Update

AGRILIFE เมนูออร์แกนิก เพื่อสุขภาพ

| วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556
อ่านเพิ่มเติม »

ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะพร้าวอินทรีย์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์จากประเทศสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และประเทศแคนาดา ผลิตจากมะพร้าวอินทรีย์ จากเครือข่ายสวนมะพร้าว จำนวน 2,900 ไร่ ในจังหวัดชลบุรี สมุทรสงคราม และประจวบคีรีขันธ์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์
พิสิษฐ์ วีระไวทยะ เจ้าของกิจการ วัย 31 ปี เล่าว่า การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าว เป็นการเพิ่มมูลค่าจากวัสดุที่เหลือจากกระบวนการ สกัดน้ำมันมะพร้าว รวมถึง ยังทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากเนื้อมะพร้าวได้ครบทุกส่วน โดยปัจจุบัน บริษัทมีผลิตภัณฑ์มะพร้าวแปรรูป ได้แก่ แป้งมะพร้าวสำหรับประกอบอาหาร โปรตีนชงพร้อมดื่ม แยมมะพร้าว คุ้กกี้มะพร้าว และโยเกิร์ตมะพร้าว

     สำหรับเทคโนโลยีการแปรรูปต่างๆ เป็นการทำงานร่วมกับหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (สนช.) โดยมีจุดเด่นที่ ผลิตภัณฑ์แปรรูปต่างๆ ยังคงรักษาคุณประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวไว้ครบถ้วน เช่น มีสารอาหารช่วยในระบบขับถ่าย และบำรุงผิว นอกจากนั้น วัตถุดิบทั้งหมดปลูกโดยเกษตรอินทรีย์ ปราศจากสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น ช่วยรับประกันด้านความสะอาดปลอดภัย รวมถึง มะพร้าวที่ปลูกด้วยวิธีธรรมชาติจะมีกลิ่นหอมกว่าปลูกด้วยเคมี จึงเหมาะที่จะนำมาแปรรูปเป็น ผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ

     เจ้าของกิจการ อธิบายต่อว่า บริษัทได้เข้าไปส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกมะพร้าวแบบเกษตรอินทรีย์ โดยบริษัทจะเหมารับซื้อผลผลิตทั้งหมดไว้ เพียงรายเดียว โดยมีเครือข่ายอยู่ที่ จ.สมุทรสงคราม จ.ชลบุรี และ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่รวมกว่า 2,900 ไร่ นอกจากนั้น ยังลงทุนกว่า 20 ล้านบาท ก่อตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์ จากมะพร้าว โดยขณะนี้ บริษัทได้รับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ทั้งในส่วนของสวนมะพร้าว และโรงงานผลิต ตามมาตรฐานสากล อย่าง NOP (USDA Organic) และ EEC Reg.2092/91

ปัจจุบัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้สรรพคุณของน้ำมันมะพร้าวกันเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ผมจึงเน้นที่คงคุณประโยชน์พื้นฐานไว้เหมือนเดิม แต่เพิ่มเติม ด้วยความเชื่อมั่น และความแปลกใหม่ของผลิตภัณฑ์ โดยขายภายใต้แบรนด์ตัวเอง ซึ่งมีจุดเด่นทั้งด้านคุณภาพ เทคโนโลยีการผลิตทันสมัย แหล่งวัตถุดิบที่ควบคุมได้แน่นอน ซึ่งรวมกันจะทำให้การผลิตได้มาตรฐานคงที่ ซึ่งจะช่วยสร้างแบรนด์ที่ผู้บริโภคประทับใจ และไว้ใจ” พิสิษฐ์ ขยายความ
     สำหรับบริษัท เอิร์ธบอร์น จำกัด เกิดขึ้นมากว่า 7 ปีแล้ว โดยเวลานั้น เจ้าของธุรกิจหนุ่มยังมีอายุเพียงยี่สิบต้นๆ เท่านั้น โดยแรงบันดาลใจจากที่ คิดอยากทำธุรกิจสักอย่างเป็นของตัวเอง จนไปพบข้อมูลในเว็บไซต์ต่างประเทศที่บอกถึงคุณประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ รวมถึงยังระบุถึงความต้องการของตลาดต่างประเทศที่มีสูงมาก ซึ่งประเทศไทยเวลานั้น ยังไม่มีการผลิตเพื่อส่งออกเลย ทั้งที่มีแหล่งวัตถุดิบมะพร้าวอยู่จำนวนมาก
     จากโอกาสที่มองเห็น ประกอบกับกระแสสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตัดสินใจลงทุนเบื้องต้นกว่า 2 ล้านบาท สร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์น้ำมันมะพร้าว เริ่มต้นจากศึกษางานวิจัยที่มีอยู่เดิม ผนวกกับเรียนรู้ด้วยตัวเอง และขอคำแนะนำจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จนได้น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ผลิต โดยกระบวนการสกัดเย็น ซึ่งกว่าจะออกสู่ตลาดใช้เวลาพัฒนาผลิตภัณฑ์อยู่กว่า 2 ปี

     พิสิษฐ์ เผยต่อว่า เน้นตลาดส่งออกต่างประเทศเป็นหลัก ในลักษณะเป็นผู้รับจ้างผลิต (OEM) ซึ่งได้การตอบรับอย่างสูงมาก สามารถส่งออกไป กว่า 10 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นทวีปอเมริกาเหนือ ยุโรป และเอเชีย นับถึงวันนี้ บริษัทเป็นผู้ผลิตที่มียอดส่งออกสูงติดอันดับ 1 ใน 3 ของประเทศ
     นอกจากนั้น ในช่วง 2 ปีให้หลังที่ผ่านมา บริษัทมุ่งต่อยอดกิจการ ผ่านการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารนานาชนิด และขายภายในแบรนด์ “AgriLife” ของตัวเอง โดยสัดส่วนตลาดระหว่างรับจ้างผลิตส่งออก ยังอยู่ที่ 70% ส่วนขายในแบรนด์ตัวเอง อยู่ที่ 30% โดยช่องทางตลาดในประเทศ วางขายตามห้างสรรพสินค้าระดับบนต่างๆ

     เขาทิ้งท้ายถึงแผนธุรกิจในอนาคตว่า ต้องการเพิ่มสัดส่วนขายในแบรนด์ของตัวเองให้สูงขึ้น ใช้กลยุทธ์ออกผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปใหม่ต่อเนื่อง เพื่อขยายกลุ่มผู้บริโภค รวมถึง ปลายปีนี้ (2554) จะเปิดร้านของตัวเอง สำหรับขายผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปจากน้ำมันมะพร้าวครบวงจร มีทั้งแบบพร้อมกิน เช่น เครื่องดื่ม ไอศกรีม และเบเกอรี่ เป็นต้น และผลิตภัณฑ์ซื้อกลับบ้าน เช่น แป้งมะพร้าว โปรตีนชงพร้อมดื่ม แยม คุ้กกี้ และโยเกิร์ต ฯลฯ ซึ่งจากรสชาติมะพร้าวที่ทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี อีกทั้ง สรรพคุณ ของน้ำมันมะพร้าว กับกระแสรักสุขภาพ น่าจะเป็นที่ถูกใจของลูกค้าได้ไม่ยาก


ติดต่อ
โทรศัพท์   02-714.1167
อีเมล   info@agrilife.co.th
เว็บไซต์  http://www.agrilife.co.th
http://www.twitter.com/agrilifethai

ที่มา...http://www.ksmecare.com/

11 เหตุผลที่ธุรกิจคุณไปไม่รอด

|
อ่านเพิ่มเติม »


1.วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน - ไม่กำหนดพันธกิจและวิสัยทัศน์ของบริษัทให้ชัดเจน ว่าต้องการจะเป็นอะไร และจะทำอย่างไรเพื่อไปถึงจุดนั้น
2.ขาดการวางแผน - การวางแผนและพัฒนากลยุทธ์เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ไม่ว่าธุรกิจจะเล็กแค่ไหน จงให้เวลากับการวางแผนอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ทบทวนกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัท เพื่อให้มั่นใจว่าเส้นทางที่คุณเดินไปนั้นถูกต้องแล้ว
3.ไม่เขียนเป้าหมาย - เป้าหมายคือสิ่งชี้วัดความสำเร็จ จะเป็นรูปธรรมได้ต้องเขียนมันออกมา และกำหนดผู้รับผิดชอบในแต่ละเป้าหมายพร้อมกรอบเวลาที่ชัดเจน ถ้าไม่มีขั้นตอนนี้โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายก็เป็นไปได้ยาก
4.ขาดงบประมาณ - เพื่อให้มั่นใจในสภาพคล่องควรตั้งงบประมาณเป็นรายปี เพื่อให้มีเงินทุนสำหรับการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ ตามที่ได้วางแผนไว้อย่างราบรื่น
5.พนักงานไม่มีศักยภาพมากพอ - หากในบริษัทไม่มีใครเลยที่จะสามารถรับงานที่คุณวางแผนไว้ไปสานต่อให้สำเร็จได้ตามเป้าหมาย ควรรีบดำเนินการพัฒนาประสิทธิภาพของพนักงาน หรือสรรหาคนใหม่ที่มีความสามารถพอที่จะนำพาธุรกิจของคุณไปสู่เป้าหมายได้
6.ไม่ติดตามการเปลี่ยนแปลงของตลาด - บางธุรกิจตลาดเปลี่ยนแปลงเร็ว จึงต้องจับตาเทรนด์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด
7.ไม่เข้าใจความต้องการของลูกค้า - ต้องให้เวลากับการศึกษาพฤติกรรมลูกค้า ความต้องการของลูกค้า และประสบการณ์ของลูกค้า ว่าเขาพึงพอใจกับสินค้าและบริการของคุณมากน้อยเพียงใด หากคุณไม่ทำ อนาคตที่สดใสก็คงไกลเกินเอื้อม
8.ไม่มองว่าลูกค้าคือคนสำคัญที่สุด - พนักงานทุกคนที่ติดต่อลูกค้า คือหน้าตาของบริษัท พวกเขาต้องรับทราบสิ่งที่บริษัทคาดหวังจากงานของเขา และให้รางวัลเมื่อพวกเขาทำดี เพราะการทำให้พนักงานมีความสุขจะส่งผลต่อการมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าเช่นกัน
9.ขาดการสื่อสาร - องค์กรที่ประสบความสำเร็จต้องมีการสื่อสารข้อมูลให้กับพนักงานและลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้พนักงานมีความสุข แล้วลูกค้าก็จะได้รับสินค้าและบริการที่มาจากใจของพนักงานทุกคน
10.ไม่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง - ผู้บริหารที่ดีต้องทบทวนกระบวนการทำงานขั้นตอนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การจัดส่งสินค้า และการให้บริการ เพื่อมองหาโอกาสที่จะพัฒนาให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไป
11.ไม่ฉลองความสำเร็จ - เมื่อไรก็ตามที่บริษัทประสบความสำเร็จไปอีกขั้น ควรประกาศให้พนักงานรับทราบผลงานของพวกเขาด้วย และเฉลิมฉลองให้กับความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพื่อขอบคุณในความร่วมมือร่วมใจของพวกเขา แต่หากคุณไม่แสดงให้พนักงานรับรู้ว่าเห็นคุณค่าของพวกเขา คุณอาจเสียคนดีคนเก่งไปในสักวัน

ที่มา   : http://smallbusiness.yahoo.com/

ส้วมสวรรค์ Heaven Toilet นุ่น วรนุช

| วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556
อ่านเพิ่มเติม »
         หากพูดถึงห้องน้ำทั่วๆไปที่มีให้บริการตามสาธารณะ ทั้งที่เก็บเงิน และไม่เก็บเงิน ผมว่าหลายๆคนคงร้อง หยี๋ สกปรก ไม่น่าเข้า แต่ที่เข้าเพราะจำเป็น สู้อั้นใว้อีกนิด เข้าในห้างดีกว่า เยอะ
         แต่วันนี้จะนำเสนอ ห้องน้ำเคลื่อนที่ ไอเดีย สุดบรรเจิดของ ดาราสาวชื่อดัง นุ่น วรนุช นั่นคือ ส้วมสวรรค์ Heaven Toilet
 
มันคือส้วมเคลื่อนที่ ที่มีไว้บริการ ลูกค้าระดับ Premium หรือ ลูกค้าระดับ Hiso เพราะลูกค้าเหล่านี้คงไม่อยากเข้าส้วม สาธารณะที่กล่าวมาหรอก มันคัน ก้น 555+  Heaven Toilet ได้รับการออกแบบอย่างสวยหรู ภายในมีครบทุกอย่างที่ส้วมควรจะมี ติดแอร์เย็นฉ่ำ เรียกได้ว่าเหมือนได้ปลดทุกข์ บนสวรรค์ กันเลยทีเดียว
อีกทั้งเรื่องความสะอาด นี่มีการทำความสะอาดทุกๆ 20 นาที แหม่ ชักอย่างลองไปนั่ง ปลดทุกข์บ้างแล้วสิ




ส้วมสวรรค์ Heaven Toilet นุ่น วรนุช

Posted by : TAI2U on :วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556 With 0ความคิดเห็น

