ขนมไทยสเตอริไลซ์ O-Cha เปิดกระป๋องพร้อมรับประทาน

| วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557

“เมื่อเรามาทีหลังในวงการขนมไทย การคิดต่างจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” เป็นความคิดเจ้าของธุรกิจขนมไทยสเตอริไลซ์ O-Cha (โอชา) ที่สุดท้ายก็รู้ว่าเดินมาไม่ผิดทาง กับบทพิสูจน์ด้วยยอดส่งออกสินค้าไปทั่วโลก กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขนมไทยบรรจุกระป๋องแบบสเตอริไลซ์ “เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย” ของนักธุรกิจที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านอาหารมาก่อน

       นักธุรกิจที่ทำธุรกิจมาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าครบวงจร ธุรกิจนำรถขนาดเล็กเพื่อการเกษตร และเครื่องประดับ ล่าสุดหันมาจับธุรกิจด้านอาหาร เพราะเชื่อว่าที่ผ่านมาธุรกิจที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 ตนเองก็ทำมาเกือบครบ แต่ยังขาดด้านบริโภค “นายณัฐพงศ์ สุขจริง” ผู้จัดการ บริษัท กาเนช อินเตอร์เทรด จำกัด ใช้เวลาขบคิดนานถึง 2 ปีว่าจะทำอาหารประเภทไหนออกมาสู่ตลาด โจทย์ยากคือต้องเป็นสิ่งใหม่ยังไม่มีในโลก และตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุด ซึ่งอาหารประเภทของคาวก็มีเป็นจำนวนมาก ส่วนขนมหวานแบบไทยๆ ยังเป็นของต้องตั้งใจไปซื้อหาจึงจะได้รับประทาน


       เขาต้องตีโจทย์เรื่องขนมไทยให้แตกว่าทำอย่างไรให้รับประทานได้ทั่วโลก เริ่มจากหาเทคโนโลยีด้านการถนอมอาหารเพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพและรสชาติแบบดั้งเดิม ซึ่งเขาพบว่าเทคโนโลยีสเตอริไลซ์ (sterilize) สามารถฆ่าเชื้อโรคในอาหารได้หมด ด้วยความร้อน 130 องศาเซลเซียส เขาจึงตระเวนปรึกษานักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านขนมไทยโดยเฉพาะ พร้อมนำแนวคิดขนมไทยใส่กระป๋องแบบสเตอริไลซ์ไปขอข้อมูลเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะยังไม่มีในตำรา แต่เขาก็ไม่ย่อท้อคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้หากตั้งใจจริง...


       เขาเริ่มศึกษาเรื่องราวการถนอมอาหารแบบสเตอริไลซ์อย่างจริงจัง ควบคู่กับการลองผิดลองถูกกับขนมไทยๆ อย่าง ข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวหลาม ลอดช่องน้ำกะทิ และอื่นๆ ที่สุดท้ายกลายเป็น 6 เมนูขนมไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก ได้แก่ มันเชื่อม ตะโก้ และขนมหม้อแกงทุเรียน แต่เส้นทางแห่งความสำเร็จไม่ง่ายเลย เขายอมรับว่าเสียน้ำตาไปมาก ทำทิ้งไปเยอะ แต่ไม่เคยท้อ เพราะคิดว่าเมื่อเริ่มต้นแล้วต้องทำให้สำเร็จ และความพยายามของเขาก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่าเขาทำได้จริง ไม่กลัวคู่แข่งลอกเลียนแบบเพราะกระบวนการผลิตยุ่งยาก ไม่มีในตำราให้ศึกษา ทุกอย่างล้วนมาจากประสบการณ์และการลองผิดลองถูกทั้งสิ้น


       1 ปี กับ 6 เดือนที่ผ่านมา ขนมไทยสเตอริไลซ์ก็เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยปราศจากสารกันเสีย เก็บได้นานในอุณหภูมิปกติถึง 1 ปีเต็ม กับบรรจุภัณฑ์กระป๋องอะลูมิเนียม 100% สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย กับ 6 เมนูที่กล่าวมาข้างต้นเป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะเมนูที่มีทุเรียนเข้ามาเกี่ยวข้องถึง 2 เมนู อย่าง ข้าวเหนียวทุเรียน และหม้อแกงทุเรียน เขาตั้งใจเจาะลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ โดยที่ผ่านมาเน้นตลาดส่งออกไปประมาณ 90% เช่น สิงคโปร์ มาเลยเซีย ออสเตรเลีย สวีเดน และเดนมาร์ก เป็นต้น ขณะที่ในปีหน้าจะเน้นตลาดในเมืองไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชีย



       “การที่เราเลือก 6 เมนูนำร่องเพราะเป็นขนมไทยที่ยังไม่มีใครนำมาทำเป็นแบบแช่แข็งมากนัก หรือระบบการถนอมอาหารอื่นๆ ส่วนเมนูทุเรียนถือว่าชาวจีนรู้จักดีและชื่นชอบมาก ซึ่งตรงกับแผนการตลาดส่งออกที่หนึ่งในนั้นคือ จีน ส่วนเมนูอื่นๆ เราคิดว่าชาวต่างชาติรับประทานไม่ยาก วัตถุดิบรู้จักกันดี เช่น มะพร้าว กะทิ มันสำปะหลัง ขณะที่รสชาติก็ไม่หวานเกินไปนัก จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่วนวัตถุดิบจะเป็นเกรดเอทั้งหมด อย่าง ถั่วก็เลือกใช้แบบไม่ตัดต่อพันธุกรรม น้ำตาลก็เลือกใช้แบบที่มีใบรับรองอาหารฮาลาล ทำให้สินค้าเราสามารถเข้าประเทศในแถบมุสลิมได้ด้วย ในราคาขายปลีกที่ 35 บาท/กระป๋อง”

       ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 300,000 ชิ้น/เดือน แต่ในเร็วๆ นี้เขาเตรียมสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตส่งร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ อย่าง เซเว่นฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงเจรจาธุรกิจ รวมถึงจะทำเมนูอื่นๆ ออกมาเพิ่มเติมด้วย ได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วง กล้วยบวชชี บัวลอย ส่วนเมนูยอดฮิตลูกค้าแทบทุกชาติตอบรับดี คือ ข้าวหลาม กับตะโก้

       ถือเป็นความสำเร็จที่มาจากความพยายามล้วนๆ ที่เจ้าของธุรกิจขนมไทยสเตอริไลซ์ O-Cha กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า นอกจากความพยายามของตนเองแล้ว ยังได้แรงใจจากภรรยาคนเก่ง “เยาวลักษณ์ ลีละพรรหุต” ที่สู้ไม่ถอยเช่นกัน ปัจจุบันเธอดูแลด้านการผลิตเองทั้งหมด จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสเตอริไลซ์ไปแล้ว...  








       ***สนใจติดต่อ 0-2819-1118 หรือที่ www.thai-o-cha.com***

  ที่มา..http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124492

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Next Prev
▲Top▲