Update

โรงเรียนตัดแต่งขนสุนัข รับ AEC อาชีพโกยเงินไม่ควรมองข้าม

| วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

ไม่น่าเชื่อว่าความต้องการของตลาดในธุรกิจตัดขนสุนัขยังเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะตลาดอาเซียน ล่าสุดมีการจัดตั้งเป็นโรงเรียนสอนตัดขนสุนัข แถมยังได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการของไทยเป็นแห่งที่ 2 เตรียมปั้นบุคลากรรองรับคนรักน้องหมาโดยเฉพาะ กับ “โรงเรียนสอนตัดขนสุนัข โกลมี่เพ็ท กรูมมิ่ง แอนด์ สปา” กลายเป็นกระแสความนิยมของคนไทยและต่างชาติที่หันมาให้ความสนใจธุรกิจด้านสัตว์กันมากขึ้น เพราะเชื่อว่าหากมีการเปิดเสรีการค้าในอาเซียน อาชีพและช่างฝีมือเหล่านี้จะเป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดจากจำนวนผู้เข้ามาเรียนด้านการตัดขนสุนัขกับโรงเรียน โกลมี่เพ็ท กรูมมิ่ง แอนด์ สปา เป็นชาวต่างชาติเกือบ 100% ผู้อำนวยการโรงเรียนโกลมี่เพ็ท กรูมมิ่ง แอนด์ สปา “อาจารย์ณรงค์ อนันต์เลิศสกุล” เผยเหตุผลหลักที่ทำให้เขาตัดสินใจกระโดดเข้าสู่ธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ว่า จากธุรกิจของครอบครัวที่เปิดร้านขายอาหารสุนัขมาเป็นสิบปี เห็นพฤติกรรมลูกค้าที่รักสุนัขเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และพร้อมที่จะจ่ายเงินเพื่อสุนัขที่พวกเขารัก จึงคิดว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงยังไม่ถึงทางตัน มีหลายช่องทางสร้างรายได้หากเข้าใจและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้

เขาจึงมุ่งมั่นศึกษาหาความรู้ด้านการตัดขนสุนัข การอาบน้ำ เพื่อต่อยอดจากธุรกิจของครอบครัว แต่เมื่อเริ่มต้นเรียนแล้วเหมือนเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้เขามองเห็นภาพกว้างและโอกาสเติบโตในธุรกิจนี้ได้อีกรูปแบบหนึ่ง ถึงขั้นเปิดเป็น “โรงเรียน” สอนด้านการตัดขนสุนัขแบบเต็มรูปแบบ ประกอบกับเมื่อย้อนกลับไป 10 ปีที่แล้ว ภาคใต้ยังไม่มีโรงเรียนที่เปิดสอนด้านนี้เลย จึงนับเป็นโอกาสและก้าวย่างสำคัญที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้นำในธุรกิจนี้ แต่เส้นทางการเปิดโรงเรียนสอนตัดขนสุนัขเพื่อให้กระทรวงศึกษาธิการรับรองนั้นเรียกได้ว่ามีอุปสรรคทุกขั้นตอน เพราะเป็นเรื่องใหม่ และเขาเป็นรายที่ 2 ของประเทศที่ยื่นเอกสารขอเปิดเป็นโรงเรียน ปัญหาหลักอยู่ที่หลักสูตรการเรียนการสอนที่ถูกตีกลับอยู่หลายครั้ง ใช้เวลาร่วมปีเศษกว่าจะได้ใบรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการมาครอบครอง

4 หลักสูตร กับ 3 ภาษา เป็นหลักสูตรการเรียนการสอนในปัจจุบัน ได้แก่ 1. หลักสูตร Basic Groomer Skill (28,000 บาท) เรียน 180 ชม. ในระยะเวลา 10 เดือน เนื้อหาครอบคลุมภาคทฤษฎี และปฏิบัติ เน้นการเรียนจนสามารถเปิดร้านได้ขั้นต้น เช่น พฤติกรรมสัตว์เลี้ยงขั้นพื้นฐาน การเลี้ยงสุนัข การดูแลทำความสะอาด เก็บรักษา ใช้งาน อุปกรณ์ เครื่องมือ สำหรับร้านอาบน้ำตัดขนสุนัข การอาบน้ำ การตัดแต่งขนสุนัขขั้นพื้นฐาน การเปิดร้าน อาบน้ำตัดขน และ Pet shop, 2. หลักสูตร Professional Groomer Skill (50,000 บาท) เรียน 360 ชม. เป็นเวลา 2 เดือน เนื้อหาครอบคลุมภาคทฤษฎี และปฏิบัติ เน้นการเรียนจนสามารถเลือกทำเล ทำการตลาด เปิดร้าน และมีทักษะการอาบน้ำ ตัดขนสุนัขเป็นอย่างดี, 3. หลักสูตร Franchisee Basic Groomer skill (150,000 บาท) เรียนภาคทฤษฎี และปฏิบัติ เน้นการเรียนจนสามารถเลือกทำเล ทำการตลาด เปิดร้าน และมีทักษะการอาบน้ำ ตัดขนสุนัข (180 ชม.) รวมทั้งสำรวจทำเลที่ตั้ง ออกแบบร้าน วางระบบการบริหาร การตลาด ส่งเสริมการขายให้กับร้าน และ 4. หลักสูตร Franchisee Professional Skill (200,000 บาท) เนื้อหาครอบคลุมภาคทฤษฎี และปฏิบัติ เน้นการเรียนจนสามารถเลือกทำเล ทำการตลาด เปิดร้าน และมีทักษะการอาบน้ำ ตัดขนสุนัขเป็นอย่างดี (360 ชม.) รวมทั้งสำรวจทำเลที่ตั้ง ออกแบบร้าน วางระบบการบริหาร การตลาด ส่งเสริมการขายให้กับร้าน

ที่ผ่านมาธุรกิจโรงเรียนสอนตัดขนสุนัขของเราถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากคนในภาคใต้ รวมถึงลูกค้าต่างแดนจากประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ก็นิยมเดินทางเข้ามาเรียนเป็นจำนวนมากเช่นกัน จากเหตุผลอันดับต้นๆ คือ ราคาค่าเล่าเรียนถูกกว่าในต่างประเทศหลายเท่า เพราะลำพังแค่หลักสูตรพื้นฐานก็ร่วมแสนบาทเข้าไปแล้ว ซึ่งผู้ที่เข้ามาเรียนจะนำวิชาความรู้ไปเปิดร้านของตัวเองกว่า 90% และที่เหลือจะนำไปใช้กับสุนัขของตนเองที่เลี้ยงไว้เป็นจำนวนมาก หวังประหยัดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน” นอกจากอาจารย์ณรงค์จะเปิดสอนด้านการตัดขนสุนัขแล้ว ยังดำเนินธุรกิจนี้ควบคู่กันไปด้วย โดยคิดค่าบริการอาบน้ำ ตัดขนสุนัข เริ่มต้นที่ 120-350 บาทเท่านั้น หวังใช้เป็นเวทีให้นักเรียนได้ฝึกฝน และเพิ่มประสบการณ์ด้านธุรกิจให้ตนเอง

แม้ความโด่งดังของโรงเรียนฯ จะดังไกลในต่างแดนแล้ว อาจารย์ณรงค์ยังคิดว่าจะได้รับการตอบรับดีในประเทศกลุ่มอาเซียนอื่นๆ ด้วย เพราะจากข้อมูลที่มีคนเคยสำรวจกันมาเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง พบว่า สุนัขติด 1 ใน 10 ของสิ่งที่ผู้คนต้องการนำมาครอบครองในประเทศอาเซียน สาเหตุหลักมาจากความเหงา และสังคมกลายเป็นสังคมเชิงเดี่ยวมากขึ้น ดังนั้นสัตว์เลี้ยงจึงกลายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของผู้คนในปัจจุบัน ขณะที่ประชากรสุนัขในอำเภอหาดใหญ่ก็เพิ่มขึ้นเช่นกันอยู่ที่ประมาณ 8 แสนตัว (สุนัขที่มีเจ้าของ) ส่งผลให้ในแต่ละเดือนโรงเรียนฯ มีสุนัขมาใช้บริการประมาณ 300-400 ตัว มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 บาท/เดือน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่วิชาความรู้ด้านการตัดขนสุนัขยังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ที่ผู้เรียนมองเห็นอนาคตการต่อยอดเป็นธุรกิจ โกยรายได้จากคนรักน้องหมา

