Update

วุ้นร้อยหน้า พารวย

| วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

ไอเดียวุ้นร้อยหน้า พารวยของวรารัตน์เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการให้วุ้น ของตนออกแบบให้น่ารับประทานคล้ายขนมเค้ก ล่าสุดทำวุ้นสอดไส้ครีมโดนัท เช่น วานิลา สตรอเบอรี่ ช็อกโกแลต ส้ม สังขยา ขายในราคา 12 ชิ้น 55 บาท
เพียงเพราะคำว่า “แม่ไม่มีเงิน” กลายเป็นแรงผลักดันให้ผู้หญิงคนหนึ่งต่อสู้กับอุปสรรคที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ด้วยต้องการให้ลูกมีกินมีใช้เหมือนคนอื่น จึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีรายได้จุนเจือครอบครัว เริ่มจากทำวุ้นกะทิตระเวนขายตามบ้าน ปัจจุบันกลายเป็นเจ้าของธุรกิจ “วุ้นร้อยหน้า” สร้างความต่างเหนือคู่แข่ง โดนใจลูกค้า ยึดเป็นอาชีพหลักได้อย่างน่าชื่นชม
ฝีมือในการทำขนมสำหรับ “วรารัตน์ ปั้นเพชร” เจ้าของธุรกิจวุ้นร้อยหน้า ถือว่าไม่น้อยหน้าใคร ถูกฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก ในฐานะที่เกิดในครอบครัวคนจีนต้องถูกฝึกมาให้ช่วยทำงาน จนกระทั่งถึงคราวต้องทำการค้าเอง จึงงัดความรู้ที่สั่งสมมา เริ่มจากการทำวุ้นกะทิที่สามีชอบซื้อรับประทานอยู่เป็นประจำมาทำเอง พัฒนาสูตรขนมมาเรื่อยๆ จนรสชาติเป็นที่พอใจก็คิดทำขาย หวังช่วยหารายได้ให้แก่ครอบครัวอีกทางหนึ่ง อาศัยวิธีการขายแบบตระเวนกดกริ่งตามบ้าน ทำมาได้สักระยะ ก็ปรับรสชาติ และความหลากหลายให้กับวุ้น เนื่องจากลูกค้าเริ่มเบื่อวุ้นกะทิ จึงนำลอดช่อง เผือก สลิ่ม ฟักทองมาทำเป็นหน้าวุ้น พร้อมกับเปิดร้านขายตามตลาดนัด โดยช่วงแรกทำเองขายเองตามกำลังเท่าที่ทำได้ ทำให้บางครั้งต้องหยุดขายไปบางวัน แต่ขณะนี้สามีลาออกจากงานประจำมาช่วยขายวุ้น ทำให้วรารัตน์สามารถผลิตวุ้นอยู่กับบ้านได้อย่างเต็มที่
“ต้องขอบคุณครอบครัวที่ฝึกให้เราอดทน รู้จักทำงานมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เมื่อเจออุปสรรคในชีวิตก็ไม่ยอมแพ้ สู้ทำทุกทางเพื่อให้ได้เงินมาหล่อเลี้ยงครอบครัว เพราะหลังจากที่เราไม่สามารถซื้อขนมหรือของกินทั่วไปให้ลูกได้ พูดได้เพียง ‘แม่ไม่มีเงิน’ เป็นประโยคที่ทุกครั้งเราพูดจะเสียใจว่าทำไมเราไม่สามารถทำให้ลูกได้ ก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อมีเงินมาให้ลูก เริ่มจากการทำวุ้นกะทิขาย โดยใช้ 2 ขา แทนรถยนต์ตระเวนขายวุ้นตามบ้าน พัฒนามาขายตามตลาดนัด และกลายเป็นวุ้นมีหน้ามีหน้าในที่สุด”

ธุรกิจวุ้นร้อยหน้า พารวยเริ่มลงตัว เมื่อสามี ‘นายกิตินันท์ ปั้นเพชร’ ลาออกจากงานประจำกับการเป็นอดีตมือกลองวงไทม์ และนักดนตรีให้แก่วงต่าง ซึ่งหนีไม่พ้นการทำงานกลางคืน ไม่มีเวลาให้ครอบครัว รวมถึงรายได้เริ่มลดลงจากรายได้การขายซีดีเพลง ที่ผู้คนหันไปอุดหนุนซีดีเถื่อนมากขึ้น ดังนั้นหากออกมาช่วยภรรยาขายวุ้นน่าจะช่วยเพิ่มรายได้ แถมยังมีเวลาให้ครอบครัวมากขึ้นด้วย
“เมื่อคุณ กิตินันท์ไม่ได้เป็นนักดนตรีแล้ว ก็มีเวลามาช่วยขายวุ้นได้มากขึ้น จากเดิมต้องขายๆ หยุดๆ เพราะไม่มีเวลาผลิตรวมถึงต้องทำงานบ้านควบคู่ไปด้วย แต่เมื่อมีคนออกไปขายโดยเฉพาะ ทำให้เรามีเวลาคิดสูตรวุ้นแปลกใหม่ได้ และให้เวลากับการผลิตเต็มที่จนกลายเป็นวุ้นร้อยหน้าในที่สุด”

