Update

แฟรนไชส์สอนศิลปะเด็ก ธุรกิจแห่งการศึกษา

| วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

สถาบันสอนศิลปะสำหรับเด็ก ได้รับความนิยมในกลุ่มเด็ก และผู้ปกครอง มานานหลายปี เพราะจากแนวคิดที่เชื่อว่า ศิลปะจะช่วยในเรื่องการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ให้กับเด็ก ประกอบกับเด็กๆส่วนใหญ่ก็ชื่นชอบการวาดรูปอยู่แล้ว ทำให้สถาบันสอนศิลปะในบ้านเราแจ้งเกิดเป็นจำนวนมาก
สำหรับ “โกลเบิลอาร์ต” เป็นหนึ่งใน แฟรนไชส์สถาบันสอนศิลปะสัญชาติมาเลเซีย ที่ประสบความสำเร็จในการเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยเพียง 4 ปี มีสาขาถึง 34 สาขา ภายใต้คอนเซ็ปต์ ของสถาบันสอนการคิด และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ผ่านการสอนศิลปะ เป็นแม่เหล็กทำให้ผู้ปกครองให้ความสนใจส่งลูกมาเรียนศิลปะที่สถาบันแห่งนี้กันเป็นจำนวนมาก
แฟรนไชส์สอนศิลปะเด็ก ธุรกิจการศึกษาโตสวนกระแส
นายณณัฎฐ์ เขมโสภต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลเบิล อาร์ต แอนด์ ครีเอทีฟ ( ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า โกลเบิลอาร์ต ได้มีการพัฒนาเรื่องการสอนศิลปะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ปกครองที่ส่งลูกมาเรียนจะไม่ได้แค่เพียงวาดรูปเป็นเท่านั้น โดยภายในหลักสูตร จะสอนให้เด็ก ได้ฝึกกระบวนการคิด วิเคราะห์ การแก้ปัญหา และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ ผ่านการแก้ไขโจทย์ ซึ่งแฝงอยู่ในการทำงานศิลปะ โดยมีคุณครูทำหน้าที่พูดคุยถามคำถาม คอยกระตุ้นให้เด็กคิด จินตนการ ตลอดจนฝึกฝนทักษะด้านศิลปะที่จำเป็น
โดยทางสถาบัน จะเริ่มรับนักเรียนตั้งแต่อายุ 4 ปี ถึง 18 ปี ส่วนหลักสูตรจะแบ่งออกตามระดับการเรียนตั้งแต่ระดับพื้นฐานถึงระดับสูง โดยแบ่งออกเป็น 4 ขั้น 13 ระดับ ส่วนค่าเรียน เดือนละ 1,500 บาท สำหรับขั้น 1 ถึง 3 และขั้น 4 ถึง 5 เดือนละ 1,600 บาท และ ขั้น 6 ขึ้นไป ค่าเรียนเดือนละ 1,700 บาท
“เมื่อเทียบกับการสอนศิลปะทั่วไป ราคาของเราอาจจะสูงกว่า แต่สิ่งที่เรามอบให้กับเด็ก ไม่ใช่แค่ความรู้ทางด้านศิลปะเท่านั้น แต่หัวใจของเรา คือ การให้เด็กรู้จัก คิด วิเคราะห์ และแก้ปัญหาเป็น ซึ่งสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ หรือปรับใช้กับการเรียนได้ เด็กหลายคนการเรียนดีขึ้นหลังจากมาเรียนกับเรา เพราะเขาจะมีการลำดับความคิด และมีสมาธิมากขึ้น”
แฟรนไชส์สอนศิลปะเด็ก ธุรกิจการศึกษาโตสวนกระแส