ตู้เติมเงิน บุญเติม

|
อ่านเพิ่มเติม »
 ปัจจุบันธุรกิจการให้บริการหลายๆประเภทในท้องตลาด เน้นให้ลูกค้าซื้อบัตรต่างๆเพื่อใช้ในการชำระค่าสินค้าและบริการ
เช่น บริการเติมเงินมือถือ, เติมเกมส์ออนไลน์, บัตรโทรศัพท์ระหว่างประเทศ หรือบัตรใช้แทนเงินสดประเภทต่างๆ เป็นต้น
ซึ่งต้นทุนในการผลิตบัตรดังกล่าว รวมถึงค่าขนส่ง มีต้นทุนที่สูง ดังนั้นผู้ให้บริการทั้งหลายในท้องตลาด จึงได้คิดค้นวิธีการช่วยลดต้นทุนดังกล่าว แต่ด้วยเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบันยังไม่มีมาตรฐาน และคุณภาพเพียงพอ ทำให้ไม่สามารถให้บริการได้อย่างทั่วถึง     บริษัท ฟอร์ท คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) และบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) จึงได้ร่วมกันคิดค้นระบบ




KIOSK เพื่อใช้ในการรับคำสั่งจากลูกค้าซึ่งสามารถรับได้ทั้ง ธนบัตร และเหรียญ จากนั้นระบบ KIOSK จะส่งข้อมูลกลับมาที่Server ของทางบริษัทฯ เพื่อเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการโดยตรง เช่น AIS (1-2-Call), DTAC (Happy), True Move,True Move H, CAT CDMA เป็นต้น ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จำกัด(มหาชน) เป็นผู้นำการให้บริการชำระ และซื้อขาย บริการออนไลน์ต่างๆ
เทคโนโลยีและบริการของเราสามารถให้บริการได้ทุกที่และทุกเวลา ด้วยศูนย์บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง

นโยบายบริษัท
 1.เรามุ่งมั่นมอบบริการด้วยใจที่เหนือความคาดหมายของลูกค้าทุกครั้ง
 2.เราเห็นปัญหาของลูกค้าคือปัญหาของเราต้องแก้ไขให้จบสิ้นตั้งแต่ต้นจนจบ(End to End)

วิสัยทัศน์และพันธกิจ

เรานำเสนอความง่าย รวดเร็ว สะดวกและแม่นยำ ให้กับผู้ทำรายการที่หน้าตู้อัจฉริยะ
เช่น การเติมเงินโทรศัพท์มือถือ, การเติมเกมส์, การชำระค่าบริการและอื่นๆ

 1.เราให้ความมั่นใจกับคุณเสมอ ในการเติมเงินกับตู้เติมเงินออนไลน์ "บุญเติม"
 2.สะดวกกับผู้ใช้งาน ด้วยจำนวนตู้กว่า 30,000 ตู้ ทั่วประเทศ
3. ตู้เติมเงินออนไลน์ "บุญเติม" ทำงานด้วยระบบ Server ตลอด 24 ชั่งโมง จึงทำให้มีความแม่นยำสูง ถูกต้องและรวดเร็ว

ทำไมต้องบุญเติม
1. เป็นผู้นำตลาดตู้เติมเงินออนไลน์
2. บริการหลากหลาย เช่น เติมเงินมือถือ, ดูดวง, เติมเกมส์ออนไลน์และบัตรเงินสดประเภทต่างๆ
3. รับเหรียญและธนบัตรได้ทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นเหรียญ 1, 2, 5 และ10 บาท ธนบัตร 20, 50, 100, 500 และ 1,000 บาท
4. เก็บยอดเงินคงเหลือ ซึ่งสามารถใช้บริการได้กับตู้บุญเติมทั่วประเทศในครั้งต่อไป
5. มีระบบตรวจสอบข้อมูลป้องกันปัญหากรณีตู้กินเงินหรือกรณีเติมผิดเบอร์ เพียงลูกค้าโทรมาแจ้งที่ศูนย์บริการลูกค้า
   ตลอด 24 ชั่วโมง
6. ปัจจุบันมีจำนวนตู้กว่า 30,000 ตู้ ทั่วประเทศ
7. ใช้ได้ถึง 3 ภาษาในตู้เดียวกันทั้ง ไทย, อังกฤษ และพม่า
8. เพิ่มบริการใหม่ๆ พร้อมรองรับธนบัตรรุ่นใหม่ๆ ได้ตลอดเวลาเพราะต่อ server ขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูง
9. บริษัทเป็นเจ้าของสิทธิบัตรในการออกแบบและการใช้งานที่ถูกต้อง

สนใจติดต่อ ..226/12,13,16 ถ.พหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท จ.กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์: 0-2278-1777 (เวลาทำการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.30 – 17.30 น.)

     กด 1 ปัญหาด้านเทคนิค (ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น.)

     กด 2 แจ้งตัดยอด (ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 – 21.00 น.)

     กด 3 อะไหล่

     กด 4 ฝ่ายขาย

     กด 5 ลงทะเบียนตู้

     กด 6 ตรวจสอบและบริหารรายได้

     กด 7 การตลาด

     กด 8 บัญชี

แฟกซ์ (ฝ่ายการเงิน) : 0-2279-8200

แฟกซ์ (ส่วนกลาง)   : 0-2279-7195

อีเมล์: sales@forthsmart.co.th

เติมเงินไม่เข้า ตู้กินเงิน อีเมล์: callcenter@forthsmart.co.th

คลังสินค้า

77/23 หมู่ 12 ถ.พุทธมณฑลสาย5 ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม 73210

โทรศัพท์: 0-2278-1777 กด 3 (เวลาทำการ จันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 17.00 น.)

แฟกซ์: 0-2420-1825 Ext. 6515

อีเมล์: spare@forthsmart.co.th

ที่มา .. http://www.boonterm.com/

ข้ามต้มปลาขี้เมา ขายง่าย คืนทุนเร็ว

|
อ่านเพิ่มเติม »
 ข้าวต้มปลา ต้มยำหัวปลา เก๋ากะพงเมนูจานโปรดของใครหลายคน การทำเมนูปลาอย่างข้าวต้ม หรือต้มยำให้อร่อยไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าสูตรไหนโดนใจแล้วละก็ไม่ต้องกลัว เรียกลูกค้าเต็มร้านได้ไม่ยาก
             
       สำหรับเมนูยอดฮิตอย่างนี้ยังไม่มีใครยอมถ่ายทอดสูตรกันง่ายๆ เพราะทำขายเองดีกว่า แต่ในส่วนของร้านข้าวต้มปลาเก๋ากะพงอาศัยช่องว่างแฟรนไชส์ข้าวต้มปลา เปิดขายแฟรนไชส์ข้าวต้มปลา และต้มยำหัวปลาเป็นรายแรก และรายเดียวในขณะนี้
จับตาข้าวต้มปลาขี้เมา ซุ่มเงียบแบบไม่ธรรมดา 100 สาขาทั่วประเทศ
รูปแบบแฟรนไชส์ รถเข็น
       นายยศพันธ์ วัดวง เจ้าของร้าน เล่าว่า ที่มาของการตัดสินใจมาขายแฟรนไชส์เพราะเห็นว่ายังไม่เคยมีใครทำมาก่อน และไม่ผิดหวัง เพราะในระยะเวลา 5 ปีประสบความสำเร็จสามารถขยายสาขาได้มากกว่า 50 สาขา จุดเด่นของแฟรนไชส์ข้าวต้มปลาเก๋ากะพงอยู่ที่รสชาติที่จัดจ้าน วัตถุดิบที่เน้นความสดใหม่
     
       ทั้งนี้ ก่อนเปิดขายแฟรนไชส์พิสูจน์ฝีมือมาแล้วจากร้านข้าวต้มปลาที่เปิดขายมานานกว่า 10 ปี ตั้งแต่ปี 2544 ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ในชื่อร้านว่า “ ข้าวต้มปลาขี้เมา หัวปลาหม้อไฟ” ซึ่งลูกค้าจากเมืองโคราชรู้จักเป็นอย่างดี
จับตาข้าวต้มปลาขี้เมา ซุ่มเงียบแบบไม่ธรรมดา 100 สาขาทั่วประเทศ
       “ผมเริ่มต้นขายข้าวต้มปลาจากรถเข็นเล็กๆ มีเพียง 8 โต๊ะ และในระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนสามารถเพิ่มโต๊ะเป็น 40 โต๊ะ และหลังจากนั้นผ่านไป 2 ปี ขยายสาขาเพิ่มเป็น 2 สาขา โดยมีลูกค้าให้ความสนใจและต้องการให้เราถ่ายทอดสูตรให้จำนวนมาก ผมจึงตัดสินใจขายแฟรนไชส์หลังจากใช้เวลาในการเซตระบบก่อนทำแฟรนไชส์นานกว่า 1 ปี โดยได้สูตรการขายแฟรนไชส์อย่างที่ต้องการภายใต้บริษัทที่ตั้งขึ้นมาดูแลชื่อว่า “เก๋ากะพง” โดยเปิดสำนักงานอยู่ที่เคหะบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อสะดวกแก่การให้บริการลูกค้าแฟรนไชส์ที่มีอยู่ทั่วประเทศ”

จับตาข้าวต้มปลาขี้เมา ซุ่มเงียบแบบไม่ธรรมดา 100 สาขาทั่วประเทศ

       สำหรับสูตรแฟรนไชส์ของเก๋ากะพงเน้นให้ลูกค้าแฟรนไชส์ได้รสชาติเดียวกันทุกสาขา ดังนั้นจึงตัดสินใจทำน้ำปรุงรสของทั้งหมด 8 เมนูออกมา ได้แก่ ข้าวต้มปลา ข้าวต้มขี้เมาสูตรพิเศษ ต้มยำหัวปลา ต้มยำทะเล (สูตรน้ำข้นและน้ำใส) ลวกจิ้ม เกาเหลา แกงจืด ยำทะเล ข้าวผัดปู สุกี้
     
       นอกจากนี้ ลูกค้าจะต้องสั่งวัตถุดิบจากทางบริษัทเท่านั้นเพื่อความสดของวัตถุดิบที่เหมือนกันทุกร้าน เนื่องจากอาหารทำจากปลาต้องสดและใหม่จึงจะได้เมนูปลารสชาติที่ดี ที่ผ่านมาลูกค้าแฟรนไชส์ก็ยินดีจะซื้อวัตถุดิบจากทางบริษัท เพราะได้วัตถุดิบที่คุณภาพดีและที่สำคัญราคาถูกกว่าซื้อตามท้องตลาด ส่วนการส่งวัตถุดิบปัจจุบันใช้การส่งผ่านบริการขนส่ง รถทัวร์ รถไฟ รถขนส่ง รถตู้ ส่วนค่าขนส่งคิดตามจริง


       สำหรับราคาแฟรนไชส์ ช่วงโปรโมชันไม่คิดค่าแฟรนไชส์ ค่าสอน โดยลูกค้าจะจ่ายเพียงแค่ค่าวัตถุดิบเริ่มต้น 4,500 บาทต่อการขายในหนึ่งสัปดาห์ และค่าวัตถุดิบในการปรุงอาหารในวันเรียน 1,000 บาท และส่วนค่าอุปกรณ์ในการเปิดร้านแล้วแต่ขนาด ทำเล ส่วนราคารถเข็น บวกกับอุปกรณ์ครบชุดราคา 37,000 บาท แต่ถ้าลูกค้ามีอุปกรณ์อยู่แล้วก็สามารถใช้อุปกรณ์เดิมได้ แต่ต้องปรับเรื่องโลโก้ให้เหมือนกับร้านแฟรนไชส์      
       ส่วนราคาขายหน้าร้านขายเหมือนกันทุกสาขา คือ ข้าวต้มปลา 30 บาท ต้มยำหัวปลา 50 บาท ลูกค้าสามารถเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวปลาได้ และก่อนจะเปิดร้านทางเราจะต้องไปเป็นผู้ดูแลวิเคราะห์ทำเลให้ทุกครั้งเพื่อป้องกันการผิดพลาด ส่วนผลตอบแทนที่ได้ กำไรประมาณ 40% ก่อนหักค่าแรง และค่าเช่าที่ ส่วนรายได้ของแฟรนไชส์ขึ้นอยู่กับทำเล เพราะบางแห่งที่เสียค่าเช่าแพงกำไรก็ลดลง อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาลูกค้าแฟรนไชส์จะมียอดขายต่อสาขาไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อวัน
จับตาข้าวต้มปลาขี้เมา ซุ่มเงียบแบบไม่ธรรมดา 100 สาขาทั่วประเทศ

       ในส่วนแผนการตลาดที่ผ่านมา เก๋ากะพงอาศัยการบอกกันแบบปากต่อปาก และการแนะนำผ่านทางเว็บไซต์ ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับที่น่าพอใจ สามารถขยายสาขาตามเป้าที่ตั้งไว้ และคาดว่าจะมีสาขาทั่วประเทศให้ได้ 100-200 สาขาภายใน 2-3 ปีข้างหน้า
     
       โทร. 08-1356-8322


ที่มา   http://www.manager.co.th/

กรอบ..อร่อย..ติดใจ แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด

|
อ่านเพิ่มเติม »
ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปีที่ผ่านมา แฟรนไชส์ของเราได้กระจายสาขาความกรอบ..อร่อย..ติดใจ..ไม่มีเบื่อ ไปแล้วทั่วประเทศกว่า 500 สาขา ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย ซึ่งก็ต้องขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่ได้มอบความไว้วางใจให้เราดูแลตลอดมา จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมพอที่จะสรุปจุดเด่นที่ทำให้ แฟรนไชส์ “แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด” กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ และอาชีพที่มาแรงที่สุดแห่งปี ได้ดังต่อไปนี้ครับ