ไอเดียวุ้นร้อยหน้า พารวยของวรารัตน์เกิดจากความตั้งใจที่ต้องการให้วุ้น ของตนออกแบบให้น่ารับประทานคล้ายขนมเค้ก ล่าสุดทำวุ้นสอดไส้ครีมโดนัท เช่น วานิลา สตรอเบอรี่ ช็อกโกแลต ส้ม สังขยา ขายในราคา 12 ชิ้น 55 บาท วุ้น ไส้เผือกกวน, ไส้ถั่วแดงกวน, ถั่วเขียวผ่าซีกกวน , ไส้งาดำ และไส้ลูกชิด นอกจากนี้ยังมีวุ้นลูกตาลนมสด มีแปะก๊วยโรยหน้า รับประกันเนื้อลูกตาลและมะพร้าวอ่อนทุกชิ้น วุ้นขนมตาล วุ้นลอดช่อง และสลิ่ม เป็นต้น โดยอนาคตจะทำวุ้นไส้เค็ม คล้ายซาลาเปาให้ลูกค้าได้ลิ้มลองอีกด้วย ในขณะที่รสชาติจะกลมกล่อมไม่หวานจนเกินไป เนื้อวุ้นนิ่มพอดี ไม่เป็นน้ำ สามารถเก็บในตู้เย็นได้ 3 วัน เพราะทางร้านไม่ใส่วัตถุกันเสีย หรือสารเคมีใดๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ปัจจุบันวุ้นร้อยหน้า พารวยวางจำหน่ายตามตลาดนัดย่านโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เช่น โรงพยาบาลกลาง, โรงพยาบาลราชวิถี, โรงพยาบาลโรคผิวหนัง, สถาบันมะเร็ง, โรงพยาบาลหัวเฉียว, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์, โรงพยาบาลนพรัตน์ฯ และตลาดอมรพันธ์ หมู่บ้านเสนานิเวศน์ ย่าน ม.เกษตรศาสตร์ หลังทั้งคู่พบว่าเป็นทำเลที่มีกลุ่มลูกค้าเหมาะสมกับสินค้า เนื่องจากเป็นของฝากให้แก่ผู้ป่วยได้ดี รับประทานง่าย หรือนำไปรับประทานเอง และซื้อกลับบ้านก็เป็นขนมที่รับประทานได้ทั้งครอบครัว ซึ่งในแต่ละวันจะเวียนไปขายตามสถานที่เหล่านี้ ใครสนใจต้องการไปอุดหนุนแนะนำควรโทรไปสอบถามที่กิตินันท์ก่อนที่ 08-9213-1709

ที่มา..http://www.manager.co.th

วุ้นร้อยหน้า พารวย

Posted by : TAI2U on :วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

บัวลอยมือถือ ธุรกิจพารวย

|
อ่านเพิ่มเติม »
เดวิด โอกิลวี ปรมาจารย์ด้านโฆษณาในยุค 60s เคยกล่าวไว้ว่า
"It takes a big idea to attract the attention of consumers and get them to buy your product,"แปลภาษาอังกฤษเป็นภาษากะเหรี่ยงว่า"ความคิดที่เจ๋งเป้งสามารถดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและมีผลให้พวกเค้าซื้อสินค้า"
แต่ถึงป้าอ้วน-ภาณี เชื้อเย็น จะไม่เคยเป็นรู้จักเดวิด โอกิลวี แต่ป้าอ้วนเธอก็มีบิ๊กไอเดียในการขายบัวลอยของเธอ "เดิมป้าเคยเป็นวิเสทเครื่องหวาน ถวายงานสมเด็จย่าอยู่ที่พระตำหนักดอยตุง หลังจากท่านสวรรคต ก็ออกมาเปิดร้านขายบัวลอยธรรมดานี่แหละ ต่อมาเจอพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ ขายไม่ดีเหมือนเดิม ป้าก็เลยคิดพลิกแพลงจนขายดีมาจนทุกวันนี้"

บิ๊กไอเดียของป้าอ้วนก็คือ การมิกซ์แอนด์แมตช์ ระหว่างบัวลอยกับของหวานอื่น ๆ กลายเป็น บัวลอยซาหริ่ม บัวลอยไอศกรีม บัวลอยฟรุตสลัด บัวลอยมะพร้าวอ่อนใส่งา บัวลอยไข่เค็ม...ไม่ใช่แค่เท่านั้น ภาชนะที่ใช้ใส่บัวลอย เธอก็นำกะลามะพร้าวที่เธอใช้ทำขนมมาแทนถ้วย เก๋ไก๋และไม่ต้องเปลืองแรงล้าง...เจ๋งเป้งมั้ยไอเดียป้าอ้วน

ส่วนชื่อบัวลอยมือถือ ไม่ใช่ไอเดียของป้าอ้วนหรือเกี่ยวข้องอะไรกับโทรศัพท์มือถือ แต่สาเหตุที่ได้ชื่อนี้ก็เพราะร้านป้าอ้วนเธอไม่มีโต๊ะเก้าอี้ ใครจะกินที่ร้านต้องยืนถือถ้วยกะลากินที่หน้าร้าน จึงได้ฉายา "บัวลอยมือถือ" ตั้งแต่นั้นมา


ใครไปเที่ยวเชียงรายก็อย่าลืมไปยืนถือยืนกินบัวลอยป้าอ้วน ร้านป้าอ้วนหาง่าย เธอขายอยู่หน้าทางเข้าไนท์บาซาตั้งแต่เย็น ๆ ห้าโมงครึ่ง ถึงสามทุ่มทุกวัน หมึกดำรับรองว่า อร่อยระดับชาววังและได้บรรยากาศเป็นที่สุด

ที่มา..http://money.sanook.com/

ชิกเก้น แร๊พ กรอบข้ามวัน อร่อยข้ามคืน

| วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
เมนูรับประทานง่ายถูกปากทุกเพศทุกวัยอย่าง “ไก่ทอด” กลายเป็นธุรกิจที่หลายคนเลือกลงทุน รู้ทั้งรู้ว่ามีคู่แข่งในตลาดเยอะ แต่ในความเยอะนี้เองลูกค้าก็ยังให้การตอบรับดี ยังมีความต้องการรับประทานอาหารเมนูนี้ต่อเนื่อง


ส่งผลให้ผู้ผลิตแป้งประกอบอาหารชิงความได้เปรียบ รุกแฟรนไชส์ไก่ทอด “ชิกเก้นแร๊พ” กรอบข้ามวัน อร่อยข้ามคืน บุกตลาดอีกราย