สนใจติดต่อโรงเรียน โกลมี่เพ็ท กรูมมิ่ง แอนด์ สปา สาขาบิ๊กซี Extra หาดใหญ่ สงขลา โทร. 08-1542-3199 สาขาบ้านพรุ หาดใหญ่ สงขลา โทร. 08-7390-3553 หรือที่ www.hatyaidog.com

ที่มา..http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000007908

ขนมไทยสเตอริไลซ์ O-Cha เปิดกระป๋องพร้อมรับประทาน

|
อ่านเพิ่มเติม »

“เมื่อเรามาทีหลังในวงการขนมไทย การคิดต่างจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด” เป็นความคิดเจ้าของธุรกิจขนมไทยสเตอริไลซ์ O-Cha (โอชา) ที่สุดท้ายก็รู้ว่าเดินมาไม่ผิดทาง กับบทพิสูจน์ด้วยยอดส่งออกสินค้าไปทั่วโลก กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านขนมไทยบรรจุกระป๋องแบบสเตอริไลซ์ “เจ้าแรกและเจ้าเดียวในไทย” ของนักธุรกิจที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านอาหารมาก่อน

       นักธุรกิจที่ทำธุรกิจมาหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าครบวงจร ธุรกิจนำรถขนาดเล็กเพื่อการเกษตร และเครื่องประดับ ล่าสุดหันมาจับธุรกิจด้านอาหาร เพราะเชื่อว่าที่ผ่านมาธุรกิจที่เกี่ยวกับปัจจัย 4 ตนเองก็ทำมาเกือบครบ แต่ยังขาดด้านบริโภค “นายณัฐพงศ์ สุขจริง” ผู้จัดการ บริษัท กาเนช อินเตอร์เทรด จำกัด ใช้เวลาขบคิดนานถึง 2 ปีว่าจะทำอาหารประเภทไหนออกมาสู่ตลาด โจทย์ยากคือต้องเป็นสิ่งใหม่ยังไม่มีในโลก และตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคได้ตรงจุด ซึ่งอาหารประเภทของคาวก็มีเป็นจำนวนมาก ส่วนขนมหวานแบบไทยๆ ยังเป็นของต้องตั้งใจไปซื้อหาจึงจะได้รับประทาน


       เขาต้องตีโจทย์เรื่องขนมไทยให้แตกว่าทำอย่างไรให้รับประทานได้ทั่วโลก เริ่มจากหาเทคโนโลยีด้านการถนอมอาหารเพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพและรสชาติแบบดั้งเดิม ซึ่งเขาพบว่าเทคโนโลยีสเตอริไลซ์ (sterilize) สามารถฆ่าเชื้อโรคในอาหารได้หมด ด้วยความร้อน 130 องศาเซลเซียส เขาจึงตระเวนปรึกษานักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านขนมไทยโดยเฉพาะ พร้อมนำแนวคิดขนมไทยใส่กระป๋องแบบสเตอริไลซ์ไปขอข้อมูลเพื่อใช้ในกระบวนการผลิต แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะยังไม่มีในตำรา แต่เขาก็ไม่ย่อท้อคิดว่ามีโอกาสเป็นไปได้หากตั้งใจจริง...


       เขาเริ่มศึกษาเรื่องราวการถนอมอาหารแบบสเตอริไลซ์อย่างจริงจัง ควบคู่กับการลองผิดลองถูกกับขนมไทยๆ อย่าง ข้าวเหนียวทุเรียน ข้าวหลาม ลอดช่องน้ำกะทิ และอื่นๆ ที่สุดท้ายกลายเป็น 6 เมนูขนมไทยที่ดังไกลไปทั่วโลก ได้แก่ มันเชื่อม ตะโก้ และขนมหม้อแกงทุเรียน แต่เส้นทางแห่งความสำเร็จไม่ง่ายเลย เขายอมรับว่าเสียน้ำตาไปมาก ทำทิ้งไปเยอะ แต่ไม่เคยท้อ เพราะคิดว่าเมื่อเริ่มต้นแล้วต้องทำให้สำเร็จ และความพยายามของเขาก็เป็นบทพิสูจน์แล้วว่าเขาทำได้จริง ไม่กลัวคู่แข่งลอกเลียนแบบเพราะกระบวนการผลิตยุ่งยาก ไม่มีในตำราให้ศึกษา ทุกอย่างล้วนมาจากประสบการณ์และการลองผิดลองถูกทั้งสิ้น


       1 ปี กับ 6 เดือนที่ผ่านมา ขนมไทยสเตอริไลซ์ก็เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยปราศจากสารกันเสีย เก็บได้นานในอุณหภูมิปกติถึง 1 ปีเต็ม กับบรรจุภัณฑ์กระป๋องอะลูมิเนียม 100% สามารถนำเข้าเตาไมโครเวฟได้อย่างปลอดภัย กับ 6 เมนูที่กล่าวมาข้างต้นเป็นผลสำเร็จ โดยเฉพาะเมนูที่มีทุเรียนเข้ามาเกี่ยวข้องถึง 2 เมนู อย่าง ข้าวเหนียวทุเรียน และหม้อแกงทุเรียน เขาตั้งใจเจาะลูกค้าชาวจีนโดยเฉพาะ โดยที่ผ่านมาเน้นตลาดส่งออกไปประมาณ 90% เช่น สิงคโปร์ มาเลยเซีย ออสเตรเลีย สวีเดน และเดนมาร์ก เป็นต้น ขณะที่ในปีหน้าจะเน้นตลาดในเมืองไทยให้มากขึ้น โดยเฉพาะประเทศแถบเอเชีย



       “การที่เราเลือก 6 เมนูนำร่องเพราะเป็นขนมไทยที่ยังไม่มีใครนำมาทำเป็นแบบแช่แข็งมากนัก หรือระบบการถนอมอาหารอื่นๆ ส่วนเมนูทุเรียนถือว่าชาวจีนรู้จักดีและชื่นชอบมาก ซึ่งตรงกับแผนการตลาดส่งออกที่หนึ่งในนั้นคือ จีน ส่วนเมนูอื่นๆ เราคิดว่าชาวต่างชาติรับประทานไม่ยาก วัตถุดิบรู้จักกันดี เช่น มะพร้าว กะทิ มันสำปะหลัง ขณะที่รสชาติก็ไม่หวานเกินไปนัก จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ส่วนวัตถุดิบจะเป็นเกรดเอทั้งหมด อย่าง ถั่วก็เลือกใช้แบบไม่ตัดต่อพันธุกรรม น้ำตาลก็เลือกใช้แบบที่มีใบรับรองอาหารฮาลาล ทำให้สินค้าเราสามารถเข้าประเทศในแถบมุสลิมได้ด้วย ในราคาขายปลีกที่ 35 บาท/กระป๋อง”

       ปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ 300,000 ชิ้น/เดือน แต่ในเร็วๆ นี้เขาเตรียมสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากการผลิตส่งร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ อย่าง เซเว่นฯ ที่กำลังอยู่ในช่วงเจรจาธุรกิจ รวมถึงจะทำเมนูอื่นๆ ออกมาเพิ่มเติมด้วย ได้แก่ ข้าวเหนียวมะม่วง กล้วยบวชชี บัวลอย ส่วนเมนูยอดฮิตลูกค้าแทบทุกชาติตอบรับดี คือ ข้าวหลาม กับตะโก้

       ถือเป็นความสำเร็จที่มาจากความพยายามล้วนๆ ที่เจ้าของธุรกิจขนมไทยสเตอริไลซ์ O-Cha กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า นอกจากความพยายามของตนเองแล้ว ยังได้แรงใจจากภรรยาคนเก่ง “เยาวลักษณ์ ลีละพรรหุต” ที่สู้ไม่ถอยเช่นกัน ปัจจุบันเธอดูแลด้านการผลิตเองทั้งหมด จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องสเตอริไลซ์ไปแล้ว...  








