เซ็กซี่อย่างมีสไตล์ กับ Milin

| วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556

ไม่ใช่ว่าความฝันของทุกคนจะเป็นจริงได้เสมอ ...ไม่ใช่ใครๆ ก็สามารถเป็นดีไซเนอร์ได้! หากแต่ต้องอาศัยความพยายามและความไม่กลัวที่จะถามผู้รู้ที่มีประสบการณ์มากกว่าในฐานะผู้น้อย...“มีมี่-มิลิน ยุวจรัสกุล”
ดีไซเนอร์หน้าใหม่เจ้าของแบรนด์ “มิลิน” (Milin)
ที่วันนี้แบรนด์ของเธอกำลังโดดเด่นในวงการแฟชั่นแถวหน้าของเมืองไทย ด้วยความเรียบโก้ของสไตล์เสื้อผ้า และความเก๋ของตัวเธอเองที่ทำให้เราต้องพาคุณไปรู้จัก ดาวดวงใหม่แห่งวงการแฟชั่นดวงนี้ที่ชื่อ “มิลิน” หลังจากเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในเมืองไทย มิลินได้เดินทางไปศึกษาต่อปริญญาตรี ด้านแฟชั่นดีไซน์ ที่ “เซ็นทรัล เซนต์ มาร์ตินส์ คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์” กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเลือกเรียนสาขาการออกแบบลายผ้าเป็นหลัก ได้เรียนรู้งานทั้งด้านดีไซน์ สไตลิสต์ คอลัมนิสต์ ตั้งแต่ นิตยสาร โฆษณา ภาพยนตร์ ทั้งในประเทศไทยและอังกฤษก่อนที่จะข้ามทวีปไปยังมหานครนิวยอร์ก เพื่อเริ่มศึกษาถึงรูปแบบของธุรกิจแฟชั่น เทรนด์ และศิลปะในการใช้สี ณ สถาบันเทคโนโลยีแฟชั่น (FIT) ประเทศสหรัฐ ความมุ่งมั่นทางด้านแฟชั่นของเธอทำให้ได้มีโอกาส ฝึกงานกับแบรนด์ดัง อย่าง “จิลล์ สจวร์ต”(Jill Stuart) ก่อนที่จะกลับมาเพื่อเริ่มต้นสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตนเองโดยใช้ชื่อ "มิลิน" ในปี ค.ศ.2009 "มี่เป็นคนที่สนใจเรื่องศิลปะและการออกแบบมาตั้งแต่เด็ก เวลาไปไหนจะชอบสังเกตสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี ไปจนถึงวัฒนธรรมทั้งเก่าและใหม่ ชอบเอาไอเดียเหล่านี้มาผสมผสานในการแต่งตัว มี่มองว่าแฟชั่นคือส่วนผสมระหว่างศิลปะกับวิถีชีวิต เพราะเสื้อผ้าก็คือศิลปะที่อยู่ใกล้ชิดเรา และบ่งบอกตัวตนของเราได้ ชัดเจนที่สุดอย่างหนึ่งในการสร้างแบรนด์มิลิน โดยมี่กับทีมงานจะคุยกันเลยว่าต้องทำให้ผู้หญิงที่ใส่เสื้อผ้าของมิลินรู้สึกดีกับตัวเองเมื่ออยู่หน้ากระจก และรู้สึกดียิ่งขึ้นเมื่อเดินออกไปพบปะผู้คน คือ เสื้อผ้ากับผู้สวมใส่ต้องสื่อสารกันได้ อย่างตัวมี่เองเวลาสวมใส่เสื้อผ้าของมิลินแล้วรู้สึกถึงสิ่งเหล่านั้นได้ นั่นคือ เสื้อจะดูสวยขึ้น เมื่ออยู่บนเรือนร่างมากกว่าอยู่บนไม้แขวน" อย่างที่รู้กันว่าการสร้างแบรนด์ขึ้นมาสักแบรนด์หนึ่งนั้นไม่ใช่แค่มีเงินก็ทำได้ แต่ต้องอาศัยฝีมือและความสร้างสรรค์บวกกับความใส่ใจ ซึ่งกว่าจะมีแบรนด์มิลินในวันนี้ตัวคุณมี่เองก็ต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์จากทั้งตัวเองและจากคนรอบข้างจนตกตะกอนและกลายมาเป็นทุกวันนี้ :: ขอแค่เป็นส่วนหนึ่งของ เซนต์ มาร์ติน ไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่เด็กไทยคนหนึ่งจะสามารถสมัครสอบเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยชื่อก้องโลก อย่าง “เซ็นทรัล เซนต์ มาร์ตินส์ คอลเลจ ออฟ อาร์ต แอนด์ ดีไซน์” ได้ แต่เมื่อมีฝีมือจนพิสูจน์ได้แล้วว่ามีความสามารถจริง จึงไม่ใช่เรื่องยากนักที่เธอจะได้เป็นศิษย์เก่าของสถาบันแฟชั่นชื่อดังแห่งนี้ “ตั้งแต่เด็กชอบศิลปะ เคยไปประกวดวาดภาพศิลปะ ช่วยวาดกำแพงโรงเรียนด้วย พอจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ก็รู้สึกว่ามี่มีความสุขกับงานศิลปะมาก ทั้งๆ ที่คุณแม่เคยส่งไปเรียนเปียโนและบัลเล่ย์ ...ก็ไม่ค่อยชอบ แต่หากเป็นเรื่องของศิลปะกลับทำได้สบาย จากนั้นมี่เริ่มทำแฟ้มผลงาน โดยเก็บสะสมกระดาษ ซองจดหมาย เศษผ้า เพื่อมาเป็นแรงบันดาลใจ แล้วมี่ก็เคยเรียนคอร์สสั้นๆ เกี่ยวกับการออกแบบและเท็กซ์ไทล์ด้วย พอตั้งใจว่าจะไปเรียนต่อที่เซนต์ มาร์ติน จึงต้องไปสมัครเรียนคอร์สอื่นๆ เพิ่มเติมก่อนสอบเข้า เพราะเมืองไทยตอนนั้นไม่มีการสอนเฉพาะทางด้านแฟชั่นแขนงย่อยๆ มากนัก ไปสมัครเรียนตอนแรกเลือกสาขาออกแบบเสื้อผ้าผู้หญิง แต่พอคณะกรรมการคัดเลือกของทางมหาวิทยาลัยเห็นผลงาน เขาก็แนะนำว่ามี่น่าจะถนัดทางด้านการลงสี ซึ่งเหมาะกับการออกแบบลายผ้า (Fashion Silk) มากกว่า แต่ได้เรียนทำเสื้อผ้าด้วย เน้นที่การดีไซน์ลายผ้า พอเรียนแล้วก็สนุกดี ลงสี ออกแบบเสื้อผ้า จนใบหน้าเปื้อนสีเกือบทุกวัน