ความได้เปรียบที่แวดวงผู้ผลิตแป้งประกอบการอาหารกว่า 30 ปี กับแบรนด์ “ครัววังทิพย์” เห็นโอกาสเติบโตทางธุรกิจไก่ทอดที่ใช้แป้งของตนเอง ตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ หวังมัดใจผู้บริโภคด้วยคุณภาพทุกขั้นตอนการผลิต โดยผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาร์ เอส โดเมสติก เทรดดิ้ง จำกัด “สุรนันท์ พันธุ์เพ็ง” เล่าว่า ธุรกิจไก่ทอดชิกเก้นแร๊พ เป็นการต่อยอดจากธุรกิจที่ทำอยู่ คือ ผู้ผลิตแป้งทอดกรอบตรา ‘ครัววังทิพย์’ ผลิตภัณฑ์แป้งมันตรา ‘กระต่ายบิน’ ผลิตภัณฑ์แป้งสำเร็จรูปทำขนมตรา ‘แม่สมจิตต์’ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มผู้ประกอบการค้า โรงแรม ภัตตาคาร ร้านอาหาร และพ่อค้าแม่ค้า มากว่า 30 ปี

ต่อมาได้เล็งเห็นช่องโอกาสเติบโตของธุรกิจไก่ทอด ที่มีลูกค้าซื้อแป้งจากบริษัทฯ ไปเพื่อประกอบอาหารเมนูนี้เป็นจำนวนมาก จึงนำความได้เปรียบที่ตนเองเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ เลือกทำไก่ทอดสูตรเข้มข้นภายใต้สโลแกน “กรอบข้ามวัน อร่อยข้ามคืน” บุกตลาดในรูปแบบแฟรนไชส์ เพื่อเปิดตลาดสู่สังคมคนรุ่นใหม่ นักเรียน นักศึกษา และเด็กๆ ได้สัมผัสกับเมนูอาหารคุณภาพดี ราคาไม่แพง และเหมาะต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

“สินค้าของเราที่ผลิตอยู่เดิมจะเป็นแป้งทอดกรอบ และผงปรุงสำเร็จต่างๆ เช่น ผงหมัก ผงลาบ ผงยำ ผงป็อป และสูตรเฉพาะแฟรนไชส ที่นำมาใช้ในการอบรมลูกค้า โดยวิธีการหมักแล้วทอด ตามด้วยการปรุงรสให้ได้ตามมาตรฐานของแบรนด์ชิกเก้น แร๊พ จึงมีจุดเด่นอยู่ที่ความกรอบของผิวด้านนอกของแป้งและมีความนุ่มของเนื้อไก่ด้านใน

โดยสินค้าหลักของเราจะเป็นไก่ทอด ไก่ป็อป ไก่วิงแซบ ไก่สติ๊ก แล้วยังมีเมนู เช่น ข้าวลาบไก่แร๊พ ข้าวยำไก่แร๊พ สลัดไก่แร๊พ ข้าวไก่เทอริยากิ สูตรเด็ด นอกจากนี้ทางเรายังมีสินค้าไก่ทอดสำเร็จแช่แข็ง ผลิตโดยเครื่องจักรที่ทันสมัยไว้จำหน่ายสำหรับลูกค้าแฟรนไชซีอีกด้วย”


โดยยอดสั่งซื้อต่อเดือนขั้นต่ำอยู่ที่ 5,000 บาท/เดือน และมีค่าต่อสัญญา 5,000 บาท/ปี โดยที่บริษัทฯ จะไม่หักเปอร์เซ็นต์จากยอดขายใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งนี้ แฟรนไชซีจะได้รับหม้อทอดไฟฟ้า หม้อทอดเฟรนช์ฟราย ตู้โชว์อาหาร อุปกรณ์ประกอบอาหาร เสื้อ หมวกคลุมผม ผ้ากันเปื้อน ตลอดจนวัตถุดิบต่างๆ ในการลงทุนครั้งแรก

รูปแบบการลงทุนแฟรนไชส์ไก่ทอด Chicken Rap

Set A เงินลงทุน = 50,900 บาท ขนาดคีออสกว้าง 0.60*ยาว 1.15* สูง 2.10 เหมาะกับผู้ลงทุนที่เริ่มต้นในการทำธุรกิจ หรือเหมาะกับสถานที่ๆ จำกัด

Set B เงินลงทุน = 66,400 บาท ขนาดคีออสกว้าง0.80*ยาว 1.80* สูง 2.40 เหมาะกับสถานที่ตั้งร้านที่ต้องการความโดดเด่น เปิดพื้นที่ขายได้มาก

Set ศูนย์อาหาร เงินลงทุน = 42,100 บาท เหมาะกับ ผู้ที่มีสถานที่เป็นล็อคเช่าในศูนย์อาหาร ตามโรงเรียน โรงพยาบาล พลาซ่า ต่าง ๆ ที่เป็นเคาน์เตอร์แล้วนำมาปรับปรุง งานป้ายให้ดูดีตามรูปแบบ มาตรฐาน

Chicken Rap Cafe = เงินลงทุน 400,000 บาท ขึ้นไป ชิกเก้นแร๊พ คาเฟ่ เป็นการลงทุนในลักษณะของการเปิดเป็นร้านในอาคาร โดยมีการออกแบบ ให้เหมาะสมกับทำเลที่ตั้ง และงบประมาณการลงทุน โดยผู้ลงทุนต้องมีความพร้อมในการทำธุรกิจเป็นอย่างดี