นายณณัฎฐ์ เล่าว่า ในส่วนของการขยายสาขา ในปีนี้ มีแผนที่จะบุกตลาดต่างจังหวัดให้มากขึ้น หลังจากการที่เราได้ไปเปิดแฟรนไชส์ในจังหวัดชลบุรี ทำให้ทราบว่า ผู้ปกครองและนักเรียนในต่างจังหวัดให้ความสนใจ มาเรียนกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ดี ทำให้เราหันมามองตลาดในต่างจังหวัด โดยมีแผนจะปักธงรบตามหัวเมืองใหญ่ของแต่ละภาค ทุกภาค และตั้งเป้าไว้จะขยายในต่างจังหวัดเพิ่มให้ได้อีก 15 สาขาในปีนี้
ส่วนราคาแฟรนไชส์ ได้มีการปรับแผนการชำระค่าแฟรนไชส์ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องของผู้ลงทุนให้สามารถลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยการแบ่งชำระออกเป็น 2 ช่วง ช่วงแรก ผู้ลงทุนจะชำระค่าแฟรนไชส์ฟี 200,000 บาท ต่อสัญญา 3 ปี หลังจากนั้นชำระ 100,000 บาท ต่อสัญญาอีก 3 ปี โดยการลงทุนเปิดศูนย์ในต่างจังหวัด รวมค่าตกแต่งสถานที่ประมาณ 500,000 บาท ขึ้นไป
สำหรับพื้นที่ขนาดของศูนย์ประมาณ 70 ตารางเมตร แบ่งออกเป็น 2-3 ห้องเรียน (ห้องเรียนละ 15 -20 ตรม.) ส่วนทำเลที่ตั้งที่ดี เช่น ใกล้สถาบันกวดวิชาอื่นๆ หรืออยู่ในใกล้โรงเรียน เพื่อเด็กจะสะดวกในการมาเรียน และควรพิจารณาดู ค่าเช่าพื้นที่ที่เหมาะสม ด้วย โดยเราจะพิจารณาการเปิดศูนย์ 1 อำเภอต่อ 1 ศูนย์เท่านั้น เพื่อจะได้ไม่เกิดพื้นที่ทับซ้อน
แฟรนไชส์สอนศิลปะเด็ก ธุรกิจการศึกษาโตสวนกระแส
ส่วนโอกาสคืนทุน คงต้องอยู่กับจำนวนผู้มาเรียน แต่เราตั้งไว้ให้ที่ 2-3 ปี เพราะจากประสบการณ์ที่เปิดมาแล้วหลายสาขา ส่วนใหญ่จะคืนทุนภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งสาขาที่เปิดให้บริการอยู่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะมีนักเรียนมาเรียนเฉลี่ยเดือนละ 70 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่ทำให้บริหารงานได้ง่ายและมีรายได้เพียงพอในการบริหารศูนย์
สำหรับบุคลากรในการสอน ทางเจ้าของแฟรนไชส์ จะจัดอบรมให้ฟรี ทุกหลักสูตร ตลอดอายุสัญญา ส่วนครูผู้สอนเปิดกว้างให้คนทั่วไป ไม่จำเป็นจะต้องจบการศึกษาทางด้านศิลปะมาโดยตรง แต่ควรมีพื้นฐานทางด้านศิลปะ และจบปริญญาตรี โดยต้องผ่านการสอบข้อเขียนและสัมภาษณ์ จากทางสำนักงานใหญ่ และเจ้าของศูนย์ ผ่านการอบรม และเข้าร่วมสัมมนาทุก 2 เดือน
“ภาพรวมตลาดการศึกษาในประเทศไทย ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก ซึ่งจะเห็นว่าธุรกิจการศึกษาจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่มักจะไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากเหมือนกับธุรกิจอื่นๆ เพราะแม้เศรษฐกิจจะเป็นเช่นไร ผู้ปกครองก็ยังคงต้องหาสิ่งที่ดี เพื่ออนาคตที่ดีของลูก ส่วนมูลค่าตลาดรวมด้านการศึกษาของไทยอยู่ที่ประมาณ 8,000 ล้านบาท”