 1.ลูกชิ้นปลาระเบิดที่อร้อย อร่อยและเข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มรสเด็ด!!
    ด้วยลักษณะเฉพาะของลูกชิ้นกับน้ำจิ้มที่ผ่านการพัฒนามาอย่างต่อ เนื่อง  ด้วยวัตถุดิบเกรดเอ สด ใหม่ วันต่อวัน  พร้อมควบคุมคุณภาพการผลิต เพื่อให้ได้ลูกชิ้นที่มีคุณภาพ เมื่อเวลาทอดสีจะเหลืองทอง พองโต กรอบนอก นุ่มใน ที่มาพร้อมกับน้ำจิ้มที่อร่อยเหาะที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียว

      2.แฟรนไชส์ที่ขายง่าย จัดการง่ายและกำไรดีมาก
      แม้ว่าจะมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่าลูกชิ้นทั่วไป เพราะผลิตด้วยเนื้อปลา 100% แต่ราคากลับไม่แพงอย่างที่คิด ราคาเบาๆ เพียงชุดละ 20 บาทเท่านั้น ด้วยความที่เป็นอาหารว่างคุณภาพดี และลูกชิ้นปลาถือว่าเป็นเมนูคลาสสิกยังไงก็ขายได้ขายดีอยู่แล้ว ที่สำคัญให้กำไรเบื้องต้นสูงถึง 50 %

     3.เป็นแฟรนไชส์ที่ลงทุนน้อย แต่คืนทุนเร็ว(มาก)
     ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ว่า กำไรมากกว่า เงื่อนไขน้อยกว่า ด้วยการจัดการที่ไม่ยุ่งยาก ดูแลง่าย อุปกรณ์ครบครันเรียกได้ว่าสามารถเปิดร้านได้ทันที คำนวณโดยเฉลี่ยลูกชิ้นกิโลกรัมละ 42 บาท กำไรเบื้องต้นอยู่ที่ 80-85 บาท/กิโล บริการสอนเทคนิคการทอด, เทคนิคการขายอื่น ๆ อีกมากมาย หากเป็นต่างจังหวัดที่ไกลๆ มีบริการส่งวีซีดีสอนเทคนิคต่างๆ อย่างละเอียดทุกขั้นตอน ไม่มีเรียกเก็บค่าแฟนไชส์รายเดือนหรือรายปีเพิ่ม มีบริการชุดทดลองในราคาเพียงชุดละ 299 บาท รับคู่มือการทอดฉบับย่อทันที

      4.รูปแบบร้านโดดเด่น
      บริหารงานโดยทีมงานมืออาชีพ เต็มไปด้วยประสบการณ์ ทำให้การสร้างแบรนด์ “แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด”  ออกมาอย่างมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น จดจำง่าย  ทั้งเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าเป็นอย่างดี

      5.แฟรนไชส์นี้จัดการง่าย...ใครๆ ก็ทำได้
      ไม่ต้องเตรียมวัตถุดิบให้ยุ่งยาก ไม่เสียเวลาจัดร้านให้วุ่นวาย เพียงแค่มีพื้นที่ที่น่าสนใจ บวกกับใจรักการขายเพียงเท่านี้ ก็สามารถเป็นเจ้าของร้านแพนด้าฯได้แล้ว ที่สำคัญตัดปัญหาเรื่องรสชาติไม่คงที่ไปได้เลย  เพราะ “แพนด้าลูกชิ้นปลาระเบิด” ดูแลคุณภาพและรสชาติให้ทุกขั้นตอน



  แฟรนไชส์ ของเราพร้อมส่งมอบความกรอบ..อร่อย..ติดใจ..ไม่มีเบื่อ ทั่วประเทศ ซึ่งไม่ว่าคุณจะทำเป็นอาชีพหลัก หรือ อาชีพเสริม เราก็มีรูปแบบแฟรนไชส์ที่หลากหลายให้คุณเลือกครับ



ติดต่อ คุณโอม 087-0036066 เวลา 9.00 – 18.00 น. 
www.facebook.com/pandafishbomb
หรือ http://www.pandafishbomb.com/

ที่มาของข้อมูล http://www.pandafishbomb.com/

ธุรกิจร้านเช่าหนังสือการ์ตูน

|
อ่านเพิ่มเติม »
            ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันมีหนังสือการ์ตูนมากมายหลายเล่ม ทั้งใน บ้านเราและของญี่ปุ่น มีหลายๆเรื่องที่น่าสนใจ ผมคนนึงแหละที่ชอบอ่านการ์ตูนเอามากๆ แต่ถ้าชอบหลายๆเรื่องแล้วต้องลงทุนซื้อมาทุกเรื่องค่าใช้จ่ายคงสูงไม่ใช่เล่น จึงต้องหันไปหาร้านเช่าการ์ตูน เช่ามาอ่านก็ดีไปอีกแบบ
           สำหรับร้านเช่าหนังสือการ์ตูนนั้นปัจจุบันก้มีมากมายหลายร้าน แต่ก็มีหลายร้านเช่นกันที่เปิดแล้ว ประสบความสำเร็จ และ ไม่ประสบความสำเร็จ นั่นเพราะมีปัจจัยหลายๆอย่างที่ทำให้เกิดปัญหา ในเรื่องนี้
 สำหรับคนที่อยากเปิดร้านหนังสือการ์ตูนแล้วคิดว่า ง่าย ขอบอกเลยว่า ไม่ง่ายนะครับ แต่ก้ไม่ได้ยากเกินไป มาดูกันดีกว่าว่า ถ้าหากต้องการมีร้านการ์ตูนสักร้าน ต้องทำอย่างไรบ้าง
1.ใจรัก  อันนี้สำคัญที่สุดครับ เพราะหากอยากมีร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแล้ว ใจไม่รักการ์ตูน ไม่รักการอ่าน รับรองล้านเปอร์เซ็นต์เลยว่า เจ๊งแน่ๆ เพราะคุณต้องอยู่กับการ์ตูนเหล่านี้ทั้งวัน ถ้าไม่ชอบก้อย่าทำเลย
2.ทำเล อันนี้สำคัญครับ ทำเลที่ตั้งต้องตั้งอยู่ใกล้ๆกับ มหาลัย หรือ หอพัก เพราะคนที่ชอบอ่านการ์ตูนส่วนใหญ่ จะเป็นวัยรุ่น และ เด็กมากกว่าครับ ถ้าให้ดี อยู่ใกล้ๆ เซเว่น ยิ่งดีเพราะ คนจะเห็นร้านเราได้ง่าย
3.เงินทุน  ตามสูตรครับจะเปิดร้านทั้งทีต้องมีเงินทุน หากต้องการร้านที่มีหนังสือพอประมาณเตรียมใว้เลยครับ 3-5 แสนบาท หากลงทุนดี ทำเลดี คืนทุนไม่ยากหรอกครับ
4.การอัพเดท ร้านการ์ตูนจะต้องมีการอัพเดทอยู่บ่อยๆ เพราะมีหนังสือบางเล่มที่ลูกค้าจะติดตามและรอคอยอยู่ โดยเฉพาะ หนังสือการ์ตูน ดังๆ เช่น วันพีช , นินจาคาถา เป็นต้น
5.ความหลากหลาย ร้านหนังสือการ์ตูน จะมีแต่การ์ตูนก็ยังไงอยู่ ควรจะมีนิตยสาร หรือ นิยาย ต่างๆด้วยครับ ดึงลูกค้ากลุ่มอื่นเข้ามาด้วย จะดีมาก
ข้อดี
 หากคุณมีทำเลที่ดี และ การบริหาร ร้านที่ดี มีโอกาสคืนทุนได้สูง เพราะเป็นของให้เช่า เราสามารถนำมาให้เช่าแล้ว เช่าอีกได้
ข้อเสีย
1.หนังสือหาย  โดยเฉพาะเด็กมหาลัยนี่เช่าแล้วหายบ่อยไม่ค่อยคืน ร้านต้องมีมาตรการที่ชัดเจนในระบบป้องกัน
2.หนังสือเก่า หนังสือการ์ตูนจะออกเล่มใหม่เดือนต่อเดือน ซึ่งเร็วมาก ทำให้หนังสือเก่าๆ จะเป็นของที่คนไม่ค่อยสนใจ ควรจะมีการทำข้อมูลใว้หากเรื่องไหนไม่มีการเช่าเลย ก็ขาย หรือ บริจาคดีกว่า
3.การอ่านหนังสือ ออนไลน์  ทุกวันนี้มีเว็บอ่านการ์ตูนเยอะมากทำให้คนออกมาเช่าการ์ตูนกันน้อยลง แต่ก็ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะลงเว็บ จึงต้องมาหาเช่าที่ร้าน

รองเท้ามือสอง น่าลอง น่าลงทุน

| วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556
อ่านเพิ่มเติม »
รองเท้าถือเป็นหน้าตาและส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างบุคลิกเราให้ดูดีขึ้นได้ และเป็นองค์ประกอบหนึ่งที่เราจะขาดไม่ได้ต้องใช้กันเป็นประจำทุกวัน ซึ่งในปัจจุบันการทำธุรกิจเปิดร้านขายรองเท้าก็เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจ เพราะรองเท้าคือสิ่งของเครื่องใช้ประจำตัวซึ่งทุกคนต้องมีและสิ่งนี้เองที่ทำให้ผู้ที่ประกอบธุรกิจหรือเปิดร้านขายรองเท้าไม่ว่าจะเป็นสินค้ายี่ห้อราคาแพงหรือแม้แต่รองเท้ามือสองราคาถูก มีรายได้และกำไรค่อนข้างสูง เรามีข้อมูลเกี่ยวกับร้านขาย ปลีก-ส่ง รองเท้ามือสองมาแนะนำให้ทุกท่านรู้จักกันค่ะ

ร้านขายส่งรองเท้ามือสอง

“ร้านเบญจมาศรองเท้า” เป็นร้านขายส่งรองเท้ามือสองลูกค้าสามารถคละแบบและเลือกแบบเองได้ ขายปลีก-ส่ง ในราคาคู่ละ 35 บาท ส่ง 50 คู่ขึ้นไป (50คู่ เท่ากับ 1750 บาท) ท่านสามารถนำไปขายได้ในราคา คู่ละ 79-100 บาท (แล้วแต่ทำเลค่ะ) หากต้องการขายออกไวขายเน้นจำนวนก็นี่เลย คู่ละ 60 บาท 2 คู่ 100 บาท รับรองขายขายดีแน่นอนค่ะหรือจะขายแบบชิลๆๆ รองเท้ามาใหม่ล็อตแรกลองขายก่อนเลย คู่ละ 100 บาท หากใน 1 อาทิตย์ สินค้าของท่านยังคงเหลือ ก็ค่อยเซลล์ขายคู่ละ 69 – 79 – 89 ก็ว่ากันไป ขายรองเท้าไม่มีขาดทุนแน่นอนค่ะ



ร้านขายส่งรองเท้ามือสอง
ร้านรองเท้ามือสองเบญจมาศ (TEEN 2) เป็นร้านขายส่งสินค้ารองเท้ามือสองโดยมี คุณเบญจมาศ แสงเทียน เป็นผู้ดูแลกิจการ มีบริการจัดส่งถึงบ้านสำหรับคนที่อยู่ต่างจังหวัดคุณภาพสินค้ารับลองได้เลยว่าคัดเกรดสินค้าดีๆ ให้ทั้งนั้นไม่มีปะปนเกรด a-b-c  รองเท้าที่ทางร้านจัดจำหน่ายขายส่ง มีรองเท้าแฟชั่น รองเท้าคัชชู รองเท้าส้นสูง รองเท้าผ้าใบ  รองเท้าบูท มีขนาดให้เลือกทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนมากจะมีรองเท้าแฟชั่น รองเท้าคัชชู สำหรับคุณผู้หญิงซะมากกว่า ต้องบอกเลยว่าอาชีพขายรองเท้ามือสองนี้เป็นอาชีพที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เรื่องงบประมาณในการทำธุรกิจรองเท้ามือสองนั้นต้นทุกต่ำมากๆ เดี๋ยวเรามาดูเรื่องงบประมาณที่ใช้เริ่มต้นธุรกิจกันดีกว่าค่ะ

งบประมาณในการทำธุรกิจรองเท้ามือสอง
ต้องขอย้ำอีกครั้งสำหรับเรื่องงบประมาณในการลุงทุน สำหรับท่านใดมีเงินลงทุนหรือท่านใดที่มีทุนมาก แต่อยากมีธุรกิจส่วนตัวมีอาชีพเป็นของตัวเอง นับว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสที่ดีสำหรับทุกๆ ท่าน สามารถเป็นพ่อค้า-แม่ขายได้ด้วยงบประมาณอันน้อยนิด เพราะธุรกิจนี้ลงทุนน้อยราคาขายปลีก-ส่ง ก็ไม่แพง เราลองไปเช็คราคาหน้าร้านที่ตลาดคลองถมขายกันที่คู่ล่ะ 60 – 100 บาท ราคามาตรฐานที่ขายอยู่ที่ 100 บาท กำไรเท่าที่ดูและคำนวนจะอยู่ที่ 60- 200 เปอร์เซ็นต์ของราคาสินค้าถือว่าสูงมากเลยทีเดียวค่ะ

รับมาคู่ล่ะ 35 บาท เราขาย 100 บาทต่อคู่ เราได้กำไรเต็มๆ 65  บาท/คู่  คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราค่าสินค้าที่ขาย ขายได้กำไร 185%
รับมาคู่ล่ะ 35 บาท เราขาย 80 บาทต่อคู่ เราได้กำไรเต็มๆ 45  บาท/คู่ คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราค่าสินค้าที่ขาย ขายได้กำไร 128 %
รับมาคู่ล่ะ 35 บาท เราขาย 60 บาทต่อคู่ เราได้กำไรเต็มๆ 25 บาท/คู่  คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของราค่าสินค้าที่ขาย ขายได้กำไร 71%
และที่สำคัญลงทุนน้อยมาก ส่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ 70คู่ขึ้นไปถ้าไม่ได้มารับเองอยู่ต่างจังหวัด ถ้าหากมีเวลามาที่ร้านเลยรับตั้งแต่ 50 ขึ้นไปค่ะ