 ไม่กลัวที่จะฝึกฝน
 ก่อนเรียนจบได้มีโอกาสไปฝึกงานทั้งในประเทศอังกฤษและในเมืองไทย ไปทำงานที่สตูดิโอออกแบบ ทำให้เธอได้มีโอกาสขายไอเดียและดีไซน์ จากนั้นก็จะมีแบรนด์แฟชั่นเสื้อผ้าใหญ่ๆ มาซื้อไปอีกที “พยายามหาความรู้ให้กับตัวเองด้วยการฝึกงาน โดยไปฝึกงานที่สตูดิโอในอังกฤษ แล้วก็มาฝึกงานที่นิตยสารสุดสัปดาห์ เป็นผู้ช่วยสไตลิสต์ ซึ่งขณะนั้น พี่น้ำ-สิริมน ณ นคร บรรณาธิการบริหาร ได้ให้โอกาสทำคอลัมน์บ้าง จากนั้นก็ทำงานฟรีแลนซ์อยู่ 2 ปี ก่อนที่จะไปเรียนต่อที่นิวยอร์ก มี่ฝันว่าสักวันจะไปหาความรู้ที่นั่น เพราะอยากทำเสื้อผ้า แต่ไม่มีความรู้ด้านการตลาดเลย จึงไปสมัครเรียนที่สถาบันเทคโนโลยีแฟชั่น (FIT) ซึ่งที่นิวยอร์กเน้นเรียนเกี่ยวกับการสร้างแบรนด์และการกำหนดเทรนด์ แต่ที่อังกฤษเน้นศิลปะมากกว่า ทำให้ได้ปลดปล่อยความเป็นตัวของตัวเอง และได้เข้าใจโลกของความจริงมากขึ้น ควบคู่ไปกับการฝึกงานทำให้มี่รู้วิธีการสร้างแบรนด์” จนวันหนึ่งต้องเริ่มทำแบรนด์ของตัวเอง เธอใช้ระยะเวลา 1 ปีในการสะสมจนออกมาเป็นคอลเลกชั่นแรกสู่สายตาแฟชั่นนิสต้า “พอกลับมาก็เริ่มสเกตช์แบบ ทำตามแบบที่ตัวเองชอบก่อน โดยที่ไม่รู้ว่าจะขายได้หรือไม่ ต้องขอความรู้จากดีไซเนอร์รุ่นพี่ ว่าทำเสื้อผ้าอย่างไร หรือซื้อเนื้อผ้าที่ไหน โชคดีที่พ่อทำอุตสาหกรรมสิ่งทอด้วยจึงทำให้มีโอกาสลองผิดลองถูกค่อนข้างเยอะ องค์ประกอบของการทำเสื้อผ้าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะนอกจากเราจะมีสินค้าแฟชั่นเก๋ๆ แล้ว การออกแบบตกแต่งร้านก็ต้องใส่ใจเช่นกัน ยิ่งตอนเปิดร้านไม่ต้องพูดถึง ไหนจะเรื่องคอนเซ็ปต์การจัดงาน การนำเสนอ และต้องมีคอนเนกชั่นกับคนอื่นด้วย เวลาจัดงานจะได้น่าสนใจและมีคนร่วมงานเป็นจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาผลตอบรับที่ออกมาก็ดีมาก หลายคนบอกว่างานดี เสื้อผ้าสวย ใส่ง่าย ซึ่งตรงกับความตั้งใจของมี่ที่ต้องการให้ชุดออกมาสำหรับใส่ไปทำงาน และไปงานตอนเย็นได้ด้วย แต่จะไม่เซ็กซี่เกินไป