       ***สนใจติดต่อ 0-2819-1118 หรือที่ www.thai-o-cha.com***

  ที่มา..http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000124492

ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์

| วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ หรือที่นักชอปเรียกกันคุ้นหูว่า ตลาดนัดรถไฟ เป็นตลาดนัดค่ำคืนแห่งใหม่ที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน โดยขยับขยายมาจากตลาดนัดรถไฟสวนจตุจักร แรกๆ ก็ยังไม่ดังเปรี้ยงปร๊างมากนัก แต่หลังจากตลาดนัดรถไฟสวนจตุจักรปิดตัว ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ก็ฮอตขึ้นมาทันทีเพราะที่นี่มีสินค้ามากมายที่ตอบโจทก์บรรดาขาช้อปทุกไลฟ์สไตล์ตั้งแต่สินค้ามือหนึ่งยันมือสิบ ทุกค่ำคืนจะแน่นไปด้วยนักชอปจากทั่วทุกสารทิศที่มุ่งหน้ามาที่ ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ เพื่อรอซื้อข้าวของเก๋ๆ กันอย่างคึกคักสนุกสนาน

ถ้าถามว่าตลาดนัดรถไฟไปยังไง และอยู่ที่ไหน บอกเลยว่า ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ไปไม่ยากครับ ตั้งอยู่ในซอยศรีนครินทร์ 51 ด้านหลังห้างสรรถสินค้าซีคอนสแควร์ นักชอปสามารถขับรถยนต์ส่วนตัวไปเอง หรือนั่งรถสาธารณะไปก็ได้จะเลือกนั่งรถเมล์ แท็กซี่ ก็สะดวกทั้งนั้น
ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์
แต่ถ้าเป็นไปได้แนะนำว่าให้นั่งรถสาธารณะไปดีกว่า เพราะถนนสายนี้รถติดมาก หรือถ้าคิดจะชอปกันกระหน่ำ ก็เอารถส่วนตัวไปก็สะดวกเหมือนกัน แต่ต้องไปกันเร็วหน่อยนะรถจะได้ไม่ติดมาก และเสียอารมณ์กับการเดินทางที่ความรู้สึกไปว่าอยากไปถึงตลาดแล้ว แต่ยังนั่งติดแง็กอยู่ในรถ ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ มีโซนขายสินค้าทั้งแบบอินดอร์ (โซนพลาซ่า) และแบบเอ้าดอร์ คือวางขายอยู่กลางแจ้ง มีสินค้าวางขายกันตั้งแต่ของกิน ของใช้ ของมือใหม่ สินค้ามือสอง ของสะสมหายาก ของเล่นโบราณ เฟอร์นิเจอน์ของตกแต่งบ้าน รถเก่า รถโบราณ อะไหล่รถรถคลาสสิค เสื้อผ้าวินเทจ ของฝากสุดชิค เรียกได้ว่าใหญ่และเป็นตลาดนัดสินค้าวินเทจที่อลังการกว่าห้างสรรพสินค้าในเมืองซะอีก

ทุกวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนทาง ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ยังเป็นที่นัดรวมกลุ่มของแก็งค์จักรยานที่มาแลกเปลี่ยนซื้อขายอะไหล่รถและสินค้าเกี่ยวกับจักรยานอีกด้วย ช่วงเวลาน่าเดินที่สุด คือช่วง 5 โมงเย็นเป็นต้นไป แดดร่มลมตำกำลังดี ไม่ร้อนมาก เดินเล่นไป ชอปไป ฟิน ของที่นี่มีให้เลือกชอปแบบละลานตามาก มีสินค้าให้เลือกหลายเกรด นักชอปควรเลือกซื้อย่างละเอียดละออ จะได้สินค้าที่โดนใจไม่ใช้ของไก่กาอาลาเล่นะจ๊ะ



ที่ตั้ง : ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ซ.ศรีนครินทร์ 51 ถ.ศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิดตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ : เปิดทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ โซนพลาซ่า เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 15.00 -23.00 น. โซนตลาดนัด หรือกลางแจ้ง เปิดศุกร์- วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 15.00 – 24.00น.

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจจะนั่งรถสาธารณะไปตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ สามารถนั่งรถเมล์สาย : 206, 207, 145, 133, 1013 ได้ครับ

ที่มา...http://www.iurban.in.th/review/trainmarket/

ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์

Posted by : TAI2U on :วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

นวดฝ่าเท้า อาชีพเสริมที่บ้าน

| วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
ในปัจจุบัน ต้องยอมรับ ว่าความเหนื่อยล้าในการทำำ งานนั้นมีมากจริงๆ ทำให้คนทำงานหรือแม้แต่คนทั่วไปต้องการ การพักผ่อนที่ผ่อนคลายมากขึ้น ธุกิจ สปา จึงเป็นทางออกอย่างหนึ่งที่ช่วยผ่อนคลายและตอบโจทย์ได้ดีอย่างหนึ่งเลยทีเดียว วันนี้จะมาเขียนอาชีพเสริมอย่างหนึ่งที่เป้นการผ่อนคลาย และ คล้ายๆ หรือเป็น อาชีฟ ทำสปา เลยแหละ นั่นคือ อาชีพ นวดฝ่าเท้า

การนวดฝ่าเท้าถือว่าเป็นการ พักผ่อน พร้อมผ่อนคล้ายที่ได้ผลอีกวิธีนึงเลยครับ เพราะที่บริเวณผ่าเท้าของเรานั้น มีเส้นประสาท ที่เชื่อมต่อกับส่วนต่างๆของร่างกายเราอยู่เต็มไปหมด เพื่อนๆลองเข้าไปสปา แล้วให้เขายวดดูสิ จะรู้สึกดีมาก  ถ้าหากใครมีประสบการณื หรือ วิชา นี่เอามาหากินที่บ้านได้เลย ใช้เวลา ในการนวด สัก 1-2 ชั่วโมง ค่าบริการก็ 200-250 แล้วแต่ฝีมือกับเวลา ในการนวด  ลงทุนไม่เยอะ แต่กำไรถือว่าใช้ได้เลยล่ะครับ 
  สิ่งที่ต้องลงทุนอาจจะมีแค่ น้ำมัน , ไม้กดจุด ,อุปกรณ์ ต่างๆ ไม่กี่ร้อยบาทเอง แต่ได้ประโยชน์กับเงินตอบแทนดีครับ จึงนับว่าเป็นอาชีพ ที่ ว่างๆ ก็ทำเป็นเงินได้

ประโยชน์ของการนวดฝ่าเท้า
  1. ช่วยส่งเสริมสุขภาพ โดยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด น้ำเหลือง และระบบภูมิคุ้มกัน
  2. ช่วยป้องกันโรค เช่น ท้องผูก หัด ปวดศีรษะ ฯลฯ และช่วยล้างพิษและกำจัดของเสีย
  3. ช่วยทำให้การทำงานของร่างกายทั้งหมดสมดุล
  4. ช่วยส่งผลดีต่อสุขภาพจิต คือ ลดภาวะเครียดและทำให้เกิดการผ่อนคลายอย่างล้ำลึก

อีกอย่างนะครับ ในเชิงธุรกิจ คุณอาจขายของ เสริมไปด้วยก็ได้ เช่น เทียนหอม น้ำมันนวดเท้า หรืออุปกรณืเกี่ยวกับ สุขภาพต่างๆ ก็ดีนะ

แฟรนไชส์วงจรปิด

|
อ่านเพิ่มเติม »
ในยุคที่เทคโนโลยีมีส่วนสำคัญกับการดำเนินชีวิตของคนเรา กล้องวงจรปิดคือนวัตกรรมหรือระบบรักษาความปลอดภัยที่กำลังได้รับความนิยมเพราะมีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด


ใช้เป็นหลักฐานหาผู้กระทำความผิดและป้องกันภัยรักษาทรัพย์สินได้ในระดับหนึ่ง ทำให้มีธุรกิจแฟรนไชส์กล้องวงจรปิดเกิดขึ้นมากมาย ถือว่าเป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจในยุคนี้