เดียวคิดให้ดูอีกค่ะเราสั่งซื้อ70คู่ เอา  70 x 35 = 2,450 อะไรกันนี้ถูกจังต้นทุนเพียง 2,450 บาทเท่านั้นเอง แล้วเรานำมาขายเอาตามราคามาตรฐานนะค่ะ  100 ต่อคู่ เอาสินค้าทั้งหมดมาคูณด้วยราคาขายเท่ากับ 100×70 = 7,000 แล้วนำจำนวนเงินทั้งหมดมาลบกับต้นทุนของเราจะได้ 7,000-2,450 = 4,550 บาท  นี้คือกำไรจากเงินทุนเพียง 2,450 บาท

สนใจสินค้าติดต่อข้อมูลเพิ่มเติม
สำหรับท่านใดที่สนใจในสินค้ามือสอง ไม่รู้ว่าตนเองจะหาอะไรมาทำดีจึงจะมีเงินใช้ อาชีพขายรองเท้านับว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากเลยค่ะ สำหรับคนที่มีเงินทุนน้อยและธุรกิจร้านรองเท้ามือสองนี้เหมาะมากในช่วงที่เศรษฐกิจไทยกำลังปรับตัว อีกอย่างกำไรก็ดีด้วยค่ะ หากใครที่ยังไม่มั่นใจก็อาจจะลองรับมาขายหรือต่อต่อลองซื้อมาใช้เองดูก่อนก็ได้นะค่ะ ลองๆ รับมาขายเป็นงานเสริมหรืออาชีพเสริมก็ได้ บริหารเวลาให้ลงตัวแต่จากอาชีพเสริมอาจจะกลายมาเป็นธุรกิจหลักแสน/เดือน ก็อาจจะเป็นไปได้ ค่าบริการจัดส่งต่างจังหวัดมีบริการส่งทางบริษัทรถขนส่ง ค่าขนส่งไม่เกิน150บาทแล้วแต่จังหวัด+ค่าจัดส่ง

กระทืบ LIKE ได้ที่ facebook  : http://www.facebook.com/Mama.Shoes

เว็บไซต์ : http://www.mama-shoes.com

อีเมล์ : shoes2hand@hotmail.com

ที่มา..http://my.dek-d.com/

เบอร์โทร : 083-7000697,086-3251211,089-6713145 มาม่าค่ะ

รองเท้ามือสอง น่าลอง น่าลงทุน

Posted by : TAI2U on :วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556 With 0ความคิดเห็น

Chewing Tea ชาอร่อย ถูกปากคนทุกวัย

|
อ่านเพิ่มเติม »

กระแสความนิยมในการดื่มและเคี้ยว “ชาไข่มุก” ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เพราะเสน่ห์ของชาไข่มุก อยู่ตรงที่รสชาติและไข่มุก ที่ทำให้ผู้บริโภคเพลิดเพลินในการดื่ม และสามารถเคี้ยว “ไข่มุก” ที่เหนี่ยวหนึบหนับกำลังดี และที่สำคัญฐานลูกค้าของเครื่องดื่มชนิดนี้มีตั้งแต่เด็กไปจนถึงวัยกลางคน  ฉะนั้นโอกาสของธุรกิจ “ชาไข่มุก” นั้นยังคงมีอยู่อย่างแน่นอนแม้เครื่องดื่มชนิดนี้จะเข้ามาในบ้านเรานานแล้วก็ตามที

     ซึ่งที่ผ่านมา มีแฟรนไชส์ที่เกี่ยวกับชาไข่ทุกมากมาย แต่ทว่าด้วยเงินลงทุนที่สูงถึงหลักแสนทให้หลายคนไม่กล้าเสี่ยงที่จะลงทุนทำธุรกิตเครื่องดื่มนี้อย่างจริงจัง แต่วันนี้คุณสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชาไข่มุกได้ง่ายขึ้น ด้วยเงินเพียงหลักหมื่นต้นๆ ภายใต้แบรนด์ภายใต้แบรนด์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" ชาไข่มุกสูตรไต้หวันแท้ รสชาติเด็ด โดยเฉพาะตัวไข่มุกที่เหนี่ยวนุ่ม เคี้ยวเพลินได้ใจ


 “Chewing Tea”  สูตรไต้หวันแท้ ธุรกิจอินเทรนด์  ขายได้ตลอด

     อาจเรียกได้ว่า  "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" เกิดขึ้นจากความชอบ และต้องการให้ผู้บริโภคได้ทานเครื่องดื่มชารสดี ในราคาที่คุ้มค่า ของคุณนิติพล พลวัน หรือ “คุณชาย”  เจ้าของแบรนด์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" โดยคุณชาย เผยว่า โดยส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบการดื่มชาไข่มุก และก็พบว่าเครื่องดื่มนี้ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคคนไทยโดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กนักเรียน นักศึกษา จึงอยากมีธุรกิจชาไข่มุกของตนเอง แต่ติดปัญหาที่เจ้าของแฟรนไชส์ ชาไข่มุกต่างคิดค่าแฟรนไชส์ในอัตราที่สูงถึงหลักแสน จึงไม่มีโอกาสได้ทำร้านของตนเอง


     จนมีโอกาสได้เจอกับบุคคลท่านหนึ่งซึ่งมีสูตรชานมไข่มุกสูตรไต้หวันแท้ และด้วยความตั้งใจจริงจึงได้รับสูตรดังกล่าวมา เมื่อฝึกจนเกิดความเชี่ยวชาญแล้ว จึงได้เปิดร้านภายใต้แบรนด์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  สาขาแรก บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต (RBAC) ขึ้น ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะรสชาติอร่อย และมีให้เลือกถึง 30 รสชาติ ในขณะที่ราคาขายนั้นถูกกว่าแบรนด์อื่นอยู่ราว 5 บาท เหล่านี้ส่งผลให้ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" ได้รับการยอมรับในเวลาที่รวดเร็ว โดยปัจจุบันได้เปิดสาขา 2 ขึ้นที่บริเวณแยกเกษตรศาสตร์

     จากแนวคิดแรกที่ต้องการเปิดร้านชาไข่มุกของตนเอง แต่เมื่อมีลูกค้ามาสอบถาม ต้องการซื้อสูตรมากมาย คุณชาย จึงตัดสินใจขยายธุรกิจสู่รูปแบบของแฟรนไชส์อย่างเต็มตัว โดยยังคงใช้ชื่อ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" เช่นเดิม โดยขายแฟรนไชส์ไปแล้ว 2 สาขา บริเวณบิ๊กซีทุ่งครุ และบริเวณมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ


     ทั้งนี้ “คุณชาย” เผยถึงความโดดเด่นที่ทำให้แฟรนไชส์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  กลายเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่น่าสนใจอย่างมาก เนื่องจาก ประเด็นแรกคือเรื่องของการลงทุนในขณะที่แบรนด์อื่นคิดค่าแฟรนไชส์สูงถึงหลักแสน แต่ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" ลงทุนเพียงแค่หลักหมื่นเท่านั้น


     ต่อมาคือเรื่องของรสชาติของ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  ที่จัดอยู่ในระดับพรีเมียม ที่อร่อยไม่แตกต่างไปจากแบรนด์ดังแม้แต่น้อย แต่ตั้งราคาขายถูกว่าแบรนด์อื่นราว 5 บาท  โดยตั้งราคาอยู่ราว 20-25 บาท/แก้ว(ขนาด 16 ออนซ์) และ 25-30 บาท แก้ว(ขนาด 22 ออนซ์) ซึ่งเรื่องของราคาถือเป็นจุดดึงดูดลูกค้าอย่างหนึ่งทำให้เกิดการซื้อง่าย ขายได้คล่องขึ้น และเมื่อหักต้นทุนแล้วจะได้กำไร 100-120%/แก้ว ฉะนั้นจึงสามารถคืนทุนได้ไว และสร้างรายได้ต่อเดือนให้มากมาย


     และสุดท้ายคือ “ชาไข่มุก” เป็นเครื่องดื่มที่ลูกค้าทุกกลุ่ม ทานได้โดย ที่ไม่คิดหรือใช้เวลาตัดสินใจ และไม่ได้นำเรื่องความโดดดังของแบรนด์มาเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจซื้อเหมือนกับเครื่องดื่มชนิดอื่น อย่างกาแฟสด ฉะนั้นขอเพียงแค่มีทำเลดี ในพื้นที่ที่มีคนเดินมากมาย ก็สามารถขายได้แล้ว เพราะกลุ่มลูกค้าที่ทาน ชาไข่มุก นั้นมีตั้งแต่เด็กนักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคนวัย 40 ปี

ลงทุนน้อย หลายรูปแบบ ยืดหยุ่นตามความต้องการของนักลงทุน


     สำหรับผู้ที่สนใจอยากลงทุนแฟรนไชส์กับทาง "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  “คุณชาย” กล่าวว่าได้แบ่งการลงทุนออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

•    ลงทุนเริ่มต้น 35,000 บาท โดยแฟรนไชส์จะได้สูตรถ่ายทอดและเคล็ดลับการต้มชา และไข่มุกทั้งหมด พร้อมอุปกรณ์ และวัตถุดิบในการเปิดร้านราว 17 รายการ

•    ลงทุนเริ่มต้น 65,000 บาท แฟรนไชส์จะได้สูตรถ่ายทอดและเคล็ดลับการต้มชา และไข่มุกทั้งหมด พร้อมอุปกรณ์ และวัตถุดิบในการเปิดร้านราว 18 รายการ

     ทั้งนี้ “คุณชาย” ได้อธิบายถึงความแตกต่างของรูปแบบการลงทุนทั้ง 2 นี้ว่า สำหรับ แบบ 35,000 บาท นั้นเหมาะกับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเปิดร้าน "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  ของตนเอง โดยทำหน้าที่เพียงแค่ขายเครื่องดื่มเท่านั้น โดยไม่ต้องพะวังกับเรื่องของการหาวัตถุดิบ เพราะจะได้รับสิทธิ์ในการสั่งซื้อวัตถุดิบอย่าง ใบชา และไข่มุกนั้น จากทาง   "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  อยู่แล้ว
ส่วนรูปแบบการลงทุน 65,000 บาท นั้นเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการต่อยอดทางธุรกิจ สามารถขยายสาขาสร้างแบรนด์ของตนเองได้ตามสะดวก โดยเปิดนักลงทุนสามารถสั่งซื้อวัตถุดิบอื่นจากแหล่งอื่นได้ ยกเว้น “ใบชา” เพราะเป็นสูตรเฉพาะของทางร้านเพราะเป็นสินค้าที่มีมาตราฐานนำเข้าจากต่างประเทศ

     ส่วนในแง่ของการดูแลแฟรนไชส์นั้น “คุณชาย” กล่าวว่าไม่เพียงแค่คอยให้คำปรึกษาตั้งแต่การเลือกทำเลที่ตั้งของร้าน ไปจนถึงการบริหารร้านให้ประสบความสำเร็จ แต่ยังช่วยส่งเสริมการขาย ด้วยการทำตลาด สร้างแบรนด์ ทาง   "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"  ให้เป็นที่รู้จักในวงการกว้าง โดยทำการโปรโมทผ่านทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ และทางสื่อออนไลน์ทาง www.ชาไข่มุก.com และ Social Network  อย่าง Facebook, Twiiter รวมถึง Augmented reality อย่าง  Layar เป็นต้น

     นอกจากนี้ทาง “คุณชาย” ยังกล่าวอีกว่าในขณะนี้กำลังคิดค้นสูตรใหม่ซึ่ง จะเป็นเมนูเด็ดของร้านขึ้นมาอีก 4 สูตร จากที่ปกติลูกค้าชอบสูตร “ชานมไข่มุก, ชาน้ำผึ้งมะนาว, ชาแอปเปิ้ล-แคนตาลูป, ชาโกโก้ และชากาแฟ” อยู่ก่อนหน้าแล้ว ซึ่งสูตรใหม่ที่เตรียมเปิดตัวเร็วๆนี้นั้น ทางแฟรนไชส์จะได้รับสิทธิ์ในการถ่ายทอดสูตรด้วย

    สุดท้ายนี้ “คุณชาย” ย้ำว่า เครื่องดื่มชาไข่มุก ในบ้านเราทุกวันนี้มีรสชาติความอร่อยที่คล้ายคลึงกันมาก แต่ในแง่ของการลงทุนทางด้านแฟรนไชส์นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากมาย ซึ่งเมื่อรสชาติของชานมไข่มุกของแต่ละ
แบรนด์คล้ายกัน จนผู้บริโภคไม่ได้คิดว่าแบรนด์มีรสชาติที่เด่นไปกว่ากันมากนัก จึงไม่มีเหตุจำเป็นใดที่คนที่อยากมีธุรกิจ ชานมไข่มุกของตัวเอง ต้องเสี่ยงลงทุนซื้อแฟรนไชส์ในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง



ลงทุนเริ่มต้น 35,000 บาท สิ่งที่แฟรนไชส์จะได้รับ

1. ถังชาความจุ 12 ลิตร จำนวน 2 ใบ
2. แก้วชา 22 OZ 100 แก้ว
3. ช้อนตวง 3 คัน
4. ช้อนคนชา 4 คัน
5. กระปุกใส่ส่วนผสม 5 ใบ
6. ขวดบีบน้ำหวาน 10 ใบ
7. แก้วเชค 2 ใบ
8. โกโก้ 1 ห่อ
9. หลอดชาไข่มุก+ธรรมดา 100 หลอด
10. ช็อคโกแลต 1 ห่อ
11. กาแฟ 1 ขวด
12. ไข่มุก 6 ถุง
13. ครีมเทียม 6 ถุง
 14. น้ำตาล 4 ถุง
15. ชาแดงชาเขียว อย่างละ 1 ถุง
16. เยลลี่ 3 ห่อ ฟรุตสลัด 1 ห่อ
17. น้ำผลไม้ 10 ชนิด

พร้อมได้รับสิทธิ์ และเงื่อนไขดังนี้


• ได้รับการถ่ายทอดสูตรและเคล็บลับการต้มชา และไข่มุก ทั้งหมด
•  ต้องซื้อวัตถุดิบและส่วนผสม ได้แก่ ใบชา,แก้ว+ฟิลม์ซีล,ไข่มุก ผ่านทางเรา (สามารถมารับเองหรือให้ทางเราจัดส่งให้ทางไปรษณีย์อัตราค่าบริการตามจริง หรือโดยพนักงานส่งของ อัตราค่าบริการขนส่งตามระยะทางกิโลละ 7 บาท)
• ใช้ตราสัญลักษณ์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" เป็นระยะเวลา 5 ปี


ลงทุนเริ่มต้น 65,000 บาท สิ่งที่แฟรนไชส์จะได้รับ

1. ถังชาความจุ 12 ลิตร จำนวน 2 ใบ
2. ฟิลม์ซีล 1 ม้วน
3. แก้วชา 16 OZ 100 แก้ว , 22 OZ 100 แก้ว
4. ช้อนตวง 3 คัน
5. ช้อนคนชา 4 คัน
6. แก้วเชค 2 ใบ
7. กระปุกส่วนผสม 6 ใบ
8. ขวดบีบน้ำหวาน 10 ใบ
9. น้ำตาล 6 ถุง
10. หลอดชาไข่มุก และหลอดธรรมดา อย่างละ 250 หลอด
11. โกโก้ 1 ห่อ
12. ช็อคโกแลต 1 ห่อ
13. ชาแดง และชาเขียว อย่างละ 2 ถุง
14. ไข่มุก 18 ถุง
15. ครีมเทียม 12 ถุง
16. กาแฟ 1 ขวด
17. เยลลี่ 3 ห่อ ฟรุตสลัด 1 ห่อ
18. น้ำผลไม้ 10 ชนิด

พร้อมได้รับสิทธิ์ และเงื่อนไขดังนี้

•    ได้รับการถ่ายทอดสูตรและเคล็บลับการต้มชา และไข่มุก ทั้งหมด
•    สามารถเลือกได้ว่าจะซื้อวัตถุดิบและส่วนผสมผ่านทางเราหรือสามารถ จัดหาได้เองภายใต้มาตรฐานที่ชาเคี้ยวได้กำหนด ยกเว้นใบชาที่ต้องสั่งซื้อจากทางเรา
•    ไม่จำเป็นต้องใช้ตราสัญลักษณ์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้"


สนใจแฟรนไชส์ "Chewing Tea - ชาเคี้ยวได้" ติดต่อได้ที่
 คุณนิติพล พลวัน  288/162 หมู่บ้านทาวน์พลัสสุวรรณภูมิ ซ.กิ่งแก้ว 37/4 ถ.กิ่งแก้ว  แขวงราชาเทวะ
 เขตบางพลี จ.สมุทรปราการ 10540 โทร 085- 812-1815
www.ชาไข่มุก.com E-mail: Chewingtea@gmail.com

ที่มา.....http://www.smesreport.com/column.php?id=000804


เทียนหอม งานฝีมือสร้างรายได้

|
อ่านเพิ่มเติม »

เทียนหอม หมายถึง ผลิตภัณฑ์ ที่ได้ จากการนำพาราฟิน และไขผึ้งมาหลอมละลายรวมกัน อาจเติมสีและเติมน้ำมันหอมระเหย นำไปปั้นด้วยมือ หรือหล่อแบบขึ้นรูป หรือกดจากพิมพ์ให้มีรูปทรงตามต้องการอาจประกอบด้วยวัสดุอื่นเพื่อให้ เกิดความสวยงาม เช่น ดอกไม้แห้ง มีไส้เทียนสำหรับจุดไฟ และมีกลิ่นหอมของน้ามันหอมระเหย เทียนหอมแฟนซีเน้นการใช้ประโยชน์และความสวยงาม โดยมีกลิ่นหอม แบบสวย และอาจจะใช้ไล่ยุงหรือแมลงได้อีกด้วย


ทั้งนี้แล้ว เทียนหอมแฟนซี ยังมีการทำเป็นธุรกิจsMEขนาดย่อม มีการลงทุนที่น้อยกว่า แต่ได้กำไรเยอะ เนื่องจากเป็นงานhandmade ทำให้ผู้คนสนใจในตัวสินค้า เทียนหอมแฟนซี หรือ Fancy Aroma Candle นั้น ทำจากส่วนผสมไม่กี่อย่าง ทำง่าย และตกแต่งง่าย โดยใช้ต้นทุนเพียงไม่กี่บาท ก็สามารถประดิษฐ์มันขึ้นมาได้แล้ว


ดอท จักรยานไอเดีย ล้ำ

|
อ่านเพิ่มเติม »

การปั่นจักรยานออกกำลังกาย หรือเพื่อเดินทาง กลายเป็นเทรนด์ฮิตของคนยุคสมัยนี้ไปแล้ว เอสเอ็มอี มีแวววันนี้ จะพาคุณผู้ชมไปดูจักรยานที่ไม่ซ้ำแบบใคร ที่เกิดจากแนวคิดเล็กๆ ของผู้ชายคนหนึ่ง ที่อยากสร้างจักรยานไม้ด้วยมือตัวเอง
โครงไม้รูปร่างแปลกตา คือส่วนประกอบหลักของจักรยานไม้ แบรนด์ ดอท ที่ออกแบบโดยฝีมือดีไซเนอร์หนุ่มชาวไทย "กฤษณ์ พุฒพิมพ์" แม้จะไม่ใช่จักรยานไม้คันแรกของโลก แต่จักรยานคันนี้ รับรองว่า มีดีไซน์เก๋.. ไม่ซ้ำแบบใคร
ไม้ดัด หรือไม้วีเนียร์ เป็นไม้แถบสแกนดิเนเวีย จากท่อนใหญ่ถูกฝานเป็นชั้นบางๆ นำมาเรียงซ้อนกันก่อนอัดด้วยเครื่องจักรอุตสาหกรรมอีกครั้ง ส่งผลให้จักรยานมีความทนทาน ยืดหยุ่น รับแรงกระแทก และรับน้ำหนักได้มากกว่า 100 กิโลกรัม
แม้จะไม่มีสีสัน แต่ลวดลายธรรมชาติของเนื้อไม้ กลับเป็นจุดเด่นที่สวยงามลงตัวกับอะไหล่ ที่เลือกมาประกอบร่างให้ไม้ชิ้นเล็กๆ เหล่านี้ กลายเป็นจักรยานที่มีมูลค่ากว่า 4 หมื่นบาท จากต้นทุนเฉลี่ยคันละ 2 หมื่นบาท


ความแปลกที่ไม่เหมือนใคร พร้อมกับความคล่องตัว จากระบบขับขี่แบบอัตโนมัติ ทำให้จักรยานไม้คันนี้ ต้องใจกลุ่มนักปั่นที่ชอบสะสมจักรยาน และใช้งานในชีวิตประจำวัน
จักรยานไม้ แบรนด์ ดอท ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักปั่นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวอิตาลี ที่ถูกใจผลงานเมื่อครั้งที่ "กฤษณ์" เคยไปแสดงผลงานในนิทรรศการที่นั่น ส่วนไทยเอง ก็ให้ความสนใจไม่น้อย เพราะทุกคนสามารถออกแบบให้จักรยานเหมาะกับตัวเองได้ ด้วยอุปกรณ์ตกแต่งหลากหลายแบบ เช่น แฮนด์จักรยานไม้ ทรงวินเทจ และแฮนด์จักรยานไม้ ทรงบูลฮอน
ใครที่อยากได้ต้องอดใจรอถึง 2 เดือน เพราะทุกวันนี้ มียอดสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ทำให้นักธุรกิจรุ่นใหม่คนนี้ มีกำลังใจที่จะขยายธุรกิจต่อไป
ความสำเร็จของ แบรนด์ ดอท มาจากความมุ่งมั่นท้าทาย กับคำสบประมาทที่ว่า จักรยานไม้ จะขี่ได้อย่างไร บวกกับแนวคิดสร้างสรรค์ที่มาเติมเต็ม จักรยานไม้ภายใต้ แบรนด์ ดอท จึงติดตลาดได้ภายใน 1 ปี สนใจจักรยานไม้ เชิญไปสัมผัสของจริงกันได้ที่ Pod bike shop ร้านจักรยานพีโอดี 156/3 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร


ที่มา  ไทยรัฐ

ธุรกิจน้ำดื่ม เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้

| วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556
อ่านเพิ่มเติม »

โลกเรามีพื้นที่ที่เป็นน้ำถึง 2 ใน 3 แต่มีน้ำจืดไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ หนำซ้ำยังลดลงทุกวี่วันจากกิจกรรมของมนุษย์ คาดการณ์กันว่า ในศตวรรษนี้และศตวรรษต่อๆ ไป น้ำจะเป็นต้นเหตุแห่งสงคราม
     
        โลกธุรกิจเมืองไทย น้ำดื่มมีมูลค่าตลาดสูงถึง 19,000 ล้านบาท และยังโตต่อเนื่องทุกปี ปีที่แล้วโต 30 เปอร์เซ็นต์ และปีนี้ประมาณการว่าจะโตอีกไม่ต่ำกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ถึงสงครามแย่งชิงน้ำยังไม่เกิด แต่สงครามในธุรกิจน้ำดื่มบ้านเราเกิดขึ้นมาสักพักแล้ว
     

       การเข้าสัประยุทธ์เพื่อแย่งชิงความเป็นเจ้าตลาดน้ำดื่มของบริษัทต่างๆ ในขณะนี้ คงไม่ใช่เพราะตัวเลขที่เย้ายวนเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยทางธุรกิจ สังคม และกฎหมายที่บีบคั้น ส่งผลให้การแข่งขันในตลาดน้ำดื่มดุเดือดกว่าในอดีต แต่ที่ชวนวิงเวียนคือตัวผู้บริโภค ที่กลายเป็นทั้งผู้ได้รับความสะดวกสบายและกลายเป็นเหยื่อของวาทกรรมไปพร้อมๆ กัน
     
       น้ำขวด-สงครามการตลาด
     
       สภาพเมืองที่เราพักพิงไม่ทำให้สร้างความมั่นใจได้เลยว่า น้ำฝน น้ำในแม่น้ำลำคลอง จะสะอาดปลอดภัยพอจะเทใส่ปาก ยิ่งในกรุงเทพฯ ที่สภาพแวดล้อมปกคลุกด้วยหมอกควันจากรถยนต์ต่อให้น้ำฝนหล่นจากฟ้าก็ไม่มีใครกล้าดื่ม วิถีชีวิตอันเร่งรีบก็ไม่เอื้อให้คอยรองน้ำฝนหรือต้มน้ำดื่มเช่นในอดีตอีกต่อไป ช่องว่างตรงนี้จึงถูกเติมเต็มด้วยน้ำดื่มบรรจุขวดที่มาพร้อมความสะดวกสบายและความสะอาดที่ถูกการันตี
     
       “มันเป็นเรื่องของความสะดวกสบายและหาซื้อง่าย เดี๋ยวนี้เดินเข้าร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายของชำทั่วไปก็สามารถหาซื้อได้ ส่วนเรื่องความสะอาด เชื่อว่าน้ำบรรจุขวดพวกนี้น่าจะสะอาดพอสมควร แต่ถ้าซื้อดื่มเองก็จะเลือกดื่มบางยี่ห้อ เลือกที่มันผ่านการออสโมซิสมาแล้ว” ณัฐินี คงสนิท พนักงานบริษัทเอกชน พูดถึงเหตุผลที่ตัดสินใจซื้อน้ำบรรจุขวด
     
       จากน้ำดื่มขวดขุ่นที่ ‘โพลาริส’ เคยเป็นเจ้าตลาด แต่ปัจจุบันเหลือแค่ความทรงจำ เปลี่ยนเป็นน้ำดื่มขวด PET ที่เดิมทีมีเพียงเจ้าใหญ่เพียงเจ้าเดียว ก็เริ่มมีคู่แข่งเพิ่มขึ้น
     
       รศ.ดร.ธีรยุส วัฒนาศุภโชค รองคณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายถึงธุรกิจน้ำดื่มที่กำลังเป็นที่ตื่นตัวอยู่ในขณะนี้ว่าไ ม่ได้เป็นเฉพาะในประเทศไทย แต่เป็นกระแสที่เกิดขึ้นทั่วโลก เพราะยอดการดื่มน้ำอัดลมและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2-3 ปี พบว่าตกลงอย่างต่อเนื่อง เป็นเหตุให้บริษัทต่างๆ ต้องหาธุรกิจอื่นมาเสริม น้ำดื่มเพื่อสุขภาพจึงเกิดขึ้นอย่างมากมายในตลาดโลก
     
