหม่นี้ เบื้องต้นได้ไปปรับปรุงร้านเดิมที่มีกว่า 150 จุด ให้มาอยู่ในมาตรฐานใหม่ทั้งหมด นอกจากนั้น ตั้งเป้าว่า ภายในปีนี้ จะเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 100 จุด รวมกับสาขาเดิมเป็น 250 จุด ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มียอดขายวัตถุดิบไก่ทอดแช่แข็ง ประมาณ 100 ล้านบาทต่อปี และเป้าระยะยาวอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะเพิ่มสาขารวมกันถึง 1,000 จุด    สนใจธุรกิจโทร.08-1339-6295

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Next Prev
▲Top▲