เป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจและน่าลงทุนมากที่สุด
ปัญหาอาชญากรรมที่เกิดขึ้นทุกดรูปแบบ ทำให้กล้องวงจรปิดมีบทบาทสำคัญและมีการนำมาใช้ทุกภาคส่วน ทั้งในสถานที่ราชการ ห้างร้าน สวนสาธารณะ ร้านค้าปลีกหรือติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ภายในบ้าน ซึ่งนอกจากป้องกันขโมยแล้วยังใช้สอดส่องดูแลความประพฤติหรือเหตุการณ์ต่างๆได้อีกด้วย แฟรชไชส์กล้องวงจรปิด จึงเป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจและน่าลงทุนมากที่สุด

ค่าแฟรนไชส์เริ่มต้นที่ 200,000 บาท จนถึง 1,500,000 บาท หรือมากกว่านั้น เป็นธุรกิจที่มีการดูแลให้บริการอย่างครบวงจร ถึงแม้จะไม่มีความรู้ในระบบกล้องวงจรปิดมาก่อนก็สามารถทำเป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจได้ เพราะมีทีมงานคอยให้คำแนะนำเป็นการบริการหลังการขายเพื่อช่วยให้ธุรกิจเติบโต มียอดจำหน่ายมากขึ้นเพื่อคืนทุนให้เร็วที่สุด การเปิดตัวธุรกิจแฟรนไชส์camera

อาจใช้วิธีออกบูธตามงานของส่วนราชการภายในจังหวัดเพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ที่สนใจ และเป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
ถึงแม้กล้องวงจรปิดคุณภาพดีจะมีราคาแพง แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินแล้ว คนส่วนใหญ่ก็ยังให้ความสนใจ ทราบถึงคุณประโยชน์และความสำคัญของระบบกล้องวงจรปิด


ทำให้นิยมนำมาติดตั้งทั้งที่บ้านพักส่วนตัว รวมถึงธุรกิจเสริมเล็กๆอย่างร้านค้าปลีก หรือแผงลอยในตลาดสดก็ยังนิยมที่จะติดตั้งกล้องวงจรปิด ธุรกิจแฟรนไชส์กล้องวงจรปิดจึงเป็นอาชีพอิสระที่น่าสนใจ เพียงคุณกล้าตัดสินใจก็มีความสำเร็จรออยู่แล้วค่ะ
บทความโดย : รัชนก datacatalog.org  รูป : 123RF Stock Photos.com

ผ้าห้อมหอม ซักอบรีด สบายใจเหมือนซักเอง สบายกายเพราะเราซักให้

|
อ่านเพิ่มเติม »
ชื่อร้าน ร้านผ้าห้อมหอม ซักแห้ง & ซักอบรีด มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Phahomhom Dry clean & Laundry Shop
ที่ตั้ง ศูนย์ซักใหญ่ร้านผ้าห้อมหอม ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 105 ถนนพรมแดน2 แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพ 10150
โทร 08-5834-5542, 08-1986-6860
แฟกซ์
E-MAIL phahomhom@hotmail.com
Website www.phahomhom.com
ปีที่ก่อตั้ง เริ่มต้นดำเนินธุรกิจเมื่อปี พ.ศ.2552
วัตถุประสงค์ในการก่อตั้ง เพื่อเป็นผู้ให้บริการงานซักอบรีดทุกประเภท โดยเน้นการให้บริการ อำนวยความสะดวกรับ-ส่งผ้าถึงที่
ประเภทธุรกิจ ธุรกิจให้บริการ



สโลแกน สบายใจเหมือนซักเอง สบายกายเพราะเราซักให้
นโยบายคุณภาพ
- เราจะส่งมอบบริการที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด
- เราจะส่งมอบสินค้าและบริการให้ถึงบ้านของลูกค้า
- เราจะดูแลลูกค้าและพนักงานของเราโดยเปรียบเสมือนเป็นครอบครัว เดียวกัน
- เราจะรักษาสิ่งแวดล้อมของเรา
ค่านิยมหลัก 3 ประการของร้าน
- ความสะอาด
- การดูแลเอาใจใส่
- ความสะดวก
ประวัติความเป็นมา
ร้านผ้าห้อมหอม ซักแห้ง&ซักอบรีด (Phahomhom Dry clean & Laundry Shop ) ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2552 ผู้ก่อตั้งเป็นคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ยังเยาว์ โดยมีความคิดที่อยากจะให้บริการกับลูกค้าถึงที่พักอาศัยเลย เพราะการดำเนินชิวิตในสังคมทุกวันนี้จะมีความเร่งรีบให้การทำงาน หลายๆท่านก็จะมีเวลาว่างในการทำงานบ้านน้อยลง จึงเกิดแนวความคิดว่าอยากจะทำร้านซักรีด เพื่อสนองต่อความต้องการของลูกค้า ที่คาดว่าจะมีมากขึ้นในอนาคต และออกนโยบายมีรถรับ-ส่งผ้าถึงที่อยู่อาศัยของลูกค้าเลย เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าให้ได้มากที่สุด โดยจุดเริ่มต้นของธุรกิจก็เริ่มจากการไปเข้าคอร์ทอบรมการเรียนการสอนการทำธุรกิจซักอบรีด และก็ ซื้อหนังสือมาอ่านเยอะมาก ซึ่งในหลายๆร้านก็มีวิธีการทำงานแตกต่างกัน สุดท้ายแล้วทางร้านผ้าห้อมหอมก็เริ่มจากการรับงานลูกค้าบ้านทั่วไปมาซัก และก็ไปส่งให้ถึงบ้านลูกค้า จากที่เสื้อผ้าเข้ามาในร้านเพียงแค่วันละไม่กี่สิบตัว ก็เริ่มมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จากที่เคยทำเองเพียงไม่กี่คนก็เริ่มจะขยายรับพนักงานเข้ามาเรื่อยๆ และด้วยที่มีการโฆษณาทางอินเตอร์เนตอย่างต่อเนื่องก็จะมีลูกค้าเข้ามาหลากหลาย ซึ่งทุกวันนี้นอกจากงานลูกค้าบ้านทั่วไป ทางร้านผ้าห้อมหอมก็ยังรับงานอุตสาหกรรมด้วย เช่น งานโรงแรม, งานสปาต่างๆ โดยมีนโยบายให้บริการถึงที่เช่นกัน
เริ่มต้นทางร้านมีหน้าร้านอยู่ที่หมู่บ้านพฤกษาวิลล์ เป็นบ้านทาวเฮ้าส์ 2 ชั้น ซอยเพชรเกษม81 พื้นที่เพียงแค่ 24 ตร.วา แต่ด้วยว่ามีลูกค้าส่งผ้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันที่26มิถุนายน2553จึงตัดสินใจย้ายทั้งหมดมาอยู่ที่บ้านเดี่ยว บ้านเลขที่105 ในหมู่บ้านเอกชัยเลควิลล์ พื้นที่ 50 ตร.วา ตอนนี้ทางร้านเริ่มมีรับงานโรงแรม งานโรงงาน งามสปาเข้ามาบ้างแล้ว และในวันที่ 7มิถุนายน2554ก็ได้ย้ายฐานการผลิตทั้งหมดมาที่บ้านเลขที่ 31/123 หมู่บ้านเอกชัยเลควิลล์ ถนนพรมแดน2 แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพ จนถึงปัจจุบันนี้ โดยปัจจุบันในพื้นที่ใหม่ถือได้ว่าเป็นศูนย์ซักใหญ่ มีพื้นที่มากถึง 500 ตร.วา


บริการของ ผ้าห้อมหอม

ซักแห้ง ชุดสูท, ชุดผ้าไหม, ชุดขนสัตว์, ชุดหนัง ซักอบรีด รับงานซักอบรีด ทั้งงานลูกค้าทั่วไป และงานอุตสาหกรรม ซักอบพับ รับงานซักอบพับ ทั้งงานลูกค้าทั่วไป และ งานอุตสาหกรรม ชุดเครื่องนอน งานซักชุดเครื่องนอนทุกประเภท เช่น ผ้านวม, ปลอกหมอน, ผ้าปูที่นอน เป็นต้น ผ้าม่าน งานซักผ้าม่าน พร้อมมีบริการติดตั้งถึงบ้านลูกค้า กระเป๋า งานซักพวกกระเป๋าต่างๆ ตุ๊กตา งานซักตุ๊กตาต่างๆ รองเท้า งานซักรองเท้าผ้าใบ, รองเท้าหนังแท้ หนังเทียม, รองเท้ากำมะหยี่ ฯลฯ รับซักผ้างานโรงแรม, สปา, ร้านอาหาร, ฟินเนส ฯลฯ