       ในไทยก็ไม่ต่างกัน โดยเฉพาะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เจอกับมาตรการทางกฎหมายหนักหน่วงก็ยิ่งต้องดิ้นรนเอาตัวรอด
     
       "ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่าตลาดแอลกอฮอล์คงไม่โตไปกว่านี้แล้ว เพราะคนรุ่นใหม่ดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่าคนรุ่นเก่า และในรูปแบบของการตลาดเองก็ถือจำกัดด้วยข้อกฎหมาย ตลาดก็เลยไม่เติบโต ดังนั้น เพื่อสร้างความสมดุลของผลผลิตในระยะยาวจึงต้องขยายไปที่กลุ่ม non-alcohol ซึ่งตลาดที่เติบโตสุดก็คือเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ"
     
       และถ้ามองในแง่การต่อยอดคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ธุรกิจตรงนี้มีโอกาสขยายตัวมากกว่าธุรกิจดั้งเดิม เพราะไม่ว่าจะเป็นการทำซีเอสอาร์หรือกิจกรรมอีเวนต์ ข้อดีที่เห็นได้ชัดก็คือ การยกระดับภาพลักษณ์โดยรวมของผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นด้วย จนนำไปสู่ความภักดีในตราสินค้า (Brand Loyalty) ในอนาคต
     
       อย่างไรก็ตาม รศ.ดร.ธีรยุส ก็มองว่าการรุกเข้าสู่ตลาดน้ำดื่มของบริษัทแอลกอฮอล์และบริษัทอื่นๆ ยังมีข้อจำกัด เพราะทุกวันนี้แต่ละแห่งต่อสู้แค่ในเรื่องของราคา และขนาดของบรรจุภัณฑ์เท่านั้น ทำให้ความแปลกใหม่ของตลาดนี้ยังไม่เกิดขึ้นเท่าที่ควร
     
       แต่ในอนาคตก็เชื่อว่า การแข่งขันก็น่าจะรุนแรงและมีการพัฒนามากขึ้นกว่านี้แน่นอน โดยเฉพาะในแง่ภาพลักษณ์ บรรจุภัณฑ์ และคุณสมบัติของตัวผลิตภัณฑ์ ที่น้ำดื่มคงไม่ใช่แค่น้ำเปล่าธรรมดา แต่จะมีการเพิ่มสรรพคุณต่างๆ ลงไป เช่น ในญี่ปุ่นมีการผลิตน้ำเปล่าผสมออกซเจินมากกว่าปกติ 1,000 เท่า ที่โฆษณาว่าเป็นซูเปอร์ วอเทอร์ (Super Water) เมื่อดื่มแล้วร่างกายสามารถนำไปเผาผลาญให้พลังงานได้ดีกว่า เป็นต้น
     
       น้ำประปาดื่มได้...หรือเปล่าไม่รู้
     
       ในมุมของผู้บริโภค น่าคิดไม่น้อยว่าค่าใช้จ่ายการซื้อน้ำดื่มบริโภคต่อครัวเรือนจะสูงแค่ไหน มิพักต้องเอ่ยถึงต้นทุนที่โลกต้องแบกรับจากขวดพลาสติกอันท่วมท้น แล้วจะตั้งคำถามได้หรือไม่ว่า น้ำดื่มซึ่งเป็นสาธารณูปโภคอย่างหนึ่งที่รัฐมีหน้าที่จัดหาให้แก่ประชาชนโดยเฉพาะน้ำประปา จึงไม่สามารถอุดช่องว่างตรงนี้ได้
     
       ชุตินันท์ ฐิตินันท์ นักศึกษาปริญญาโท มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ให้เหตุผลในการเลือกซื้อน้ำบรรจุขวดดื่มมากกว่าที่จะเลือกดื่มน้ำประปาว่า
     
       “รู้สึกว่าน้ำประปามันไม่สะอาด อย่างที่บ้านก็ใช้เครื่องกรองน้ำก่อนถึงจะเอามาดื่ม หรือถ้าวันไหนขยันหน่อยก็จะเอาน้ำมาต้มก่อน แต่วิธีการนี้มันก็ยุ่งยากไปหน่อย ต้องคนมีเวลาจริงๆ”
     
       ทั้งที่เอาเข้าจริงๆ แล้ว เคยมีงานศึกษาที่ระบุว่า คุณภาพและความสะอาดของน้ำประปาไม่ได้ด้อยไปกว่าน้ำดื่มบรรจุขวดเลย ยิ่งน้ำดื่มบรรจุขวดประเภทขวดขุ่นที่ยังมีขายในตลาดท้องถิ่นด้วยแล้ว บางยี่ห้อคุณภาพต่ำกว่าน้ำประปา ไม่ก็กรอกน้ำประปามาขายด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนคำโฆษณาเรื่องความสะอาด หรือแม้แต่สิ่งนามธรรมอย่างความดูดี ความสดชื่น ความมีสไตล์ ความดีงาม จะตะล่อมให้ผู้บริโภคยอมควักกระเป๋าซื้อได้ง่ายๆ
     
       ผศ.ดร.จงจินต์ ผลประเสริฐ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมสุขาภิบาล คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ก่อนหน้านี้ไลฟ์สไตล์ของคนไทยยังไม่ค่อยมีความกังวลเรื่องสุขภาพมาก แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปจึงทำให้พฤติกรรมการดื่มน้ำเปลี่ยนไปด้วย
     
       และด้วยความเข้าใจที่เคยชินและเคยรับรู้มาว่าน้ำประปาที่บอกว่าดื่มได้มีความสกปรก เช่น เคยพบสัตว์น้ำในน้ำประปาบ่อยๆ ก็เลยทำให้ความเชื่อมั่นที่จะดื่มน้ำประปาลดน้อยลงไปโดยปริยาย
     
       “ความจริงมันก็ดื่มได้นะ แต่การรับรู้ที่ผ่านมาทำให้คนกลัวไปเยอะ ผมก็ไม่กล้าเหมือนกันต้องใช้เครื่องกรองน้ำ แต่จริงๆ น้ำประปากรุงเทพฯ สะอาดนะ แต่คนไม่นิยม นั่นเพราะอิมเมจในอดีต”
     
       โครงการน้ำประปาดื่มได้จึงยังเป็นอะไรที่ไกลความจริงเนื่องจากปัญหาภาพลักษณ์ที่แก้ไม่ตก
     
       “ถ้าจะให้ไปกดดื่มตามก๊อกสาธารณะที่เขาจัดไว้ให้ ก็ไม่กล้า มันดูไม่สะอาด” ชุตินันท์เล่าถึงความไม่ไว้ใจน้ำประปา
     
       “อีกอย่างก็ไม่รู้ว่าตั้งอยู่ตรงนั้น ผ่านอะไรมาบ้าง หนู แมลงสาบ เราว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องของจิตใจมากกว่า อะไรที่เรารู้สึกว่าสะอาด เราก็อยากกิน อยากดื่ม แต่อะไรที่เรารู้สึกว่ามันไม่สะอาด ทั้งที่จริงมันอาจจะสะอาดก็ได้ แต่มันก็ทำให้เราไม่อยากดื่ม ก็ถ้ารัฐบาลจะพยายามให้ประชาชนหันมากล้าดื่มน้ำประปา รัฐบาลก็ควรจะสร้างความเชื่อมั่นให้ได้มากกว่านี้ค่ะ”
     
       นั่นตรงกับข้อเสนอแนะที่ ผศ.ดร.จงจินต์ บอกก็คือ ต้องแก้ที่ภาพลักษณ์ ต้องทำให้คนยอมรับมากขึ้นว่าดื่มน้ำจากก๊อกก็ได้ ซึ่งจริงๆ ก็ดื่มได้
     
       “ส่วนตัวเชื่อว่าดื่มได้ ไม่ได้สกปรก แต่ต้องแก้อิมเมจ เมื่อก่อนมีแต่ข่าว ทางเทคนิคอลน้ำประปาโอเค ดื่มได้ แต่เราก็ไม่กล้า ปัญหาที่ประชาชนไม่ดื่มน้ำจากก๊อกเป็นเพราะความเชื่อ และเป็นช่องทางของธุรกิจเขาอยู่แล้ว ตัวน้ำจริงๆ ไม่แย่ ของประปานครหลวงไม่แย่หรอก แต่ต่างจังหวัดไม่แน่ใจ เพราะไม่มีแหล่งยืนยัน”
     
       สุดท้าย ผศ.ดร.จงจินต์บอกว่า
     
        “เราต้องประชาสัมพันธ์เยอะขึ้น น้ำประปาดื่มได้ ต้องทำให้เข้าใจ และเป็นสิ่งที่น่าจะทำ ไม่ใช่ว่าเงียบๆ แล้วมาบอกว่าน้ำประปาดื่มได้”
     
       ………
     
       เป็นไปได้ยากที่จะให้กลับไปรองน้ำฝนดื่มเหมือนอดีต พูดแบบไม่ลำเอียง น้ำดื่มบรรจุขวดก็ตอบสนองความสะดวกสบายของผู้คนได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้มีภาระหน้าที่ในการดูแลด้านสาธารณูปโภคจะไม่ต้องทำอะไร เพราะการสร้างทางเลือกอันหลากหลายแก่ผู้บริโภคย่อมดีกว่าการผูกขาด และจะดียิ่งขึ้นหากเราจะเลือกดื่มน้ำจากความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง มากกว่าความเชื่อ

ธุรกิจน้ำดื่ม เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้

Posted by : TAI2U on :วันจันทร์ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2556 With 0ความคิดเห็น

โมนามาเฟีย เสื้อสกรีนเท่ๆ

| วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556
อ่านเพิ่มเติม »
ร้านโมนามาเฟีย เป็นร้านผลิตและสกรีนเสื้อแบบครบวงจร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2546 จดทะเบียนการค้ากับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 0137114820011/2548 เราเป็นร้านเสื้อออนไลน์ ที่รับผลิตเสื้อยืดตามสั่ง ทั้งเสื้อรุ่น เสื้อคณะ เสื้อกีฬาสี เสื้อกลุ่ม เสื้อแก๊ง เสื้อแฟนคลับ และสารพัดเสื้อ ในราคามิตรภาพ และบริการถึงอกถึงใจลูกค้า

กำเนิดร้านสกรีนเสื้อ โมนามาเฟีย

ร้านโมนามาเฟียมีจุดเริ่มต้นจาก โบว์ (@monamafia) ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน เกิดมาก็เจอแต่กองผ้าเต็มไปหมด เพราะแม่คือคุณนายนลินฟ้า (@nalinfa – มีทวิตเตอร์กะเขาด้วยนะ!) เป็นช่างเย็บผ้าสตรี ทำให้คุ้นเคยกับธุรกิจเสื้อผ้ามาแต่ไหนแต่ไร จนในที่สุดก็มีกิจการรับผลิต-สกรีนเสื้อเป็นของตัวเอง โดยร้านโมนามาเฟียนี้เป็นกิจการที่ทำร่วมกับคุณสามี คุณไอ้แอนนนนน (@iannnnn) เอ้อ.. ก็พูดให้เกียรติไปงั้นแหละค่ะ จริงๆ แล้วเป็นเด็กยกของที่ร้าน

ในช่วงที่เปิดร้านปีแรกๆ โบว์ทำเสื้อแบบวิ่งตรงหาลูกค้าตามบริษัทเพื่อรับออเดอร์มาผลิต และบุกเข้าไปตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เพื่อติดต่อลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น (เราชอบทำงานกับวัยรุ่น สนุกดี) วิธีการประชาสัมพันธ์ก็ทำโปสเตอร์ไปแปะตามป้ายประกาศ ตามคณะต่างๆ จนต่อมาเมื่อคุณสามีทำเว็บไซต์ monamafia.com ขึ้นมา เลยทำให้ร้านเสื้อของเราเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง เพราะถือว่าเราเป็นร้านออนไลน์เต็มตัวที่รับสกรีนเสื้อเป็นเจ้าแรกๆ ในประเทศไทย ปัจจุบันลูกค้าทั้งหมดมาจากอินเทอร์เน็ต และจากการบอกต่อแบบปากต่อปาก เพราะลูกค้าที่มาใช้บริการและพึงพอใจ ก็จะแนะนำเพื่อนให้มาทำเรื่อยๆ เอง

และล่าสุด เมื่อ พ.ศ.2553 ที่ผ่านมา ร้านโมนามาเฟียก็ปรับโฉมธุรกิจ ด้วยการเปิดรับสกรีนเสื้อสกรีนตามสั่งด้วยเทคนิค Direct Screen ทำให้สามารถรับงานสกรีนเสื้อคุณภาพสูง โดยสามารถสั่งผลิตที่จำนวนขั้นต่ำเพียง 1 ตัวก็ได้

ร้านโมนามาเฟีย รับสกรีนเสื้อยืด

กลุ่มลูกค้าของโมนามาเฟียส่วนใหญ่เป็นน้องๆ นักเรียน นักศึกษา หรือแม้กระทั่งบริษัทห้างร้านต่างๆ รวมถึงองค์กรภาครัฐ และองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร ก็เคยเป็นลูกค้าของเรามาแล้วทั้งนั้นค่ะ (ดูผลงานที่ผ่านมาของเรา) ขอบคุณคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุนร้านเสื้อโมนามาเฟียนะคะ เราสัญญาว่าจะรักษาคุณภาพของงานและคุณภาพการบริการให้ดีแบบนี้ตลอดไปค่ะ

โบว์ / โมนามาเฟีย
ติดต่อได้ผ่านทางเฟซบุ๊กเพจของร้าน: Facebook.com/monamafiashop


ที่มา.....http://www.monamafia.com/

โมนามาเฟีย เสื้อสกรีนเท่ๆ

Posted by : TAI2U on :วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556 With 0ความคิดเห็น