Milin Collection 
สำหรับสาวอัพทาวน์สุดเปรี้ยวสไตล์แบรนด์ มิลิน (Milin) ที่ในคอลเลกชั่นล่าสุดนี้เธอ ตั้งใจหยิบเอาเรื่องราวเบื้องหลังความสวยหรูของสาวสวยมาตีแผ่บนชิ้นเด่นและลายพิมพ์ผ้าแบบใหม่ที่กลายมาเป็นเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์ไปเป็นที่เรียบร้อย ด้วยแรงบันดาลใจที่จะตีแผ่ถึงเบื้องหลังความสวยงาม เพรียบพร้อมของสาวงามผู้เข้าประกวดที่ต้องแลกมาด้วยการต่อสู ้แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเพื่อความเป็นหนึ่งกับคอลเลกชั่นใหม่ “CatFight for Spotlight” ที่หยิบยกเอาเรื่องราวอื้อฉาวหลังเวทีการประกวดนางงามที่เต็มไปด้วยกลยุทธ์เด็ดที่ผู้ที่ต้องการเป็นที่หนึ่งหยิบมาใช้สกัดดาวรุ่งรายอื่น ทั้งการใส่ร้ายป้ายสีกลั่นแกล้ง ชิงดีชิงเด่น มาใช้เป็นมู้ดและโทนหลักของคอลเล็กชั่น ผ่านโครงเสื้อ โทนสี เทคนิค และลายพิมพ์จนออกมาเป็นเสื้อผ้าในรูปแบบที่สาวกคุ้นเคยกันดี โครงเสื้อหลักที่มิลินหยิบมาใช้ในคอลเลกชั่นนี้ยังคงความสวยเปรี้ยวเช่นเคย โดยมีชุดกระโปรงสั้นเป็นตัวเด่นที่ มาพร้อมเทคนิคการคล้องผ้า การซ้อนชั้นผ้าและการตัดต่อผ้าไล่ระดับเพื่อให้เกิดมิติบนตัวชุด ในขณะที่ชิ้นเด่นอย่างกางเกงขาสั้นเอวสูงที่เป็นอีกหนึ่งชิ้นเอกลักษณ์สำคัญของแบรนด์มาในครั้งนี้ถูกปรับทรงให้มีความกระชับ คล่องตัว ใส่เข้าคู่กับเสื้อเอวลอย นอกจากนี้ ยังมีชิ้นใหม่ที่ น่าสนใจในซีซั่นนี้อย่างเสื้อคลุมแบบเคปที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเสื้อคลุมของนางงาม แจ็กเกตสูทตัวสั้น ชุดผ้าทอถักนิต รวมไปถึงเสื้อยืดและเสื้อกล้ามสกรีนลายคำศัพท์ ซ่าๆ ที่มีมาให้เลือกไปแมตช์ใส่ได้อย่างสนุกสนาน เช่นเดียวกันกับชุดกระโปรงยาวในครั้งนี้ มาพร้อมกับลายพิมพ์ผ้า เพิ่มความเปรี้ยวด้วยการผ่าเพื่อเผยให้เห็นเรียวขาและกระโปรงสั้นที่ซ่อนอยู่ด้านใน





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Next Prev
▲Top▲