สำหรับทำเลที่เหมาะต่อการทอดไก่รับทรัพย์นั้น สุรนันท์แนะว่าน่าจะเป็นโรงเรียน สถานศึกษา มหาวิทยาลัย แหล่งกวดวิชา หรือตามหมู่บ้าน หอพักต่างๆ ที่มีเด็กนักเรียน นักศึกษา วัยรุ่นอยู่กันจำนวนมาก รวมทั้งอาคารพาณิชย์และห้างสรรพสินค้าที่มีผู้คนพลุกพล่าน สำหรับผู้ลงทุนร้านชิกเก้นแร๊พคาเฟ่นั้น บริษัทพร้อมช่วยสำรวจพื้นที่และวิเคราะห์ทำเล รวมทั้งออกแบบและ Set up ร้านอย่างเหมาะสม และจัดอบรมพนักงานบริการให้มีมาตรฐานเพื่อให้ผู้ลงทุนมีความมั่นใจในการทำธุรกิจ

ล่าสุดแฟรนไชส์ไก่ทอดชิกเก้นแร๊พได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานคุณภาพปี 2555 “Thailand Franchise Quality Award 2012” จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยได้รับเกียรติจากนายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานมอบรางวัล ช่วยการันตีคุณภาพความฮอตแบบแร็ปๆ ของธุรกิจนี้ได้เป็นอย่างดี

ที่มา...http://ctllc.org/

ชิกเก้น แร๊พ กรอบข้ามวัน อร่อยข้ามคืน

Posted by : TAI2U on :วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย)

|
อ่านเพิ่มเติม »

วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) นั้นคือ ธุรกิจที่ขายอาหารที่เป็นอาหารประเภท วอฟเฟิล และเครื่องดื่มที่สามารถทานคู่กับวอฟเฟิลได้ ธุรกิจที่เป็นธุรกิจที่น่าสนใจวอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย)และมาแรงอย่างมาก
ซึ่งส่วนใหญ่จะเห็นธุรกิจนี้อยู่ตามมหาวิทยาลัยหรือตามโรงเรียนทั่วไป ซึ่งนักเรียน นักศึกษาให้ความสนใจซื้อกันอย่างมากมาย เพราะความอร่อย สามารถรับประทานได้ง่าย ซื้อง่ายขายคล่อง รูปแบบของสินค้าที่ทันสมัย น่ารับประทาน รวมไปถึงเรื่องของความสะอาดนั้นก็ดูสะอาดดีน่าเชื่อถือได้ว่าทานแล้วปลอดภัย และยังเป็นอาหารที่เหมาะกับเวลาที่เร่งรีบอย่างฝนปัจจุบันอีกด้วย และที่สำคัญ วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) นั้นเป็นธุรกิจที่ได้รับเครื่องหมาย วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย)อย. และเครื่องหมายฮาลานเรียบร้อยแล้วละค่ะ จึงไม่ต้องแปลกใจเลยค่ะที่มีคนนั้นนิยมซื้อวอฟเฟิลและเครื่องดื่มของวอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) เพื่อรับประทาน และธุรกิจนี้ยังเป็นทางเลือกที่นักธุรกิจส่วนใหญ่ให้ความสนใจอีกด้วย

จากแรกเริ่มนั้นเป็นการทำธุรกิจขายก๋วยเตี๋ยว ซึ่งฟังดูแล้วอาจจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับขนมเลย แต่ด้วยความที่เจ๊ลุ้ยนั้นเป็นคนที่ขยันและชอบคิดค้นสูตรต่างๆ จึงได้ทำขนมมาวางขายที่หน้าร้านพร้อมกับการขายก๋วยเตี๋ยวควบคู่กันไปด้วย และความคิดของเจ๊ลุ้ยนั้นก็มีการพัฒนาสูตรขนมขึ้นมาเรื่อยๆ และได้นั้นมาวางขายที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวเช่นเดิม จนผู้บริโภคที่ได้ซื้อไปรับประทานนั้นให้การตอบรับกลับมาเป็นอย่างดีถึงรสชาติความอร่อยของขนมที่เจ๊ลุ้ยทำ ซึ่งนำมาสู่การเป็น วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) ทุกวันนี้ค่ะ และความคิดของเจ๊ลุ้ยนั้นยังไม่หยุดนิ่ง เจ๊ลุ้ยจึงมีความคิดที่จะขยายกิจการด้วยการสร้างซึ่งก็เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยมและถือว่าประสบความสำเร็จกับความคิดนี้ค่ะ เพราะปัจจับันนั้น วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) มีสาขามากกว่า 30 สาขาทั่วประเทศ

สินค้าของ วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) ก็ตามชื่อแฟรนไชส์เลยค่ะ นั่นก็คือวอฟเฟิล โดนัท นมสด ซึ่งคนไหนที่ซื้อ แฟรนไชส์ของ วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย)ไปแล้วกลัวว่าจะไม่มีใครมาสอนมารับผิดชอบนั้นไม่ต้องห่วงกังวลเลยค่ะ เพราะว่าในส่วนของการสอนการทำวอฟเฟิลหรือขนมอื่นๆนั้น เจ๊ลุ้ยเขาจะเป็นคนสอนเองกับทอเลยละค่ะ ดังนั้นขอให้ผู้ที่คิดจะซื้อแฟรนไชส์นั้นวางใจได้ ดังนั้นผู้ที่จะค้าขายกับ วอฟเฟิล โดนัท นมสด เจ๊ลุ้ย (มหาชัย) นั้นจะต้องเป็นคนที่มีใจรักในเรื่องของการขาย ต้องเป็นคนอัธยาศัยดี และมีใจรักในการบริการ ซึ่ง 3 ข้อ นี้ถือว่าเป็นหัวใจของการเป็นผู้ขายที่ดีและมีคุณภาพ
ที่มา...http://ctllc.org/

ป้ายเรซิ่น ธุรกิจเล็กๆ เป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้

|
อ่านเพิ่มเติม »