สลัดคุณนาย ความฝัน คือแรงบันดาลใจ

|
อ่านเพิ่มเติม »
ความฝัน คือแรงบันดาลใจ ให้คุณนิรมลยอมเดินตาม โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจเป็นทุน จวบจนบัดนี้ เธอคือเจ้าของร้าน “สลัดคุณนาย” ที่เติบโตมาได้ 6 ปีแล้ว

 ชีวิตเปลี่ยน งานเปลี่ยน   
  เปิดร้านอาหารฝรั่ง    
แต่กว่าจะก้าวมายืน ณ จุดนี้ คุณนิรมล ว่า ไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเธอเกริ่นเล่าเรื่องราว อันส่งผลให้เส้นทางชีวิตหักเหสู่อาชีพค้าขายสลัดว่า “หลังเรียนจบปริญญาตรี มีโอกาสเข้าทำงานด้านความสวยความงาม กระทั่งเจ้าของร้านเห็นความสามารถ จึงชักชวนร่วมหุ้นเปิดสาขาใหม่ ซึ่งขณะนั้นธุรกิจความงามกำลังบูมมาก”

แต่ทำได้ราว 2 ปี สุดท้ายต้องขายหุ้น เมื่อคุณนิรมลตัดสินใจร่วมชีวิตกับแฟนหนุ่ม แล้วย้ายครอบครัวไปอยู่จังหวัดขอนแก่น บ้านเกิดของสามี

“ชีวิตเปลี่ยน หลังจากย้ายตามสามี ซึ่งตอนนั้นเราสองคนยังไม่มีงานทำ แต่สามีซึ่งเรียนจบบริหารธุรกิจ เขามีความคิด จะไม่ยอมเป็นลูกจ้างในองค์กรใด โดยจุดมุ่งหมายคือทำธุรกิจอิสระ แต่ยังจับทางไม่ถูกว่าจะเลือกทำอะไรดี”
เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวสามี ทำให้รู้ว่าคุณแม่ของสามี ชื่นชอบการปรุงอาหารฝรั่งได้รสอร่อย จนกลายเป็นเมนูเด่นที่เหล่าสมาชิกเรียกร้อง และนี่จึงเป็นจุดให้ทั้งสอง เลือกเดินสู่เส้นทางค้าขาย โดยเมนูเด่นได้แก่ สเต๊ก สปาเกตตี้ สลัด ซุปชนิดต่างๆ เป็นต้น

“เหตุผลทำให้สนใจเปิดร้านอาหารฝรั่ง ไม่ใช่เพราะฝีมือคุณแม่อย่างเดียว แต่กลุ่มเป้าหมาย คือชาวต่างชาติที่แต่งงานกับหญิงไทย แล้วไปใช้ชีวิตอยู่ในจังหวัดขอนแก่นค่อนข้างเยอะ กอปรกับได้เชฟระดับโรงแรม ซึ่งคุณแม่ติดต่อให้มาช่วยดูแลกรรมวิธีปรุง ส่งผลให้กิจการเติบโตด้วยดี”

กำลังคนคือปัญหาใหญ่ ซึ่งคุณนิรมล ว่า ค่อนข้างหายาก ส่งผลให้ธุรกิจถึงจุดสะดุด หลังดำเนินมาได้เกือบปี
“คุณแม่มีงานประจำทำ ฉะนั้น แรงงานหลักสองสามคนเท่านั้น เมื่อลูกค้าเพิ่มจำนวนขึ้น เริ่มทำไม่ไหว เหนื่อยมาก ในที่สุดตัดสินใจหยุด”

หลังคุณนิรมล และสามี เดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ จึงมีโอกาสได้พบปะพี่สาวที่ให้ความเคารพนับถือกัน และพี่สาวคนดังกล่าวนี้เองที่เอ่ยปากชักชวนให้เริ่มต้นอาชีพค้าขาย โดยมีพื้นที่ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นทำเลแบ่งเช่า แม้ไม่กว้างขวาง แต่ถือว่าอยู่ในจุดสะดุดตา




 กลับเชียงใหม่  
  มาขายสลัด     
คุณนิรมล กับสามี จึงเริ่มคิดหาสินค้านำมาจำหน่าย โดยมีข้อจำกัดว่าต้องสามารถทำเองได้ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน ใช้อุปกรณ์น้อยชิ้น และสำคัญคือใช้เงินลงทุนไม่สูงนัก

บทสรุป คือ “สลัด” หนึ่งในเมนูยอดนิยมประจำร้านเดิม “ก่อนขายได้สำรวจตลาด พบว่ามีสลัดขึ้นชื่ออยู่ แต่ลักษณะบรรจุใส่ถุงเป็นชุดๆ อยู่ในตลาด ฉะนั้น ถ้าจะขายสินค้าเมนูเดียวกันก็ต้องฉีกความต่าง จึงตัดสินใจเปิดร้านบนพื้นที่เล็กๆ มีที่นั่งให้ลูกค้า 4 ที่ ติดตั้งเคาน์เตอร์ สำหรับวางเครื่องเคียงต่างๆ”
ด้วยทำเลติดถนน กอปรกับกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ นักศึกษา ซึ่งให้ความสนใจสุขภาพ ส่งผลถึงยอดขยับเฉลี่ยวันละ 3,000-4,000 บาท

ความโดดเด่นของเมนูสลัด ที่ให้ชื่อร้านว่า “สลัดคุณนาย” คือเนื้อสัตว์ชนิดต่างๆ ทั้งในส่วนของ เบคอน ปลาทอด ไก่ทอด ที่คุณนิรมลบรรจงเติมให้ลูกค้า กับราคาขายเพียงชุดละ 20 บาท

“อย่างที่บอกว่า ตอนแรกเพื่อนไม่เห็นด้วยกับอาชีพนี้ ซึ่งโดยส่วนตัวเข้าใจว่าเพื่อนเป็นห่วง เห็นว่าเรียนจบปริญญาตรี ก็อยากให้มีงานดีๆ ทำ แต่ส่วนตัวมองว่า อาชีพขายสลัด ก็ใช่ว่าไม่ดี มีความสุจริต และตั้งแต่เปิดร้านวันแรก ลูกค้าอุดหนุนเนืองแน่น ก่อเกิดกำลังใจให้ก้าวต่อ”

การค้าขายสลัดของคุณนิรมล และสามี มีเหตุให้ต้องปรับเปลี่ยนทำเลตั้งร้านใหม่ เนื่องด้วยสัญญาเช่าครบกำหนด 1 ปี และแม้จะได้ร้านเล็กกว่าเดิม ไม่สามารถจัดที่นั่งรองรับลูกค้าได้ อันมีผลไปถึงยอดขายตกลงเหลือวันละ 2,000-3,000 บาท แต่สองผู้ประกอบการมิย่อท้อ ด้วยเชื่อว่า ธุรกิจนี้มีอนาคต

“จากเพื่อนๆ บอกว่าขายสลัดอย่างเดียวจะไปรอดหรือ คำกล่าวนี้ทำให้เกิดความคิดว่า ขายสลัดมันต้องมีจุดหมาย ต้องขับเคลื่อนธุรกิจไปให้ไกลกว่านี้ ความฝันจึงเกิดขึ้น สักวันหนึ่ง จะมีร้านสลัดสวยๆ ให้ได้ และจะขายสลัดอย่างเดียว เมนูเดียวนี่แหละ คอยดูซิว่าจะทำได้มั้ย”

 เดินตามความฝัน  
 มุ่งมั่นสู่ความเติบโต    
ความมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ความฝัน ทำให้คุณนิรมลกันผลกำไร ไว้เป็นเงินเก็บสะสม เพื่อจุดมุ่งหมายกับการขยับขยายร้าน

ความมุมานะ รู้จักเก็บ รู้จักใช้ กอปรกับโอกาสหนุน ส่งผลให้เส้นกราฟความเติบโตของธุรกิจถึงคราวพุ่งสูงขึ้น “หลังค้าขายมาได้เกือบปี เริ่มหมดสัญญาเช่า ต้องหาทำเลใหม่ กระทั่งได้ห้องค้าอยู่ในซอย เสียค่าเซ้งไป 70,000 บาท ส่วนค่าเช่ารายเดือน 4,500 บาท สามารถรองรับลูกค้าได้ประมาณ 10 โต๊ะ”

ด้วยเพราะมีฐานลูกค้าเดิม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาประมาณ 95 เปอร์เซ็นต์ ให้การตอบรับดี ทำเลในซอยจึงไม่เป็นปัญหา แต่กลับทำให้ยอดขายพุ่งสูงตกเดือนละ 200,000 บาท โดยเฉพาะช่วงเวลา 19.00-20.00 น. ถือเป็นนาทีทอง ที่ลูกค้ารอต่อคิวเพื่อลิ้มรสสลัด

ถึงคราวนี้ คุณนิรมลจึงตัดสินใจจ้างพนักงานเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ แต่กระนั้นเธอยังคงให้ความสำคัญกับกระบวนการทำงาน ตั้งแต่เลือกซื้อวัตถุดิบ ตลอดจนการปรุงรสด้วยตัวเอง

ความฝัน บวก เงินเก็บหอมรอมริบที่สั่งสมไว้ ช่วยสะกิดเตือนให้คุณนิรมล มุ่งสู่ความเติบโตอีกครั้ง “ความรู้สึกอยากจะโต ภาพความฝัน ร้านสลัดสวยๆ ผุดขึ้นในความคิดอีกครั้ง จึงตัดสินใจเสาะหาทำเลใหม่ เพราะลำพังห้องค้าเดิม เริ่มเล็กไปสำหรับเรา”

จวบจนถูกใจอาคารหลังหนึ่ง ซึ่งแต่เดิมเคยเปิดเป็น ผับ & เรสเตอรองต์ มาก่อน จึงติดต่อขอเช่าพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ ในราคา 25,000 บาท ต่อเดือน

จากนั้น ทำการตกแต่งเพิ่มเติมซึ่งใช้วงเงินไม่สูงนัก เนื่องด้วยอาคารยังอยู่ในสภาพดี แต่ที่ต้องยอมจ่ายคือ เฟอร์นิเจอร์ โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา โดยทุกชิ้นคุณนิรมลเป็นคนเลือก เพื่อให้ได้ตรงตามภาพความฝัน
“ตอนนั้นรู้ว่าการลงทุนทำร้านใช้งบค่อนข้างสูง และกับสินค้าซึ่งยังคงยืนยันว่าจะขายสลัดรายการเดียว ย่อมส่งผลให้การคืนทุนล่าช้า แต่ไม่ท้อ ไม่ถอย เพราะยังคงเชื่อว่าธุรกิจนี้มีอนาคต”

 เดือนแรกยอดขายพุ่ง   
 รุ่ง แล้ว ร่วง จึงต้องรอ
จากแต่เดิมจ่ายค่าเช่าเพียงหลักพัน แต่กับร้านใหม่ต้องใช้เงินหลักหมื่น ลำพังสลัดชุดละ 30-50 บาท คงไม่สามารถประคองตัวเองให้อยู่รอด

คุณนิรมลจึงตัดสินใจขึ้นราคาสินค้า 20 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้วิธีแบ่งแยกหมวดหมู่วัตถุดิบ ผักแบ่งเป็น 2 กลุ่ม โดยผักชนิดใดราคาสูง จัดไว้ในหมวด 40 บาท ส่วนราคาถูกลงมา อยู่ในกลุ่ม 30 บาท ส่วนเครื่องเคียงอื่น จัดสรรไปตามราคาสมควร

“อย่างถ้าลูกค้าเลือกผัก 1 ชนิดในหมวด 40 บาท กับไข่ต้ม ซึ่งตั้งราคาไว้ 7 บาท ก็เท่ากับว่า ลูกค้าต้องจ่ายเงินสลัดจานนั้น 47 บาท ถ้าจะเพิ่มเติม เบคอน หมูทอด ปลาย่าง ก็คิดราคาไปตามระบุไว้ ซึ่งลักษณะการขายเช่นนี้ ส่งผลให้ลูกค้าเลือกในสิ่งที่เขาชอบ โดยไม่ขัดใจตัวเอง แต่ถ้าพูดถึงกำลังซื้อของลูกค้ากลุ่มใหญ่จะอยู่ที่จานละ 80 บาท และเคยขายได้สูงสุด 215 บาท ต่อจาน”

เริ่มต้นเดือนแรกยอดขายพุ่ง แต่ก้าวสู่เดือนที่สองตกฮวบ จนสองผู้ประกอบการใจหาย “เดือนแรกลูกค้าไม่รู้ว่าปรับราคาขายขึ้น พอลูกค้าทราบ เหมือนรับไม่ได้ ซึ่งในส่วนของเราบอกได้คำเดียวว่าต้องอดทน ต้องรอเวลาให้ลูกค้าเข้าใจ เพราะถ้าลดราคาขาย ในขณะตัวเลขค่าเช่าสูง คงไปไม่รอด”

หลังผ่านพ้นช่วงวิกฤตยอดขาย ซึ่งใช้ระยะเวลาราว 2 เดือน แรงสนับสนุนจากลูกค้าคืนมาอีกครั้ง ซึ่งคุณนิรมล เชื่อว่าเป็นผลจากคุณภาพสินค้า และความพิถีพิถันกับกระบวนการปรุง รวมไปถึงความอร่อยของน้ำสลัด ซึ่งสามีของคุณนิรมลบรรจงลงมือปรุงด้วยตัวเอง รวม 14 รส แต่ที่โดนใจลูกค้าสุดๆ ได้แก่ สลัดครีม มะนาว และเทาซันไอซ์แลนด์ โดยเฉพาะรสมะนาว ที่ให้ความเข้มข้นของน้ำมะนาวคั้นสด สูตรเฉพาะของร้านสลัดคุณนาย