 สนใจติดต่อ
ร้านผ้าห้อมหอม ซักแห้ง & ซักอบรีด
ที่อยู่        :  ปัจจุบัน ร้านผ้าห้อมหอม ซักแห้ง&ซักอบรีด เปิดศูนย์ซักอยู่ที่เดียว คือ บ้านเลขที่ 105 ถ.พรมแดน2 แขวงบางบอน เขตบางบอน กรุงเทพ 10150
โทร          :  085-8345542, 081-9866860
FAX         :
E-Mail    :  phahomhom@hotmail.com
Website :  www.phahomhom.com




ซักอบรีด ง่ายๆ แต่ทำเงินดี

| วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
ทำไมต้องเป็น ธุรกิจซักอบรีด
เนื่องจากสังคมเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ในประเทศไทย ทำให้ความเจริญกระจายตัว ไปตามหัวเมืองใหญ่ๆ หรือหัวเมืองเล็กๆ ที่มีมหาวิทยาลัย ซึ่งอาจจะมีนิสิต นักศึกษา เข้ามาเรียน อยู่สัก 4-5 ปี แล้วก็อาจจะกลับบ้านเกิด หรือย้ายไปอยู่จังหวัดอื่นๆ ต่อไป


สังคมเมืองนั้น ทำให้ประชากรในวัยทำงาน มีงานที่ดีขึ้น รายได้ที่มากขึ้น รวมไปถึงพวกนักเรียน นักศึกษา ที่ได้รับการศึกษาดีขึ้น และทั่วถึง มากกว่าเมื่อ 40-50 ปีก่อน แต่สิ่งที่คนเหล่านี้ ต้องแลกมานั่นคือ เวลาที่จะมีให้กับ ตัวเอง หรือครอบครัวของตน

ซึ่งทำให้ธุรกิจบางอย่าง บางอุตสาหกรรม เสียประโยชน์ และบางบริษัทต้องปิดตัวลงไป อย่างโชห่วย ก็เป็นตัวอย่างหนึ่ง ที่ได้รับผลกระทบ เป็นอย่างมาก จากการเปลี่ยนผ่าน ไปสู่สังคมเมือง แต่เมื่อมีบางคนเสียประโยชน์ ก็ต้องมีบางคนที่ได้ประโยชน์

อุตสาหกรรมที่ได้ประโยชน์ จากสังคมเมือง อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย และขยายตัวอย่างรวดเร็ว อุตสาหกรรมหนึ่ง คือ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจซักอบรีด เพราะความร่งรีบที่เกิดขึ้น ในชีวิตประจำวันของวัยทำงาน และหอพักที่อยู่อย่างชั่วคราว แค่ไม่กี่ปี ของนักศึกษา

เลยทำให้การซื้อเครื่องซักผ้า มาซักเสื้อผ้าเอง ดูจะเป็นทางเลือก ที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย การจ้างร้านซักแห้ง หรือใช้บริการเครื่องซักผ้า หยอดเหรียญ ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เจ๋งกว่า ประหยัดกว่า และชาญฉลาดกว่า จึงทำให้ธุรกิจซักอบรีด เป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และเติบโตได้อย่างยั่งยืน แน่นอน

รูปแบบของธุรกิจซักอบรีด
1. ซักรีดทั่วไป อย่างง่ายๆ

ร้านแบบนี้ ก็คือ ร้านซักรีด ธรรมดา แบบตัวละ 3-5 บาท ก็แค่ซัก อบ หรือตาก แล้วก็รีดเรียบธรรมดา  ไม่มีการใช้เครื่องไม้เครื่องมือพิเศษ หรือการถนอมเนื้อผ้าแต่อย่างใด เปิดได้ง่ายมาก ใช้พนักงานน้อย ไม่จำเป็นต้องมีฝีมือมาก แค่รีดผ้าได้เรียบ ก็พอแล้ว

2. เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ

รูปแบบนี้ ง่ายกว่ารูปแบบแรก เป็นอย่างมาก ใช้เงินทุนเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องใช้คนดูแล อย่างใกล้ชิดด้วย เพราะแค่ซื้อเครื่องซักผ้า และติดเครื่องหยอดเหรียญ แล้วนำไปวางตามจุดต่างๆ แค่นี้ ก็ทำเงินได้แล้ว อย่างสบายๆ

3. ซักอบรีดเต็มรูปแบบ

ร้านซักอบรีด แบบเต็มรูปแบบ คือ ร้านซักอบรีด แบบธรรมดา ที่มีการใส่สารอย่างอื่นเพิ่มเติม ในการซัก เช่น Wax ซิลิโคน หรือสารอื่นๆ ที่ใส่เพื่อถนอมเนื้อผ้า หรือทำให้ผ้าเรียบขึ้น เสื้อผ้าได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ใช่แค่เพียงสะอาดอย่างเดียว ค่าบริการจึงสูงกว่าแบบแรกมาก อาจสูงถึงตัวละ 100 บาท ในร้านซักแห้งบางร้าน เลยทีเดียว

4. ซักอบรีด แบบแฟรนไชส์

ร้านซักอบรีด แบบแฟรนไชส์ เหมาะสำหรับ คนที่อยากทำธุรกิจซักอบรีด แต่ไม่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ในธุรกิจนี้ แต่มีเงินทุนค่อนข้างมาก และรักที่จะทำธุรกิจนี้ จึงเลือกที่จะซื้อแฟรนไชส์ และทำธุรกิจแบบสำเร็จรูป อาจจะเป็นธุรกิจในรูปแบบแรก หรือแบบที่ 3 ก็ได้

จุดเด่นของธุรกิจซักอบรีด

1. ความต้องการสูงมาก ในย่านชุมชน หรือหอพัก

อย่างที่เคยกล่าวไปข้างต้น ว่าในสังคมเมือง คนส่วนใหญ่ ไม่มีแม้แต่เวลาจะทำอาหารกินเอง เพราะฉะนั้น แม้แต่เวลาซักผ้า ก็ยังจัดเวลามาทำ ได้ยากเช่นเดียวกัน เพียงแต่การเปิดแข่งขันกัน หลายๆ เจ้า อาจจะได้กำไรไม่มาก แต่ก็ไม่เจ๊งเช่นเดียวกัน

2. เริ่มต้นได้ง่าย

ด้วยการเริ่มต้นธุรกิจแบบ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ มันง่ายมากสำหรับ ผู้ที่ไม่มีความรู้ เกี่ยวกับธุรกิจซักอบรีด หรือแม้แต่ธุรกิจอื่นๆ ก็ตาม เพียงแค่นำเครื่องไปตั้ง และให้คนไปดูบ่อยๆ เพื่อเก็บเหรียญที่ได้ แค่นี้ธุรกิจก็เดินได้แล้ว

3.ใช้เงินลงทุนน้อย

สำหรับเครื่องซักผ้า แบบหยอดเหรียญ หรือแม้แต่ร้านซักรีด แบบง่ายๆ ก็ใช้เงินลงทุนไม่มาก เพียงแค่ เครื่องซักผ้า เตารีด และอุปกรณ์ตกแต่ง อีกนิดหน่อยเท่านั้น อาจจะใช้เงินลงทุน ในเบื้องต้น ตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท เท่านั้น

ปัจจัยสู่ความสำเร็จของ ธุรกิจซักอบรีด
1. ทำเล

“Location is the key to most businesses, and the entrepreneurs typically build their reputation at a particular spot.”
Phyllis Schlafly
“ทำเลเป็นกุญแจสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ และผู้ประกอบการก็ควรที่จะสร้างชื่อเสียง ในด้านใดด้านหนึ่งเช่นกัน” เป็นคำพูดของ Phyllis Schlafly นักกฎหมายมหาชน และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ชาวอเมริกัน

มันคงไม่มีประโยชน์อะไร ถ้าคุณต้อง ตั้งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ในหมู่บ้านที่มีเพียง 100 หลังคาเรือน ไม่มีคนเดินผ่าน นอกจากจะไม่มีคนใช้บริการแล้ว ยังมีแนวโน้มจะโดนขโมยเครื่องอีกต่างหาก ฉะนั้นทำเล จึงมีความสำคัญ  แต่อย่าลืมว่า ค่าเช่าที่คุณต้องจ่ายนั้น ต้องคุ้มกับทำเลที่ได้ด้วย ถ้าทำเลดีแต่ค่าเช่าแพง จนคุณต้องขาดทุน ก็คงจะไม่ดีแน่