โทร. 0-2214-6210-11
www.globalart.co.th
ที่มา.... http://www.manager.co.th/


แฟรนไชส์สอนศิลปะเด็ก ธุรกิจแห่งการศึกษา

Posted by : TAI2U on :วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ขนมไข่เต่า,ขนมไข่นกกระทา ขายง่ายช่วงเทศกาล

|
อ่านเพิ่มเติม »


เก็บตกจากเทศกาลดนตรี music festival ที่ผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่ผมเห็นว่าอาชีพนี้น่าจะเป็นช่องทางที่จะสามารถนำมาเป็นอาชีพเสริมได้ไม่ยาก สำหรับช่วงเทศกาลต่างๆ ในท้องถิ่น น่าจะดีไม่น้อยถ้าเราจะมีอาชีพเสริมช่วงเทศกาลนี้ ขนมไข่เต่า หรือบางท่านอาจจะเรียกขนมไข่นกกระทาทอดกรอบ ซึ่งเป็นขนมดั้งเดิมมีรสชาติอร่อย กรอบ หวาน มัน และเป็นขนมที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
ขนมไข่เต่า
อาชีพขายขนมไข่เต่านั้นเป็นอาชีพที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเลยครับ สำหรับบางท่านที่ลงทุนขายแบบรถมอเตอร์ไซต์พ่วง ก็สะดวกและขายง่ายมากๆ เพราะจะสามารถตระเวนไปได้ทุกที่ หรือเมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ เราก็จะสะดวกและรวดเร็วกว่าการตั้งขายแบบหน้าร้านครับ เพราะผมไปเจอมาหลายเจ้าที่ขายแบบรถมอเตอร์ไซต์ต่อพ่วง ผมได้ลองสอบถามคุณลุงคนหนึ่งที่ขายขนมไข่เต่าทอดกรอบว่าขายดีมั้ย ลุงตอบว่าขายดีมากยิ่งช่วงหน้าเทศกาลลุงขายดีเป็นสองถึงสามเท่าเพราะลูกค้าบางคนหารับประทานยาก พอมาเจอขนมไข่เต่านี้จึงอุดหนุนกันเยอะมาก แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลลุงก็จะไปจอดแวะขายตามหน้าตลาดนัดและเปลี่ยนที่ขายไปเรื่อยๆ จนหมดทุกวัน คุณลุงยังบอกอีกว่าขายขนมไข่เต่าทอดกรอบหรือขนมไข่นกกระทานี้มาหลายปีแล้ว ถึงรายได้จะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็เป็นอาชีพที่สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวของคุณลุงมาได้จนถึงทุกวันนี้
ส่วนผสมขนมไข่เต่า , ขนมไข่นกกระทา
1. แป้งมัน
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์
3. น้ำตาลทราย
4. หัวกะทิ
5. เกลือป่น
6. มันเทศ 1 หัว
7. ไข่ไก่ 2 ฟอง
8. ผงฟู
วิธีทำขนมไข่เต่า, สูตรขนมไข่นกกระทา
ขั้นตอนและวิธีการทำขนมไข่เต่า
- นำมันเทศมาปลอกเปลือก และล้างในน้ำให้สะอาด แล้วนำไปนึ่งให้สุก
- พอได้มันเทศนึ่งสุกแล้วให้นำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมแป้งมันลงไปแค่ครึ่งหนึ่งของมันเทศ จากนั้นก็นำแป้งสาลีใส่ลงไป 1/3 ส่วนของแป้งมัน
- นำไข่ที่เตรียมไว้ และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงแล้วใส่ลงไปรวมกันกับมันเทศบดและแป้งที่ผสมไว้แล้ว
- ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไปเล็กน้อย