“วัตถุดิบสำคัญอย่าง ผัก จะเดินทางไปซื้อตลาดเมืองใหม่ ซึ่งถือเป็นตลาดค้าส่งแห่งใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่ คัดแบบหัวต่อหัว ยอมจ่ายแพง แต่ขอให้ได้คุณภาพดี แต่ถ้าเป็นผักใบสำหรับใส่สลัด อย่าง กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค จะสั่งจากสวนออร์แกนิก ให้เขานำมาส่ง ส่วนเนื้อสัตว์เดินทางไปซื้อในห้างแม็คโคร ซื้อสดๆ มาหมัก และปรุงด้วยตัวเอง”

ไม่เพียงให้ความพิถีพิถันกับกระบวนการเลือกซื้อวัตถุดิบเท่านั้น แต่กระบวนการปรุงรส ก็ให้ความสำคัญไม่ยิ่งหย่อน โดยผักและผลไม้ทุกชนิด ต้องผ่านการแช่ด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต แล้วล้างน้ำสะอาดตาม จนกระทั่งแน่ใจในคุณภาพ ก่อนจัดเสิร์ฟลูกค้า

 ร้านสลัดมากราย     
 ไม่มีใครเหมือนใคร
ถามไปถึงระยะเวลาเปิดให้บริการ แบ่งเป็น 2 ช่วง เวลา 11.30-14.00 น. และเวลา 16.00-20.30 น. คุณนิรมลให้เหตุผลว่า “กระบวนการเตรียมวัตถุดิบ โดยเฉพาะ ผัก ค่อนข้างใช้เวลา และผักที่ผ่านการหั่นเด็ดแล้ว จะมีช่วงอายุความสดไม่นานนัก ฉะนั้น การขายจึงต้องแบ่งเป็น 2 ช่วง เพื่อจะได้มีเวลาเตรียมวัตถุดิบ และคงความสดของผัก แต่ช่วงที่ขายดีคือช่วงเย็น ลูกค้าค่อนข้างแน่น ซึ่งขณะนี้ร้านสลัดคุณนาย มีที่นั่งไว้รองรับได้ 100 คน”

สำหรับสัดส่วนกลุ่มเป้าหมาย จากแต่เดิมแทบไม่มีลูกค้ากลุ่มอื่นแวะเวียนอุดหนุน แต่ปัจจุบันผู้คนในพื้นถิ่น กลุ่มวัยทำงาน ผู้รักสุขภาพ ให้ความสนใจ แต่กลุ่มหลักประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ยังคงเป็นนักศึกษา และแน่นอนย่อมมีผลกระทบในช่วงปิดเทอม ซึ่งคุณนิรมล ว่า ยอดขายตกลงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์

“แม้ยอดตกแต่พอประคับประคองธุรกิจ มีรายได้เป็นทุนค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าเช่า แต่ในส่วนของเงินเก็บคงไม่เป็นไปตามเป้า อันนี้ต้องเข้าใจ”

จากแต่เดิม ถ้าพูดถึงร้านสลัด สลัดคุณนาย ถือเป็นผู้นำ แต่ปัจจุบันมีผู้ประกอบการจำนวนมากหันมาประกอบอาชีพนี้ ซึ่งถ้ามองในแง่ดี ย่อมส่งผลเรื่องภาพลักษณ์การบริโภคสลัดสูงขึ้น แต่ถ้ามองในมุมธุรกิจ ย่อมหมายถึงการแข่งขัน

“เคยท้อ แล้วคิดถึงความน้อยเนื้อต่ำใจว่า สู้อุตส่าห์เก็บหอมรอมริบ ใช้เวลาใช้ความอดทน แต่ทำไมคนฐานะดีทำอะไรได้ภายในพริบตา เหมือนเสกได้ และหลายๆ ร้าน ทำอย่างที่ฝันไว้เลย แต่เราก้าวไปไม่ถึงเพราะขาดเงินทุน
แต่แล้วความคิดยุติลง ด้วยการมองโลกในแง่บวก ร้านสลัดเปิดมากขึ้น และหลายร้านทำได้ดีได้สวย มันคือข้อพิสูจน์ให้คนอื่นรู้ว่า นี่ไงสิ่งที่ฝัน มันเกิดขึ้นได้จริงๆ

เมื่อเรามองโลกในแง่ดี ก็มีความสุข และทำให้พิจารณาความละเอียดมากขึ้น เพราะเท่าที่ดูร้านสลัดแต่ละร้าน ล้วนมีความโดดเด่นของตัวเอง ไม่มีใครเหมือนสลัดคุณนาย สำคัญคือ วันนี้ตลาดสลัดคึกคักขึ้น ภาพลักษณ์สลัดดีขึ้น”
และแม้จะมีคู่แข่งเกิดขึ้นมากราย แต่ร้านสลัดคุณนาย สามารถครองใจผู้บริโภคได้อย่างเหนียวแน่น กระทั่งมียอดขายในแต่ละวันประมาณ 10,000-15,000 บาท ส่วนผลกำไรราว 50 เปอร์เซ็นต์ โดยคุณนิรมลแบ่งสันปันส่วนเป็นค่าใช้จ่ายหลักราว 20 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 30 เปอร์เซ็นต์ สำหรับเงินเก็บสะสม

ด้วยเพราะความฝันสูงสุด ยังไม่จบเพียงเท่านี้ สักวันหนึ่ง สลัดคุณนาย จะเติบโตตั้งตระหง่านบนที่ดินของตัวเอง
แวะเวียนไปจังหวัดเชียงใหม่ หากมองหาร้านอาหารสุขภาพ “สลัดคุณนาย” ตั้งอยู่ เลขที่ 63/19 ถนนสุเทพ ซอย 4 (วัดอุโมงค์) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โทรศัพท์ (081) 180-2339


ข้อมูลจำเพาะ
กิจการ                                 จำหน่ายสลัด
ลักษณะกิจการ                    เจ้าของคนเดียว
ชื่อร้าน                                 สลัดคุณนาย
เจ้าของกิจการ                   คุณนิรมล สีเสม
เงินลงทุน                          เริ่มต้นจากหลักพัน (ปัจจุบันประมาณหลักแสนบาท)
วัตถุดิบจำเป็น                     ผักชนิดต่างๆ เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงสำหรับทำน้ำสลัด
แหล่งซื้อ                           ตลาดเมืองใหม่ ห้างแม็คโคร
จุดเด่น                                คุณภาพความสดของวัตถุดิบ น้ำสลัด 14 ชนิด ให้ลูกค้าเลือก
สินค้าได้รับความนิยม         ผัก และเครื่องเคียงประเภทปิ้งย่าง อย่าง ปลา เบคอน ไก่ ส่วนน้ำสลัดได้รับความนิยมคือ ครีมมะนาว และเทาซันไอซ์แลนด์ (ใช้มะนาวสด ที่คิดค้นเป็นสูตรเฉพาะของร้านสลัดคุณนาย)
เงินทุนหมุนเวียน                ครั้งละราว 10,000 บาท กับการซื้อวัตถุดิบ สัปดาห์ละประมาณ 2 ครั้ง
ยอดขาย                                          วันละประมาณ 10,000-15,000 บาท
กำไร                                   ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์
กลยุทธ์การทำธุรกิจให้สำเร็จเน้นสินค้าคุณภาพ ที่ต้องคัดสรรตั้งแต่วัตถุดิบ ฉะนั้น ควรผูกใจผู้ค้าวัตถุดิบให้ได้
สถานที่ตั้งร้าน                     เลขที่ 63/19 ถนนสุเทพ ซอย 4 (วัดอุโมงค์) ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
โทรศัพท์                               (081) 180-2339

ที่มา.....http://www.matichon.co.th/

ชาชักป๋านม ชาชักชื่อดังทั่วอีสาน

|
อ่านเพิ่มเติม »
รูปแบบการลงทุน


ชาชักป๋านม "แฟรนไชน์สำเร็จรูป"
- ทั้งหมด 11 แพคเกจ ตามความต้องการของผู้ลงทุน การเลือกแพคเกจขึ้นอยู่กับ ความพร้อม พื้นที่ทำเล กลุ่มลูกค้า ชำระเงินครั้งเดียว ไม่มีรายเดือนรายปี
- ทุกแพคเกจ มีการอบรมสูตร 2 ท่าน ใช้เวลา 1 วัน
- จำนวนสาขาในต่างจังหวัด ขึ้นอยู่กับทำเล เศรษฐกิจของพื้นที่นั้นๆ
- รายละเอียดแพคเกจ ส่งทาง E-mail ผู้สนใจ ส่ง SMS แจ้ง E-mail  ขอรายละเอียดที่เบอร์ 087-4456226


รูปแบบการลงทุนที่หลากหลาย

โอกาสทางธุรกิจ
 1. ด้วยตัวชาที่นำเข้าจากประทศมาเลเซีย และรูปแบบการทำชาชักที่ไม่เหมือนใครเป็นเจ้าแรกที่ดัดแปลงการทำฟองชาด้วย เครื่องมือตีฟองด้วยมือ แทนการชักชาตามแบบดั้งเดิมเพื่อความรวดเร็วในการขาย และเราใช้เครื่องชงกาแฟสดในการทำชาชัก ซึ่งทำให้รสชาติของชาชักเข้มข้นหอมขึ้นกว่าวิธีการทำแบบดั้งเดิม
 2. เมนูมากกว่า 30 เมนู ตรงกับความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นวัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงาน นอกจากชาชักยังมีเมนูอื่นๆ ที่ทำให้ลูกค้าติดใจชาชักป๋านม เช่น นมสด ที่เรารับจากฟาร์มโดยตรง แล้วปรุงแต่งด้วยสูตรเฉพาะของ ชาชักป๋านม ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง
 3. รูปแบบแพคเกจเรา ง่ายต่อผู้สนใจทำธุรกิจทุกรูปแบบ
-ผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เหมาะกับแพคเกจที่ 3-11 เพราะในแพคเกจ จะมีอุปกรณ์ วัตถุดิบพร้อมขายแบบครบเซ็ท และจะมีเงินหมุนเวียนในร้านทันที เพราะวัตถุดิบที่ให้ไปเพียงพอต่อการขาย 1,000 แก้ว
- ผู้ที่เคยมีประสบการณ์การเปิดร้านขายกาแฟสดมาก่อน สามารถเลือกแพคเกจที่ 1-2 ได้ เพราะจะมีป้าย วัตถุดิบ อุปกรณ์เบื้องต้น และโมเดลแก้ว เพื่อสามารถออกแบบเคาน์เตอร์เองไดด้ ส่วนที่เหลือ สามารนำอุปกรณ์ที่มีอยู่ใช้หรือจัดหาเองได้ตามความต้องการ

เมนูความอร่อยมากกว่า 30 เมนู

คุณสมบัติผู้ลงทุน
- มีความชอบในงานขาย งานบริการ มีเวลาให้กับธุรกิจพอสมควร
- ต้องมีใจรักในงานขาย งานบริการ
- ถ้ามีการจ้างพนักงานขาย ควรมีเวลาดูแลธุรกิจ ตรวจสต๊อกอย่างน้อยเดือนละครั้ง เช็คความสะอาดร้าน ตรวจสอบพฤติกรรมพนักงาน
-ต้องดูพื้นที่ ทำเลให้เหมาะสมก่อนลงทุน
- ต้องมีเงินทุน หมุนเวียน หากเกิดปัญหาในระบบการจัดการ


สนใจธุรกิจ ชาชักป๋านม "แฟรนไชน์สำเร็จรูป" ติดต่อ
E-mail: chachakpanom@yahoo.com, www.chachakpanom.com
www.facebook.com/LikeChachakPanom.com     โทร 087-4456226


ที่มา...http://www.smesreport.com/

ตลาดกลางคืนสะพานพุทธ

| วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556
อ่านเพิ่มเติม »
ตลาดกลางคืน สะพานพุทธ

ตลาดกลางคืน สะพานพุทธ ตั้งอยู่บริเวณสะพานพุทธ เขตพระนคร กรุงเทพฯ อยู่บริเวณรอบ ๆ ตัวสะพานพุทธไปจนถึงสะพานพระปกเกล้า (สะพานตั้งเคียงคู่กัน) ฝั่ง พระนคร เป็นตลาดนัดของนักช็อป สินค้าส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าแฟชั่น กางเกงยีนส์ ทั้งของใหม่และสินค้ามือสอง

      ในช่วงกลางวันสะพานพุทธแห่งนี้ จะเป็นท่าเรือข้ามฟาก แต่พอถึงเวลา 18.00 น.ริมฟุตบาทจะกลายเป็นโซนขายของและยังมีผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ มานั่งรับวาดรูป เหมือนและรูปล้อเลียนอยู่หลายร้าน เปิดบริการทุกวัน อังคาร - วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา 20.00 น. - 01.00 น.

      การเดินทาง  :  ตลาดกลางคืน สะพานพุทธ ตั้งอยู่บริเวณสะพานพุทธ เขตพระนคร กรุงเทพมหารคร โดยรถประจำทาง รถประจำทางสาย 6,8,9,73




ข้อมูลโดย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สำนักงานใหญ่) 

ตลาดกลางคืนสะพานพุทธ

Posted by : TAI2U on :วันอังคารที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2556 With 0ความคิดเห็น
Next Prev
▲Top▲