ป้ายเรซิ่น ธุรกิจเล็กๆ เป็นอาชีพเสริม สร้างรายได้
                         ปัจจุบันคนรุ่นใหม่หลายต่อหลายคนผันตัวมาทำธุรกิจส่วนตัวกันมาก บางคนที่ทุนหนาก็อาจจะลงทุนทำธุรกิจขนาดใหญ่สักหน่อย แต่ถ้าพอมีทุนอยู่บ้าง อาจเริ่มต้นด้วยการทำธุรกิจเล็กๆ ซึ่งถ้ามีการบริหารจัดการที่ดี ก็สามารถสร้างรายได้เลี้ยงตัวได้ไม่ยากอะไร
                   เหมือนดังเช่นที่คุณเติ้ล...บรรณวัฒน์ สิริวิกรพัฒน์ คนรุ่นใหม่ที่มีใจรักด้านศิลปะหันมาลงทุนทำธุรกิจป้ายเรซิ่น ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า รู้สึกมีความสุขดี
                    “เริ่ม ทำธุรกิจนี้มาตั้งแต่ 3 ปีก่อน นี่ก็ย่างเข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว ด้วยความที่เราคิดว่าน่าจะมีวัสดุที่ใช้แทนไม้ได้ ซึ่งเรซิ่นนั้นจะว่าไปแล้วถือว่าทนทานกว่าไม้ การหล่อแบบเป็นตัวอักษร ลวดลาย ตุ๊กตา ดอกไม้ และอะไรอื่นๆ ก็หล่อจากต้นแบบปูนพลาสเตอร์ สำหรับในส่วนของตัวป้ายยังคงใช้เป็นป้ายไม้ เหมือนป้ายทั่วไป ต่างกันตรงที่ตัวอักษร และลวดลายที่นำมาติดจะใช้เป็นตัวหล่อเรซิ่นแทนไม้”
                    ด้วยหลักทำงานด้วยใจรัก ไม่ได้ซีเรียสว่าจะต้องได้รายได้มากๆ แต่อาศัยความพอเพียง ขายของด้วยราคามิตรภาพ เป็นกันเอง และสินค้าก็มีคุณภาพดี สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยที่ทำให้ดำเนินธุรกิจอยู่ได้อย่างสบายๆ

                ลูกค้าของเรา มีทั้งคนที่มาสั่งทำป้ายตกแต่งด้วยตัวอักษรเรซิ่น แต่บางคนอาจไม่ได้ซื้อป้าย แต่ซื้อตัวเรซิ่นเพื่อนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นๆ เพราะบางคนอาจนำตัวเรซิ่นที่หล่อเป็นตัวอักษร หรือ ลวดลายต่างๆ ไปใช้ประกอบการตกแต่ง ทำงานฝีมือได้หลากหลายรูปแบบ ราคามีตั้งแต่ 10 บาท ไปจนถึง 40 บาท ซึ่ง ตรงนี้เรายินดีให้ลูกค้ามาเลือกหาเลือกซื้อ ตำหนิติชมได้ และไม่จำเป็นว่าจะต้องสั่งทำป้ายเพียงอย่างเดียว แต่ถ้ามาสั่งทำป้ายก็จะคิดราคาจากจำนวนตัวเรซิ่นที่ใช้ รวมกับค่าป้ายไม้ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ”
                โดยปกติแล้วคุณเติ้ลจะไปเปิดหน้าร้านอยู่ที่เมืองทองธานี ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์และฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต ในเวลาที่มีการจัดงานนิทรรศการต่างๆ ซึ่งลูกค้าประจำจะรู้และตามไปอุดหนุนกัน โดยจะรู้จักกันในชื่อร้าน แฟชั่น โฮมเรซิ่น อาร์ท

              นับเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่ทำงานด้วยหัวใจ มีความเป็นมิตรกับลูกค้า ทั้งยังใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งทั้งหมดนี้ก่อให้เกิดความสุขในการทำงาน และสามารถยืนหยัดอยู่ได้ใน ภาวะเศรษฐกิจดังเช่นทุกวันนี้

ที่มา....http://www.infoforthai.com/

ร้อยรส ไอติมโบราณ รับหน้าร้อน

| วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »


สำหรับธุรกิจนี้ก็คือธุรกิจการขายของหวาน ซึ่งของหวานที่ว่าก็คือไอศกรีมที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง ซึ่งไอศกรีมนี้นั้นเป็นไอศกรีมที่ขอบอกว่ามีความหลากหลายและแตกต่างจากไอศกรีมทั่วไปอย่างมากเลยทีเดียว ปัจจุบันนั้นธุรกิจส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับไอศกรีมนั้นมีอยู่มากมายหลากหลายซึ่งการสร้างความแตกต่างท่ามกลางธุรกิจที่มีแฟรนไชส์มากมายนั้นไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนักแต่ ร้อยรส ไอติมโบราณ นี้ทำมาแล้ว ซึ่งความแตกต่างของเขาจากแฟรนไชส์อื่นๆที่มีก็คือ เป็นการขายไอศกรีมโบราณที่มีรสชาติให้เลือกมากมายถึง 100 รสชาติเลยทีเดียว ได้อ่านอย่างนี้แล้วเริ่มน่าสนใจขึ้นมาแล้วใช่ไหมละค่ะ ธุรกิจนี้เป็นการสร้างความแตกต่างจากธุรกิจไอศกรีมที่มีอยู่ทั่วไปตามท้องตลาดและกลายเป็นความน่าสนใจที่น่าจะลงทุนเพราะเห็นว่าเป็นธุรกิจที่มีงบในการลงทุนนั้นไม่มากไม่แพงเว่อร์เหมือนธุรกิจอื่นๆค่ะ ซึ่งสำหรับใครที่ตามหาธุรกิจที่ลงทุนน้อยแต้ได้กำไรต้องติดตามอ่านกัน ร้อยรส ไอติมโบราณ เพราะความที่เป็นธุรกิจที่มีจุดเด่นที่สามารถขายได้ก็คือเรื่องของความน่าสนใจในเรื่องของรสชาติไอศกรีมที่มีให้เลือกอย่างมากมายถึงร้อยรสกันเลยทีเดียว ซึ่งความแปลกในจุดนี้นั้นทำให้ผู้บริโภคอย่างทราบว่าไอศกรีมร้อยรสที่ว่านั้นมีจริงหรือไม่และมีรสชาติอะไรบ้างและจะอร่อยหรือไม่ และไอศกรีมของแฟรนไชส์นั้นกำลังได้รับมาตรฐานจากอย.ในเรื่องของความสะอาดและปลอดภัย ซึ่งเป็นเครื่องการันตีถึงความมีคุณภาพของไอศกรีมได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นธุรกิจ ร้อยรส ไอติมโบราณ นี้จึงน่าสนใจไม่น้อยเพราะนอกจากความอร่อยที่มีบริการให้กับลูกค้าทุกท่านแล้วยังมีความสะอาดและมีความปลอดภัยสำหรับผู้ที่มารับประทานอีกด้วย