2. คุณภาพของการบริการ

“Service to others is the rent you pay for your room here on earth.”
Muhammad Ali
การบริการและช่วยเหลือผู้อื่น เป็นดั่งค่าเช่าห้องที่คุณจ่าย เพื่อพักอาศัยอยู่บนโลกใบนี้” เป็นคำพูดของ Muhammad Ali แชมป์เปี้ยนรุ่น Heavy Weight และนักชกที่ได้เหรียญทองโอลิมปิก ชาวอเมริกัน

ในฐานะที่ธุรกิจซักอบรีด เป็นธุรกิจบริการประเภทหนึ่ง ฉะนั้นคุณภาพของการบริการจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะบ่งบอกว่า ธุรกิจจะไปรอดหรือไม่ ถ้าพนักงานสามารถทำให้ลูกค้าชอบในบริการได้ เสื้อผ้าที่นำมาให้ซัก ไม่พัง ไม่เสียหาย

โอกาสที่ลูกค้าจะบอกต่อให้กับ เพื่อนฝูงญาติพี่น้องย่อมมีมาก และธุรกิจจะมีลูกค้าเพิ่มขึ้นอีกมากมาย แต่ในทางกลับกัน หากพนักงานบริการไม่ดี ลูกค้ารู้สึกว่าบริการที่ได้รับไม่คุ้มค่ากับ เงินที่จ่ายออกไป ก็คงจะไปบ่นและไปบอกต่อในเรื่องแย่ๆที่เจอ เช่นเดียวกัน

ที่มา..http://shoplri.com

ซักอบรีด ง่ายๆ แต่ทำเงินดี

Posted by : TAI2U on :วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

Lemon Hub เปรี้ยว ซ่า อร่อย

| วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
ธุรกิจเครื่องดื่มที่ช่วยในการดับกระหายคลายร้อน ก็คงจะหนีไม่พ้น เครื่องดื่มชาเขียว ชาไข่มุก แต่ปัจจุบันได้มีเครื่องแนวใหม่ ที่ช่วยดับกระหาย และได้รับความนิยมไปทั่วโลก กับเครื่องดื่ม เลมอนเนด ซึ่งจะมีส่วนของเลมอนเป็นหลัก ภายใต้แบรนด์ Lemon Hub เกิดจากแนวคิดของคนรุ่นใหม่ หนึ่งในทายาทโดนัทแบรนด์ดังอย่าง DADDY DOUGH
จุดเด่นของ Lemon Hub คือความสด ใหม่ แปลก รสชาติไม่ซ้ำใคร ใช้วัถตุดิบที่มีคุณภาพ มีความสะอาด ปลอดภัย  เป็นแบรนด์ที่ติดตาและสามารถจดจำได้ง่าย รูปแบบการบริหารจัดการของร้านรวมไปถึง เมนูต่างๆในร้านที่พัฒนาผลิตภัณฑ์มาเพื่อให้ง่ายต่อการขาย ทั้งยังมีการคิดเมนูใหม่ๆ รวมถึงโปรโมชั่นดีต่างๆออกมาเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงจูงให้แก่ลูกค้า Lemon Hub สร้างจุดขายรายการเมนูเด่นๆประจำร้าน เครื่องดื่มและไอศครีมซอฟต์เสิร์ฟ โดยมีเลมอนเป็นส่วนผสมหลัก และมีเมนูต่างๆอีก 40 กว่าเมนู ที่มีความจี๊ดจ๊าด สะใจ เสริมสร้างความแปลกใหม่ให้กับธุรกิจเครื่องดื่มเป็นอย่างมาก สำหรับการใช้เลมอนเป็นส่วนผสมหลัก ก็เนื่องจาก “เลมอน”หรือ”มะนาว” มีจุดเด่น คือกลิ่น เมื่อนำมาทำเป็นน้ำจะเรียกว่า เลมอนเนด หรือน้ำเลมอน ส่วนเปลือกของเลมอนมีกลิ่นหอมเฉพาะ นิยมนำมาเป็นองค์ประกอบของขนมหวานใช้แต่งกลิ่นในเครื่องดื่ม และสามารถดับกระหายและสร้างความสดชื่อนได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญธุรกิจเครื่องดื่มในไทยยังไม่มีเจ้าไหนนำเลมอนมาเป็นวัตถุดิบหลักในการสร้างแบรนด์ของตนเองอย่างจริงจัง




เลมอนเนด4ด้านคุณปกรณ์ ทวีผลเจริญ เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่ม Lemon Hub เผยว่าที่ผ่านมาการเปิดตัวธุรกิจด้วยคีออสก์ ผลเมอนลูกใหญ่ สามารถสร้างความสนใจให้แก่ผู้ผ่านไปมาอย่างมาก มีการเข้ามาถ่ายรูป ซึ่งถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกค้าอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความแปลกใหม่ เรื่องของรสชาติ ต่อมาเมื่อแบรนด์ของเราต้องการขยายสินค้าขยายโปรดักส์อื่นๆเพิ่มขึ้นนั้น จึงเปลี่ยนจากคีออสก์ที่มันเล็กเกินไป จึงเปลี่ยนเป็นช็อปที่ถูกออกแบบเป็นภาพบรรยากาศสวนเลมอน เรียบ ง่าย และสะดวก ต่อการขายเป็นหลัก เมือเปิดตัวช็อปครั้งแรกก็มีผู้คนสนใจเข้ามายืนต่อคิวก่อนร้านเปิดอย่ามาก
ทั้งนี้ เชื่อว่าตลาดบ้านเรายังเติบโตได้อีกกับธุรกิจเครื่องดื่ม เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่ร้อน บวกกับ Lemon Hub เป็นแบรนด์เครื่องดื่มที่สร้างความแตกต่าง สร้างสีสันให้กับประเทศอย่างมาก


ที่มา http://www.businessthaicenter.com/

Lemon Hub เปรี้ยว ซ่า อร่อย

Posted by : TAI2U on :วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ก๋วยเตี๋ยวรสเด็ด พี่อ้อ จุดขายได้ใจคนกิน

|
อ่านเพิ่มเติม »
ถือเป็นร้านอาหารจานเดียวที่ไม่ธรรมดาทั้งเมนูอาหารและลีลาของแม่ค้า "พี่อ้อ" ที่ออกสื่อมาแล้วกว่า 70 รายการ พร้อมสร้างกระแสให้คนอยากมาลิ้มลอง ร้านตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี 7 ที่เชื่อมระหว่างซอยเพชรบุรี 5 เป็นร้านขนาดไม่ใหญ่มาก แต่อัดแน่นไปด้วยเมนูอาหารกว่า 200 รายการ

ด้วยความหลากหลายของเมนู ทำให้หลายคนมาแล้วมาอีกได้ไม่มีเบื่อ ซึ่งเมนูเด่นจะเป็นสารพัดเมนูกุ้งแม่น้ำ ที่ร้านใช้เดือนละมากกว่า 1 ตัน ส่งตรงจากมหาชัยสด ๆ ทุกวัน ไหน ๆ We Recommend แวะมาชิม เลยขอเมนูจัดเต็มของที่นี่ อย่าง ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลน้ำข้น (100 บาท) ที่ใส่เครื่องทะเลอย่างดี ทั้งกุ้งแม่น้ำเนื้อแน่น หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ตัวโต เนื้อปลากะพงและปลาหมึกอย่างดี คลุกเคล้าไปกับน้ำต้มยำที่ผสมมันกุ้ง เพิ่มความเข้มข้น พร้อมใช้มะนาวแท้ ปรุงรสชาติแบบครบเครื่อง เน้นไม่เผ็ดมาก เพื่อให้ทานได้ทุกวัย

