การแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้แบบที่เรียกว่า “รีไซเคิล”
จึงยังเป็นแนวคิดที่ไม่เคยตกเทรนด์ เป็นหนทางการรักษ์โลกที่สร้างให้คนจำนวนไม่น้อยรวยด้วย “ขยะ” มาแล้ว เส้นทางการไปสู่รีไซเคิลนั้นจะต้องพึ่งเหล่าแมสเซ็นเจอร์ของเหลือทิ้งอย่าง ซาเล้ง หรือ เจ๊กขายขวด เป็นสะพานส่งผ่านสู่โรงงานรับซื้อขยะอีกที จะขายกันกี่ขวด กี่โล กี่บาท ก็ว่ากันไป นั่นเป็นวิธีที่รู้และทำกันมานาน แต่มาถึงยุคนี้ ยุคไฮเทคมากมาย ไอทีเฟื่องฟู “เจ็กขายขวดไฮเทค” อย่าง “พี่เพ็ท” จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือก กว่าจะเป็น “พี่เพ็ท” “พี่เพ็ท” เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานประกวดนวัตกรรมแห่งชาติประจำปี 2554 ในชื่อ “ผลิตภัณฑ์ P’PET เครื่องรับซื้อขวดพลาสติกรีไซเคิล” ผลงานนี้มีรางวัลชมเชยมาการันตี เจ๊กขายขวด พ.ศ.นี้ใช้ความไฮเทคมาเป็นความโดดเด่น เพราะเจ้าเครื่องนี้สามารถซื้อ-ขายขวดกันได้ง่ายๆ เพียงแค่หยอดขวดปั๊บ รับตังค์ปุ๊บ เรียกง่ายๆ ว่า เครื่องนี้เป็น “เจ๊กขายขวดไฮเทค” ก็ว่าได้ คุณปรีชา อนันต์ชล ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรม 1 ใน 12 ของทีมผู้ผลิต ในนามของ บริษัท แอสซีส ครีเอชั่น จำกัด เล่าถึงที่มาที่ไปของเจ๊กขายขวดไฮเทคนี้ว่า เกิดจากความคิดที่ต้องการจะแยกขยะเพื่อนำไปรีไซเคิลตั้งแต่ต้นทาง โดยมองที่ขวดเพ็ทเป็นสำคัญ เพราะผลจากการสำรวจพบว่า ด้วยคุณสมบัติที่โปร่งใส สวยงาม เหนียว แข็งแรง ทนทาน ไม่แตกง่าย น้ำหนักเบา ทนร้อน-เย็น ราคาถูก จึงทำให้ผู้บริโภคหันมานิยมใช้ขวดเพ็ทกันมากขึ้นทุกขณะ บทบาทยิ่งมาก ยิ่งถูกใช้มาก ก็ยิ่งกลายเป็นขยะมาก ขวดเพ็ท ขวดพลาสติกใสแจ๋วราวกับแก้ว จึงกลายเป็นหนึ่งในพระเอกขยะที่ติดชาร์ตตลอดกาล แต่ไม่เป็นไร...
เพราะพ่อพระเอกที่ว่านี้เขา “รีไซเคิล” ได้
การรีไซเคิลขวดเพ็ทนี้นอกจากจะช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกเม็ดใหม่ เป็นการลดการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญยังช่วยลดต้นทุนในการผลิตได้เป็นจำนวนมหาศาล 6 เดือน สำหรับการประมวลและระดมความคิด คิดค้นทั้งรูปแบบ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ รวมถึงการว่าจ้างดีไซเนอร์ออกแบบรูปลักษณ์เพื่อความสวยงาม สะดุดตา สะดวกใช้ และอีก 6 เดือนสำหรับการลงมือผลิต พี่เพ็ทจึงสำเร็จออกมาเป็นรูปเป็นร่าง สะดวกใช้ เพิ่มความต่าง จะว่าไปแล้ว ตู้รับซื้อขวดแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นตู้แรกของโลก เพราะในต่างประเทศก็มีให้บริการไม่น้อย แต่จะออกมาในรูปของการคิดราคามัดจำขวดไปก่อนและเมื่อนำขวดมาคืนโดยหยอดขวดลงไป ค่าตอบแทนจะออกมาเป็นคูปองไปแลกส่วนลดสินค้า หรือร้านค้าที่ร่วมโปรโมชั่นกันไว้ จากบทสำรวจพบว่า วิธีการที่ใช้ในต่างประเทศนั้นไม่ถูกกับนิสัยของคนไทย ทีมงานจึงเพิ่มความสะดวกโดยออกแบบให้ตู้นี้พร้อมใช้สามารถซื้อ-ขายได้ในทันที ผู้ใช้บริการต้องผ่านการเป็นสมาชิก เพียงใช้บัตรประชาชนสแกนกับเครื่อง ก็สามารถทำการซื้อ-ขายขวดเพ็ทได้ทันทีตามราคาตลาด หรือเท่ากับซาเล้งทั่วไป โดยสามารถเลือกที่จะรับเป็นเงินสด บริจาคหน่วยงานต่างๆ หรือรับส่วนลดจากร้านค้าได้ตามประสงค์ ถ้าไม่ประสงค์จะใช้บริการใดๆ ก็สามารถเก็บสะสมจำนวนเงินไว้ก่อน โดยระบบจะทำการเก็บยอดบัญชีนั้นไว้ โดยผู้ใช้บริการสามารถเช็คยอดเงินได้เหมือนระบบเอทีเอ็ม การซื้อ-ขายนี้ขอย้ำว่า ต้องเป็นขวดเพ็ทเท่านั้น โดยเครื่องจะทำการตรวจเช็คสเปกขวดว่า เป็นขวดเพ็ทหรือไม่ มีน้ำอยู่ในขวดหรือไม่ เปิดฝาแล้วหรือไม่ ขวดยังคงรูปเดิมหรือไม่ และยังมีฉลากอยู่หรือไม่ ถ้าไม่ตรงสเปกดังกล่าว เครื่องจะคืนขวดออกมาทันที สำหรับขวดที่ถูกสเปกก็จะผ่านเข้าสู่กระบวนการตัด ย่อย บด เพื่อสะดวกในการเก็บส่งต่อไป คุณปรีชา เล่าว่า “เราต้องเช็คขวดเพื่อความสะดวกในการจัดแยกขยะและความถูกต้องโดยการสแกนฉลากหรือบาร์โค้ดขวด และคิดเงินจากการคำนวณน้ำหนักขวดขนาด 300-2,000 ซีซี ต่อตู้สามารถเก็บได้มากถึง 100 กิโลกรัม โดยทางบริษัทได้ทำการติดต่อกับบริษัท อินโดรามา ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรายใหญ่ที่สุดของประเทศ และยังเป็นผู้นำเรื่องการรีไซเคิลขวดเพ็ทที่ระยอง ไว้แล้ว” บุกบริษัทใหญ่-เปิดแฟรนไชส์ ในปีหน้านี้ แอสซีสฯ วางแผนที่จะพาพี่เพ็ทออกสู่ตลาด
1.การสมัครสมาชิก ผู้ใช้บริการจะกดปุ่มสีเขียว แล้วนำบัตรประชาชนวางไว้ ณ ช่องรับบัตรดังภาพ เมื่อภาพตามบัตรประชาชนปรากฎยังหน้าจอมอนิเตอร์แล้ว ระบบจดจำภาพจะเริ่มทำงาน (Image Recognition) โดยใช้เวลาประมวลผลประมาณ 4-6 วินาที หลังจากนั้นหน้าจอมอนิเตอร์จะปรากฎข้อความให้ผู้ใช้บริการใส่หมายเลขบัตรประชาชน ดังภาพ
2.หลังจากนั้นที่หน้าจอมอนิเตอร์จะให้ผู้ใช้บริการใส่รหัส Password 4 หลัก ซึ่งเป็นการสิ้นสุดขั้นตอนการสมัครสมาชิกเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้บริการสามารถบรรจุขวดใส่ได้ทันทีโดยสแกนบาร์โค้ดของฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ก่อนแล้วจึงนำขวดหย่อนลงในช่องใส่ขวดดังภาพข้างต้น ทั้งนี้ผู้ใช้บริการจะต้องแยกฝาใส่ในช่องใส่ฝากก่อนมิฉะนั้นระบบกลไกภายในเครื่องจะส่งขวดกลับคืนมาที่ช่องรับขวดคืนดังภาพ
3.เมื่อผู้ใช้บริการนำขวดพลาสติกที่มีอยู่บรรจุในเครื่องเรียบร้อยแล้วเครื่องจะทำการบดขวดพลาสติกเป็นเศษขนาด 2x1 ต.ร.ซ.ม. พร้อมทั้งคิดราคาตามน้ำหนักขวดที่ใส่ลงไป ดังภาพ
4.ด้วยระบบ Image Recognition ผ่านกล้องภายในตัวเครื่องประกอบกับ Load Cell ที่ชั่งน้ำหนัก จึงทำให้ระบบสามารถทราบว่าภายในขวดมีสิ่งแปลกปลอมหลงเหลืออยู่หรือไม่ หรือเป็นการตรวจสอบว่าสิ่งที่ใส่มาตรงกับสิ่งที่ได้รับข้อมูลจากการสแกนบาร์โค้ดหรือไม่ ตลอดจนการทราบชนิดบรรจุภัณฑ์และน้ำหนักของขวด ซึ่งจะนำไปเปรียบเทียบกับข้อมูลบรรจุภัณฑ์ที่เก็บไว้ใน Sever ระบบจึงสามารถคัดกรองขวดที่ดีและขวดที่ไม่ดีออกได้ เมื่อเป็นขวดที่ดี ระบบกลไกของเครื่องจะส่งขวดลงไปบดยัง Shedder และได้เศษพลาสติกหลังการบด ดังภาพ
5.ผู้ใช้บริการเมื่อบรรจุขวดที่มีอยู่เป็นที่เรียบร้อยแล้วและมียอดรวมเป็นเงินเกินกว่า 1 บาทแล้ว จะสามารถเลือกได้ว่าจะถอนเงินเลยหรือบริจาคหรือนำไปแลกรับส่วนลดร้านค้าดังตัวอย่างในภาพ
6.ตัวเครื่องสามารถจ่ายเงินเป็นเหรียญที่ขั้นต่ำ 1 บาท หรือเหรียญ 5 บาท หรือเหรียญ 10 บาท ตามจำนวนเงินที่ผู้ใช้บริการสามารถสะสมได้
ที่มา...matichon.co.th
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น