- นวดแป้งและส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน และให้ใส่หัวกะทิลงไปตอนนวดแป้งทีละน้อย นวดจนให้สามารถจับปั้นได้
- ใส่ผงฟูลงไป 1 ช้อนชา พักแป้งที่นวดกับมันเทศไว้ครึ่งชั่วโมง และนำมาปั้นเป็นเม็ดกลมขนาดเท่าไข่นกกระทา
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้น้ำมันเดือดได้ที่ แล้วใส่ไข่นกกระทาหรือไข่เต่าที่ปั้นไว้ลงไปทอด
- ใช้ตะแกรงกดขนมระหว่างทอด เพื่อให้ฟูขึ้น ทอดให้เหลือง กรอบ จากนั้นตักขึ้นจากน้ำมัน รอให้สะเด็ดน้ำมัน ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน
หมายเหตุ : บางท่านอาจจะไม่ต้องใช้ไข่ไก่ในการทำขนมไข่เต่านี้ก็ได้ และถ้าใครไม่ชอบมันเทศก็สามารถเปลี่ยนมาเป็น เผือก ฟักทอง หรือมันสำประหลังแทนก็ได้ แล้วแต่ความชอบหรือบางท่านอาจจะทำแบบสอดไส้ถั่ว เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น และสัดส่วนของเครื่องปรุงและส่วนผสมนั้นแล้วแต่ว่าเราจะทำขนมไข่เต่ามากน้อยเพียงใด และสามารถตักตวงส่วนผสมได้ตามชิ้นส่วนของมันที่นำมาใช้ในการบดครับ
ที่มา....http://ohomakemoney.com/

ไก่ทอดเชียงคำ ไก่ทอดสมุนไพรสูตรเด็ด

| วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ กว่าจะมีวันนี้เราเริ่มต้นด้วยความยากลำบาก ล้มลุกคลุกคลานมาก็มาก ลองผิดลองถูกมาหลายอย่าง สุดท้ายก็มาลงตัวที่ไก่ทอดสมุนไพรนี้ เพราะคิดว่าการที่เราจะลงมือทำอะไรแล้ว ก็ต้องทำให้ดีที่สุด จึงได้ปรับปรุงสูตรจากไก่ทอดธรรมดาๆ ให้มีรสชาติอร่อยมากยิ่งขึ้น ถูกปากคนทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดิฉันมั่นใจว่า ไก่ทอดเชียงคำสูตรสมุนไพรนี้ อร่อยกว่าไก่ทอดทั่วไป เพราะคิดว่ารสชาติที่หอมอร่อยแตกต่างเท่านั้นที่จะสามารถแข่งขันได้

ความ น่าสนใจ... ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำเป็นไก่ทอดที่หมักด้วยสมุนไพรที่หอมเข้าเนื้อใน แป้งบางกรอบ กลมกล่อม กรอบนอก นุ่มใน มีให้เลือกหลายเมนู เช่น น่อง สะโพก อก ปีก หนัง เอ็นแก้ว โครง ข้อ เป็นต้น จะแตกต่างไปจากไก่ทอดทั่วไป คือ การหมักด้วยสมุนไพรสดๆ และเครื่องปรุงที่ลงตัว ไม่เลี่ยน หอมกลิ่นสมุนไพร พร้อมกับสูตรน้ำจิ้มไก่ ลูกค้าให้ความสนใจในเรื่องสุขภาพก็สามารถทานได้
อีกทั้งในสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ที่จะลงทุนค้าขายแล้วประสบความสำเร็จในเวลาที่รวดเร็ว ทั้งยังเสี่ยงกับการขาดทุน หรือต้องใช้เงินมากๆ ในการลงทุน และต้องดูตลาดด้วยว่าจะขายได้ดีไหม จุกจิกยุ่งยากในการทำและขายหรือไม่ สำหรับไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ต้องชื้อแฟรนไชส์ ลงทุนต่ำ ทำง่าย ขายดี รายได้งาม ไม่มีความเสี่ยง จะเห็นได้ว่าไก่ทอดมีขายอยู่ทั่วไป เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย ขายง่าย จะขายได้มากหรือน้อยก็ตรงที่คุณภาพ และรสชาติความอร่อยที่แตกต่างที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามาอุดหนุนได้ ไก่ ทอดสมุนไพรเชียงคำ เพราะเป็นได้ทั้งกับข้าวที่จำเป็นต้องบริโภค ของกินเล่น กับแกล้ม ซึ่งก็อร่อยได้ไม่แพ้กัน อีกทั้งราคาไม่แพงเท่าท้องตลาดทั่วไป ถูกใจลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย

อีกทั้งในสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย ที่จะลงทุนค้าขายแล้วประสบความสำเร็จในเวลาที่รวดเร็ว ทั้งยังเสี่ยงกับการขาดทุน หรือต้องใช้เงินมากๆ ในการลงทุน และต้องดูตลาดด้วยว่าจะขายได้ดีไหม จุกจิกยุ่งยากในการทำและขายหรือไม่ สำหรับไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่ไม่ต้องชื้อแฟรนไชส์ ลงทุนต่ำ ทำง่าย ขายดี รายได้งาม ไม่มีความเสี่ยง จะเห็นได้ว่าไก่ทอดมีขายอยู่ทั่วไป เพราะเป็นอาหารที่กินง่าย ขายง่าย จะขายได้มากหรือน้อยก็ตรงที่คุณภาพ และรสชาติความอร่อยที่แตกต่างที่จะดึงดูดลูกค้าเข้ามาอุดหนุนได้ ไก่ทอดสมุนไพรเชียงคำ เพราะเป็นได้ทั้งกับข้าวที่จำเป็นต้องบริโภคของกินเล่น กับแกล้ม ซึ่งก็อร่อยได้ไม่แพ้กัน อีกทั้งราคาไม่แพงเท่าท้องตลาดทั่วไป ถูกใจลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย
ตลาดถนอมมิตร เดินทางง่ายใกล้ทางด่วน วัชรพล เข้าชอย วัชรพล ตรงเข้ามา ผ่านเสถียร ธรรมสถาน เจอสามแยก เลี้ยวขวา ลอดใต้ทางด่วน 100 เมตร อยู่ขวามือ ติดกับ ธนาคารไทยพาณิชย์ เป็นตลาดใหญ่ที่สุดในย่านนี้ สะอาดมาก มีที่จอดรถกว้างขวาง มีสินค้าให้เลือกมากมาย อาหารแห้ง อาหารสด อาหารสำเร็จรูป ผลไม้ ดอกไม้ เสื้อผ้า รองเท้า โทรศัพย์ ฯลฯ หลายร้อยแผง สำหรับพ่อค้า แม่ค้า ที่มีของอยากขาย ยังมีแผงให้เช้าเข้ามาติดต่อที่ตลาดโดยตรงได้เลย คนเดินเยอะมากๆ ในตอนเย็น มาที่นี่ที่เดียวได้ครบทุกอย่าง มี รปภ ตลอด24 ชั่วโมง และยังมีคอนโดให้เช้า ราคาห้อง 1,800 บาท ต่อเดือน มีรายวัน วันละ 500 บาท ห้องสะอาดมาก โปร่งสบาย ไม่แออัด มีสวนสาธารณะ เดินเล่น ออกกำลังกาย ที่กว้างมาก ร้านไก่ทอดเชียงคำ อยู่ประตู2 หน้าประชาสัมพันธ์ และหน้าห้องน้ำ ท่านที่อยู่ต่างจังหวัด ที่จะเดินทางมาเรียน ก็พักที่นี่ได้เลยค่ะ จะได้เรียนหลายวันได้ เพราะไม่จำกัดวันเรียนค่ะ

สอบถามรายละเอียดได้ที่...
คุณอำไพ แซ่แต้ ตลาด ถนอมมิตร ชอย วัชรพล ถนนรามอินทรา กม.5 ท่าแร้ง บางเขน กทม.
โทร. 087-6942461 (เฉพาะเบอร์นี้เท่านั้น)
ไม่มีสาขาอื่น
www.kaitodck.com E-mail: kaitodck@hotmail.com

ไก่ทอดเชียงคำ ไก่ทอดสมุนไพรสูตรเด็ด

Posted by : TAI2U on :วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น
Next Prev
▲Top▲