ส่วนเมนูข้าวแนะนำเป็น ข้าวไข่ข้นกุ้งแม่น้ำราดซอสมันกุ้ง (80 บาท) ที่ใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ ราดซอสมันกุ้งที่ทำจากมันกุ้งแท้ ๆ มาผัดเพิ่มความเข้มข้น ทานกับเมนูทานเล่น อย่าง ปอเปี๊ยะแฮมชีส (50 บาท) ที่อัดแน่นด้วยแฮมชีสด้านใน ห่อด้วยแผ่นปอเปี๊ยะอย่างดี ทำให้เวลาทอดจะกรอบอยู่ได้นานค่ะ และ ขลุ่ยปู (50 บาท) ที่ใช้เนื้อกรรเชียงปูผสมเนื้อกุ้งเป็นไส้ ม้วนด้วยแผ่นปอเปี๊ยะ เวลาทอดมาร้อน ๆ จะต้องเป่าเหมือนเป่าขลุ่ยก่อนนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีเมนูอีกเพียบ รับรองว่าถ้าได้มาทานนอกจากจะอิ่มท้องแล้ว ยังอิ่มตาอิ่มใจกับลีลาแม่ค้าที่เป็นกันเอ๊งกันเองสไตล์พี่อ้อด้วย

Recommended Dishes
- ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลน้ำข้น
- ข้าวไข่ข้นกุ้งแม่น้ำราดซอสมันกุ้ง
- ปอเปี๊ยะแฮมชีส
- ขลุ่ยปู

ที่ตั้ง : 68/51 อยู่ระหว่างซอยเพชรบุรี 5 กับ 7 ถนนเพชรบุรี แขวงทุ่งพญาไท ราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400

โทร : 02-612-9013 , 081-443-6629

เวลาเปิดบริการ : วันจันทร์10.00-22.00 น.วันอังคาร10.00-22.00 น.วันพุธ10.00-22.00 น.วันพฤหัสบดี10.00-22.00 น.วันศุกร์10.00-22.00 น.วันเสาร์10.00-22.00 น.วันอาทิตย์ หยุด

ราคาต่อท่านโดยประมาณ : 101-300 บาทต่อคน

สัญชาติอาหาร : ไทย

ประเภทอาหาร : ก๋วยเตี๋ยว-บะหมี่, อาหารจานเดียว

รูปแบบการให้บริการ : ร้านอาหารทั่วไป

เหมาะสำหรับ : ครอบครัว

ที่จอดรถ : โลตัส เจริญผล



มาดูเจ้าของร้านกัน เซ็กซี่แค่ไหน
ข้อมูลจาก http://travel.sanook.com/
รูปจาก http://food.mthai.com/

บ้านขวัย ขนมไทย คุณค่าความเป็นไทย

|
อ่านเพิ่มเติม »

ร้านขนมบ้านขวัญ มีร้านดั้งเดิมสาขาแรกอยู่ที่ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งผลิตและจำหน่าย ขนมไทยมากว่า 25 ปี ให้กับโรงแรมชั้นนำต่างๆ บริษัทรับจัดเลี้ยง และงานแต่งงาน รวมถึงลูกค้าทั่วไป จุดเด่นของ ร้านขนมบ้านขวัญ คือนอกจากขนมที่มีรสชาติกลมกล่อม ไม่หวานมาก ขนมทุกชิ้นยังมีรูปร่างหน้าตาสวยงาม ซึ่งใช้ความละเอียด ประณีตในการทำ แต่ละชิ้นมีลักษณะเล็ก พอดีคำ หลากหลายมากกว่า 40 ชนิด
ร้านขนมบ้านขวัญ รับจัดทำ ชุดกล่องของขวัญขนมไทย พานขนมมงคล ที่ใช้ในงานพิธีสำคัญต่างๆ พานขนมขันหมากกระเช้าขนมไทย ชุดกล่องขนมพร้อมเครื่องดื่มในงานสัมมนา งานจัดเลี้ยง และรูปแบบต่างๆ ตามความต้องการของลูกค้านอกจากขนมไทยแล้ว ทางร้านยังรับจัดทำ พานขันหมาก พานดอกไม้ต่างๆ ในพิธีแต่งงาน เช่น พานธูปเทียนแพพานแหวนหมั้น พานกล้วยอ้อย รวมถึง งานดอกไม้สำหรับพิธีบวชนาค เช่น กรวยบวชนาค และไตรบวชนาค เป็นต้น
มีความหลากหลายให้เลือก
ขนมไทยของ ร้านบ้านขวัญ มีความหลากหลาย ทั้งขนมไทยโบราณดั้งเดิมและขนมไทยประยุกต์ รวมมากกว่า 40 ชนิด ขนมบางชนิดเป็นขนมเก่าแก่ดั้งเดิมที่มีตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งใช้ในประเพณี พิธีมงคลต่างๆ ขนมบางชนิดสูญหายคงเหลือไว้แต่ชื่อ หาทานแทบไม่ได้ในปัจจุบันนอกจากขนมไทยโบราณ ร้านขนมบ้านขวัญ ยังมีขนมไทยประยุกต์ ซึ่งเป็นการออกแบบผสมผสานดัดแปลงให้ดูร่วมสมัย และสร้างความแปลกใหม่ให้กับผู้บริโภค ร้านขนมบ้านขวัญ ใส่ใจในรายละเอียดการผลิตของขนมทุกชิ้นขนมของ ร้านบ้านขวัญ มีขนาดพอดีคำ รสชาติกลมกล่อม หอมหวาน

ใส่ใจทุกรายละเอียด
ร้านขนมบ้านขวัญ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพชั้นดีในการผลิต ทางร้านใส่ใจทุกขั้นตอนการผลิต ทั้งเรื่อง รสชาติ กลิ่นหอมด้วยการใช้กลิ่นและสีจากธรรมชาติ ตามแบบขนมไทยโบราณ ซึ่งขนมได้ผ่านกระบวนการผลิต ที่สะอาดและละเอียดทางร้านใส่ใจสุขภาพของผู้บริโภค ขนมไทยของ ร้านบ้านขวัญ จึงไม่หวานจนเกินไปและไม่มีการใส่สารกันบูดเพื่อยืดอายุขนมแต่อย่างใด ดังนั้น ขนมของ ร้านบ้านขวัญ โดยเฉพาะขนมประเภทที่มีหน้ากะทิ จึงผลิตและจำหน่ายวันต่อวัน เพื่อให้ลูกค้าได้ทานขนม สด ใหม่ ทุกวัน

ขนมไทย คุณค่าความเป็นไทย
ขนมไทยนอกจากเป็นมรดกศิลปวัฒนธรรมของไทย ยังถือเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญของคนไทยอีกด้วย เพราะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน ประณีตในการทำ และการทำขนมไทยจัดได้ว่าเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง ซึ่งขนมของร้านบ้านขวัญ ไม่เพียงแต่เป็นขนมที่อร่อย รสชาติกลมกล่อม แต่ยังเป็นผลผลิตของศิลปะไทยอีกด้วยซึ่งต้องอาศัยฝีมือการทำที่พิถีพิถัน เน้น รายละเอียดการประดิษฐ์รูปร่างหน้าตาขนมแต่ละชิ้นให้เล็กกะทัดรัดน่ารับประทาน มีสีสัน สวยงาม และกลิ่นหอม รูปลักษณะงดงามอ่อนช้อยตามแบบไทย

เป้าหมายธุรกิจ
เป้าหมายหลักในการดำเนินธุรกิจของ ร้านขนมบ้านขวัญ คือ การเป็นร้านขนมไทยที่ผู้บริโภคประทับใจ และเป็นร้านขนมไทยหลักที่อยู่ในใจผู้บริโภคนอกเหนือจากนั้นแล้ว เป้าหมายอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของ ร้านขนมบ้านขวัญ คือ ต้องการที่จะรักษาขนมไทยโบราณอันมีคุณค่า เพื่อให้คนไทยได้รู้จักขนมโบราณ และได้ทานขนมไทยที่พิถีพิถัน ทั้งเรื่องรูปลักษณ์และรสชาติ เพื่ออนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมไว้ให้คนรุ่นหลังสืบไป และ เพื่อเผยแพร่เอกลักษณ์ความประณีตของคนไทยให้แก่ต่างชาติอีกด้วย

สนใจติดต่อ
ต้นถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ก่อนซอย 1)
10 เมตรจากแยกนราธิวาสฯ ตัดถนนสุรวงศ์

โทรศัพท์. 02-234-5841, 089-204-4549
Website: www.kanombaankwan.com
Email: kanombaankwan@gmail.com
เปิดบริการ 9.00 - 18.30 น.