สินค้าและบริการของแฟรนไชส์ที่เจ้าของหรือผู้ที่คิดจะลงทุนกับธุรกิจนี้ควรรู้นั้นก็จะมี 2 ส่วนก็คือ 1. สินค้า 2. บริการร้อยรส ไอติมโบราณ 1. สินค้า – ทางแฟรนไชส์นั้นจะต้องมีสินค้าบริการลูกค้าอย่างครบครันไม่ควรที่จะปล่อยให้ขาดตกบกพร่องเพื่อความมั่นใจของลูกค้าที่มีต่อแฟรนไชส์ของคุณว่าถ้ามาแล้วจะต้องได้ทานไอศกรีมในรสชาติที่อยากทานอย่างแน่นอน

2. บริการ – จะต้องมีการขายที่มีบริการที่ดี มีความตั้งใจในการทำงานอย่างจริงจัง มีความมุ่งมั่นมุมานะที่จะทำงานอย่างเต็มที่และเต็มกำลังความสามารถ ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพื่อรายได้ที่จะเข้ามาอย่างต่อเนื่องจากการขายสินค้าของเรานั่นเอง


ในส่วนของสินค้านั้นทางแฟรนไชส์จะมีการสอนทำไอศกรีมให้กับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจ ร่วมกับ ร้อยรส ไอติมโบราณ นี้ และเรื่องของสิ่งของอื่นๆที่ใช้ในการทำธุรกิจนี้ที่คุณนั้นจะได้รับจากแฟรนไชส์อีกด้วย และในเรื่องของราคาสินค้าที่ราคาไม่แพงทำให้สินค้าของคุณสามารถขายออกไปได้ง่ายขึ้นกวาเดิม เพราะผู้ซื้อมีกำลังซื้อในปริมาณที่พอดีกับราคาของสินค้าที่เราขาย อีกทั้งยังมีรสชาติอร่อยจึงไม่ต้องกลัวว่าจะขายไม่ได้ถ้าหากคุณนั้นมีทำเลที่ตั้งของร้านที่ดีๆ

ที่มา...http://ctllc.org/

ตำเพลิน ร้านอาหารของ จุ๋ย แซ่บ ๆ

|
อ่านเพิ่มเติม »

นปัจจุบันร้านอาหารอีสานที่รสชาติจะถูกใจหลายๆคนคงหายาก วันนี้จึงจะมาแนะนำร้านส้มตำและอาหารอีสานแซ่บๆในราคาเบาๆกับร้านตำเพลินร้านอาหารรสแซบต้นตำรับจากโคราช ของดาราชื่อดัง “จุ๋ย วรัทยา” และ “ นิว วงสกร “ เต็มเหนี่ยวกับรสชาติอาหารอีสานที่ทั้งแซบ บรรยากาศก็ดี บริการดิลิเวอรี่ ให้ได้ถูกใจไปตามๆกัน ร้านตำเพลินเกิดมาจากการชอบกินอาหารอีสานของตนแต่หาร้านที่รสชาติอร่อยนั้นได้ยากและคิดว่าคนส่วนใหญ่นั้นก็น่าจะชอบอาหารอีสานเหมือนกัน “จุ๋ย วรัทยา” จึงเปิดกิจการร้านส้มตำร่วมกับเพื่อนดารา “ นิว วงศกร “ และเพื่อนนอกวงการด้วยเงินหลักล้านบาทและร้านตกแต่งด้วยตัวเอง
ร้านที่สไตล์ที่แตกต่างไปจากร้านส้มตำอื่นคือการสร้างบรรยากาศของร้านให้น่าอบอุ่นสบายๆเหมือนรับระทานอาหารที่บ้านกับครอบครัว เมนูก็ช่วยกันคิดและออกแบบกับทางหุ้นส่วน โดยทั้งหมดมีเกือบร้อยกว่าเมนูให้เลือกทานกัน

พ่อครัวนั้นก็มีประสบการณ์ด้านอาหารอีสานจากโคราชเพราะเมนูส่วนใหญ่มาจากสูตรอาหารอีสานโคราช ปัจจุบันพ่อครัวค่อนข้างที่จะลงตัวในด้านของรสชาติต่างๆและเป็นที่ถูกใจของลูกค้าที่เข้ามาทานในร้านส้มตำ ส่วนใหญ่จะมาทานกันเป็นครอบครัว และเพื่อนนักแสดง และคนที่บ้านอยู่ในแถวๆนี้ ยังมีกลุ่มของแฟนคลับของทั้งสองคนก็มาอุดหนุนกับทางร้าน ถ้าทั้งสองว่างก็จะมาช่วยกันดูแลร้านสลับกันไป แต่ไม่บ่อยเพราะทั้งสองจะค่อนข้างงานยุ่ง และยอดขายของทางร้านนั้นทาง ก็บอกว่าร้านส้มตำไม่ได้อยู่ที่ตัวของ“จุ๋ย วรัทยา” หรือ “ นิว วงศกร “ เท่านั้น แต่อยู่ด้วยรสชาติของอาหารและบรรยากาศของร้านที่ทำให้ลูกค้าอยากเข้าร้าน