ที่มา...http://www.kanombaankwan.com/home.html


เฟอร์น้องหมา บาร์คคิเท็ค ไอเดีย สร้างเงิน

| วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

บ้านที่มีสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะน้องหมาหลายครั้งคงหนักใจไม่น้อยเมื่ออุปกรณ์ของน้องหมาไม่เข้ากับสไตล์บ้านเอาซะเลย จากสินค้าที่มีขายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดกลายเป็นส่วนเกินของบ้าน ทำให้สถาปนิกหนุ่มเล็งเห็นปัญหา ผุดไอเดียผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของผู้รักงานดีไซน์ควบคู่ไปกับการอยู่ร่วมกับสัตว์เลี้ยงอย่างมีสไตล์ barketek (บาร์คคิเท็ค)

มิติใหม่เฟอร์นิเจอร์เพื่อน้องหมาตอบโจทย์ผู้รักในการแต่งบ้านที่ต้องการให้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นในบ้านกลมกลืนกัน ไอเดียของ “ปิยณัฐ รัตนวงศาโรจน์ หรือ บิ๊ก” สถาปนิกหนุ่มเจ้าของผลิตภัณฑ์ barketek ที่คลุกคลีในวงการนี้มา 7 ปี มีโอกาสเดินทางไปทำงานที่ประเทศจีนถึง 4 ปี เมื่อกลับมาเมืองไทยก็ออกแบบบ้านให้ลูกค้าหลากหลายสไตล์ แต่ปัญหาที่พบส่วนใหญ่คือ ข้าวของเครื่องใช้สัตว์เลี้ยงในบ้าน โดยเฉพาะชามข้าวน้องหมาดูจะไม่เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน กลับกลายเป็นสิ่งแปลกแยกเพราะเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายทั่วไป

ทำให้สิ่งของเหล่านี้เป็นปัญหาของเจ้าของบ้านต้องนำไปเก็บไว้ในครัว เอาออกมาใช้เมื่อถึงคราวจำเป็นเท่านั้น ส่งผลให้หลายครั้งเขาต้องออกแบบเฟอร์นิเจอร์ และอุปกรณ์น้องหมา แมว ให้ตรงกับสไตล์ของบ้านเป็นประจำ และจากงานที่ต้องทำเพิ่มนี้เอง กลายเป็นการจุดไอเดียให้เขาคิดทำข้าวของเครื่องใช้สำหรับสัตว์เลี้ยงให้กลมกลืนกับเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้าน

บ่อยครั้งที่ผมเห็นชามข้าวน้องหมา เบาะนอน หรือกรงสัตว์เลี้ยงขนาดเล็ก ต้องถูกจำกัดพื้นที่วางไว้ได้เฉพาะแต่ในห้องครัวเพราะเจ้าของบ้านรู้สึกว่าเป็นส่วนเกิน ผมจึงต้องแก้ปัญหาด้วยการออกแบบชามข้าวน้องหมาที่มีฐานยกสูง ทำจากไม้ ส่วนชามเป็นสเตนเลส เน้นความคงทน บวกดีไซน์ทันสมัย ซึ่งชามข้าวสามารถถอดออกมาล้างได้”
ก่อนที่ปิยณัฐจะออกแบบชามข้าวสำหรับสุนัข เขาไม่เพียงแต่เน้นงานดีไซน์ที่สวยงาม แต่ยังศึกษาข้อมูลพฤติกรรมสุนัขด้วย โดยสอบถามจากสัตวแพทย์ และสังเกตสุนัขของตนเอง พบว่า หากเจ้าของเลือกภาชนะที่สูงระดับพอดีกับขนาดสุนัขจะช่วยให้สุนัขกินอาหารได้มากขึ้นเพราะไม่ต้องก้มลงไปกินจากถาดที่วางติดพื้น รวมถึงหากสุนัขก้มเป็นเวลานานจะทำให้ขาถ่าง สรีระเสียรูปทรง ซึ่งสิ่งเหล่านี้บางครั้งเจ้าของละเลยไป
ผลิตภัณฑ์เพื่อน้องหมาชิ้นแรก คือ ชามข้าวน้องหมา ที่ปิยณัฐออกแบบให้มี 3 ขนาด คือ S, M, L ตามขนาดสุนัขที่เจ้าของเลี้ยง โดยเขาใช้เวลาคิดออกแบบและลองผิดลองถูกนานหลายเดือน ประเดิมเปิดตัวสินค้าครั้งแรกในงาน Pet Expo เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

ผมเป็นดีไซเนอร์ที่ทำเฟอร์นิเจอร์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยศึกษาจากสรีระและพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงโดยตรง ทำให้สินค้าเป็นมากกว่างานดีไซน์ แม้ช่วงแรกผลตอบรับจากลูกค้าจะบอกว่าราคาค่อนข้างสูง แต่ก็มีกลุ่มลูกค้าที่เข้าใจและมีกำลังซื้อจะตัดสินใจซื้อทันที เพราะราคาถูกกว่าสินค้าจากต่างประเทศมาก โดยราคาเริ่มต้นที่ 880-1,950 บาท ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าผู้หญิงที่อุดหนุน ในช่วงอายุตั้งแต่ 25-40 ปี และเป็นชาวต่างชาติให้การตอบรับดีกว่า 50%

แม้ขณะนี้สินค้าของ barketek จะยังไม่มีหน้าร้าน แต่มีการนำสินค้าไปฝากขายตามห้าง เช่น สยามดิสคัพเวอรี่, โรงแรมสำหรับสัตว์เลี้ยง, สระว่ายน้ำ และสปา ที่ล้วนให้บริการสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ ล่าสุดเจ้าของแบรนด์ barketek ออกแบบที่นอนของน้องหมา คล้ายเปลแต่โยกไม่ได้ ขึง 2 ด้าน พร้อมเบาะรอง ยกสูงจากฐานไม้เล็กน้อย ซึ่งจะช่วยในเรื่องการระบายอากาศได้ ทำให้ความร้อนจากตัวสัตว์ไม่สะสม เหมาะต่อสุนัขพันธุ์เล็กไปจนถึงกลาง แต่ไม่เหมาะต่อสุนัขตัวใหญ่เพราะจะรู้สึกไม่มั่นคง


ปัจจุบันต้องยอมรับว่าผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการตกแต่งบ้าน และคอนโดฯ กันมากขึ้น ดังนั้นสินค้า barketek จึงกลายเป็นหนึ่งตัวเลือกที่คนรุ่นใหม่สนใจ รวมถึงชาวต่างชาติก็หิ้วกลับไปเป็นจำนวนมาก เพราะเราทำให้ชิ้นส่วนทุกชิ้นบรรจุลงในกล่องถือสะดวก สามารถนำไปประกอบได้เองที่บ้าน จากความสะดวกนี้เองทำให้ยอดขายแต่ละเดือนอยู่ที่ 30-40 ชิ้น ตั้งเป้าให้ถึง 100 ชิ้น/เดือน พร้อมเล็งตลาดส่งออกไปยังประเทศแถบเอเชีย ได้แก่ ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน และสิงคโปร์

สำหรับแผนธุรกิจในเรื่องการออกแบบสินค้าใหม่ๆ นั้น ปิยณัฐบอกว่า จะออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ทั้งเจ้าของบ้านและสัตว์เลี้ยงสามารถอยู่ร่วมกัน อย่าง เก้าอี้ ที่คนนั่งได้ และข้างใต้เป็นที่นอนของน้องหมา รวมถึงเตรียมออกแบบเฟอร์นิเจอร์สำหรับแมว จากตัวเลขที่ค้นพบว่ามีผู้เลี้ยงแมวจำนวนไม่น้อยในไทยและต่างประเทศ จากพฤติกรรมของแมวที่ไม่ต้องพาออกไปเดินเล่น สามารถเลี้ยงได้ในคอนโดฯ ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองในปัจจุบัน

ที่มา....http://www.manager.co.th/iBizchannel/ViewNews.aspx?NewsID=9560000157302
Next Prev
▲Top▲