รายได้แต่ละเดือนนั้นไม่แน่นนอนแต่เรียกได้ว่าไม่ขาดทุน กำไรก็ไม่ได้มากอะไร เพราะต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนในทางร้านถึงเดือนละ 400,000 – 500,000 บาท รายได้ที่มากจึงน่าจะเป็นค่าใช้จ่ายมากกว่าทางร้านนั้นก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าน่าจะสามารถคืนทุนได้ในระยะเวลา 2 ปี สำหรับทางด้านการแข่งขันทางธุรกิจอาหารนั้น จุ๋ย นั้นบอกว่า อาหาร ยี่ห้อ แต่ละร้านนั้นก็ต่างมีเอกลักษณ์ของร้านตัวเองที่ไม่ได้เหมือนใครอยู่แล้วเพื่อดึงดูดลูกค้าของตนเอง ส่วนร้านตำเพลิน ส่วนตัวมองว่า เด่นของรสชาติของส้มตำ บรรยากาศของร้านส้มตำและทำเลดี จึงทำให้ร้านนั้นมียอดขายที่ดี เพราะ บริเวณนั้นไม่มีร้านส้มตำที่ลูกค้าจะสามารถเข้าไปนั่งได้ ส่วนมากจะเป็นรถเข็นที่ผ่านไปมา ฉะนั้นคนที่ต้องการรับประทานอาหารอีสานที่มีรสชาติที่แซบและสะดวกสบายก็แวะมาทานที่ร้านส้มตำร้านตำเพลินกันดู

ข้อมูลการติดต่อร้านตำเพลิน
ร้านตำเพลิน บิ๊กซี ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาสุขาภิบาล 5 เบอร์โทร 0-2153-1691



ที่มา...http://www.smeleader.com/

เดอะกอริลล่า น้ำผลไม้ปั่น

|
อ่านเพิ่มเติม »

ไม่แปลกเลยที่วันนี้ เราได้เห็นดารานักแสดงมากมาย ออกมาทำธุรกิจขายโน่นขายนี่พร้อมๆ กับทำงานแสดง เพราะทุกคนต่างต้องการความมั่นคงในชีวิต ต้องหารายได้เสริม แต่สำหรับนักแสดง คนอาจจะมองว่าทำจริงหรือทำเล่น ทำตามกระแสหรือแค่หวังกอบโกยระหว่างที่ยังมีชื่อเสียง ตรงนี้มีผลต่อความน่าเชื่อถือในคุณภาพสินค้าเลยทีเดียว
"น็อต-วรฤทธิ์ เฟื่องอารมย์" หนึ่งในนักแสดงหนุ่มที่ลุกขึ้นมาสร้างธุรกิจของตัวเอง ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ทำมาหลายธุรกิจ ทั้งทำเอง หุ้นกับเพื่อน และทำกับครอบครัว บางธุรกิจก็พับไป เพราะถูกเพื่อนโกง และบางอันก็ไปไม่รอดจริงๆ บางธุรกิจก็ยังเดินหน้า และกำลังขยายตัวไปได้สวย อย่างเจลสูดดมแบรนด์ "เดอะ กอริลล่า (The Gorilla)" ที่ทดลองตลาดและสร้างแบรนด์มาจนเข้าสู่ปีที่ 3
"ผมเป็นคนชอบทำธุรกิจอยู่แล้ว ทำมาหลายอย่าง ทั้งดีและไม่ดี เจ๊งไปแล้วก็มี อยู่ได้ก็มี ทำตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่แล้ว เปิดบริษัทกับเพื่อน แล้วก็โดนเพื่อนโกงไป เป็นธุรกิจอีเวนต์ออร์แกไนซ์ แล้วก็มาทำรายการทีวีกับเพื่อน ทำรีสอร์ต อันนี้ยังอยู่ ร้านอาหารก็มีเพิ่งปิดไป มีร้านทำเล็บทำกับพี่สาว และร้านน้ำผลไม้ปั่น เพิ่งปิดตัวไปเหมือนกัน และตอนนี้ก็มาเป็นยาหม่องกอริลล่า"
ส่วนหนึ่งของความสนใจทำธุรกิจ อาจเป็นเพราะพ่อ -ชลิต เฟื่องอารมย์ ก็เป็นนักแสดงคนหนึ่งที่สนใจทำธุรกิจมาแต่ไหนแต่ไร "น็อต-วรฤทธิ์" ลองผิดลองถูกในสนามธุรกิจด้วยตัวเอง เขาบอกว่าธุรกิจที่ทำมา 50:50 ที่อยู่และไป สิ่งที่เขาได้เรียนรู้จากการทำธุรกิจ คือ
"ในแง่ของธุรกิจ เราต้องมีเวลาให้กับมัน เมื่อไม่มีเวลา ทำให้เราละเลยมันไป และที่สำคัญคือเราต้องรู้จักมันจริงๆ ถึงจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ถ้ารู้งูๆ ปลาๆ ใครชวนก็ไปทำ แถมไม่มีเวลา ยังไงๆ มันก็เจ๊งครับ ทุกๆ อย่างเราต้องรู้จักมันจริงๆ และให้เวลากับมัน"

อย่างที่นักธุรกิจหนุ่มคนนี้บอก ว่าถ้าจะทำธุรกิจต้องรู้จริงและมีเวลา การเริ่มต้นทำธุรกิจยาหม่อง หรือเจลสูดดมของเขา จึงเริ่มต้นมาตั้งแต่การเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยพัฒนาได้นำสารสกัดแคปไซซินจากธรรมชาติที่ได้จาก "พริกพิโรธ" หนึ่งในพริกสายพันธุ์ที่เผ็ดที่สุดในโลก ที่ได้ค้นคว้าและวิจัยร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) โดยเป้าหมายเดิม จะนำพริกพันธุ์นี้ไปขายให้กับบริษัท เบทาโกรฯ เป็นวัตถุดิบสำหรับอาหารสัตว์ แต่ด้วยต้นทุนที่สูง ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับคนอื่นได้
แต่เมื่อค้นคิดมาแล้ว จะทิ้งไปก็เสียเปล่า ด้วยไอเดียของนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ร่วมสมัย จึงนำสิ่งที่มีมาต่อยอด สร้างเป็นสินค้าที่สามารถควบคุมดูแลทุกอย่างได้เอง จนในที่สุดก็ได้ออกมาเป็นเจลสูดดม "เดอะ กอริลล่า" แต่จะทำเป็นยาดมธรรมดา ก็คงแข่งขันในตลาดไม่ได้ "วรฤทธิ์" จึงใส่ไอเดียความแปลกใหม่ สร้างความต่างให้กับสินค้าของเขาด้วยแพ็กเกจจิ้ง
ไอเดียนี้มาจากความคิดที่ว่า ยาดมยาหม่องไม่มีแค่ผู้สูงวัยใช้เท่านั้น วัยรุ่นหรือคนรุ่นใหม่ก็ใช้เหมือนกัน และถ้ามียาดม ยาหม่องที่แพ็กเกจสวยๆ เก๋ๆ ก็น่าจะโดนใจกลุ่มคนเหล่านี้ได้ดี นั่นจึงเป็นที่มาของแพ็กเกจกล่องสี่เหลี่ยม เก๋ๆ กดเปิด ดมได้เลย และนี่ก็เป็นรูปแบบที่ "วรฤทธิ์" กรรมการผู้จัดการ บริษัท จี สปีชี่ส์ จำกัด ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ เจลสูดดมแบรนด์ "เดอะ กอริลล่า (The Gorilla)" ที่คิดขึ้นเอง
การจะทำให้สินค้าขายได้ ไม่เพียงแค่คุณภาพ และดีไซน์เก๋ๆ แต่ยังต้องอาศัยช่องทางจัดจำหน่ายที่ดีเข้าถึงผู้บริโภค และกิจกรรมการตลาดเป็นตัวกระตุ้น สิ่งเหล่านี้เขาก็ไม่ได้มองข้าม และในความเป็นนักแสดงของเขาก็ช่วยเสริมการทำธุรกิจและขยายตลาดของเขาให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

"วรฤทธิ์" บอกว่า เขาไม่ได้จบการศึกษาด้านการตลาด หรือการออกแบบ แต่จบคณะศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอแบค) ความรู้ความสามารถในการทำธุรกิจ การคิดแบบแพ็กเกจจิ้ง ล้วนมาจากประสบการณ์ อาศัยการพูดคุยกับผู้รู้ เรียนทางลัดจากคนที่เก่ง มีความสามารถ เช่น เพื่อนอย่าง อรรฆรัตน์ นิติพน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มัชรูม เทเลวิชั่น จำกัด ที่มีความสามารถด้านการบริหาร และยังมีเพื่อนอีกคนที่มาช่วยบริหาร. เราเรียนรู้จากสิ่งรอบตัวต่างๆ
นักแสดง-นักธุรกิจหนุ่มคนนี้ วางเป้าหมายธุรกิจว่าจะต้องมีส่วนแบ่งตลาด 5% ในตลาดยาดมยาหม่องที่มีมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท และมีแผนที่จะขยายสู่ตลาดต่างประเทศ อาทิ เมียนมาร์ ลาว และอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ด้วยความเป็นนักแสดง ก็มีแฟนคลับนำสินค้าของเขาไปขายในไต้หวันและเกาหลีใต้แล้ว
เมื่อถามว่า อาชีพนักแสดงช่วยในการทำธุรกิจของเขาอย่างไรบ้าง "วรฤทธิ์" พูดขำๆ ว่า ก็ทำให้เขามีศิลปะในการนำเสนอสินค้าได้ดี ดึงดูดความสนใจของผู้ร่วมค้าได้ แถมยังสร้างความบันเทิงทำให้ห้องประชุมไม่เครียดได้
และที่แน่ๆ คือ เขายังเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ของสินค้า "เดอะ กอริลล่า" ได้ด้วย
วันนี้เขาต้องทำงานหนักทั้งธุรกิจและการแสดง ธุรกิจกำลังเจริญเติบโตจากก้าวแรก เข้าสู่ก้าวที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ต้องเอาใจใส่และให้เวลาอย่างมากกับการประคบประหงมให้ธุรกิจก้าวต่อไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ขณะเดียวกันงานแสดงช่วงนี้ก็ต้องใช้เวลาทั้ง 7 วันเทคิวให้อย่างเต็มที่ ดังนั้นทันทีที่ว่างจากงานแสดง เขาก็พร้อมที่จะคุยงานผ่านโลกโซเชียลมีเดียกับทีมงานทันที
"วรฤทธิ์" บอกว่า เขายังไม่ทิ้งการแสดงแน่นอน เพราะการแสดงทำให้เขามีทุกวันนี้ได้ เขาพร้อมที่จะทำทั้งงานแสดงและธุรกิจไปด้วยกัน และจะทำทั้ง 2 อย่างให้ดีที่สุด.
"ในแง่ของการทำธุรกิจ เราต้องมีเวลาให้กับมัน เมื่อไม่มีเวลา ทำให้เราละเลย และที่สำคัญคือเราต้องรู้จักธุรกิจที่เราจะทำจริงๆ ถึงจะทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จได้ ถ้ารู้งูๆ ปลาๆ ใครชวนก็ไปทำ แถมไม่มีเวลา ยังไงๆ มันก็เจ๊งครับ"
ที่มา....http://www.trf.or.th/

น้ำปั่นเครื่องดื่มรับลมร้อน ลงทุนน้อย ทำง่าย กำไรงาม

| วันพุธที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

น้ำปั่นเครื่องดื่มรับลมร้อน ลงทุนน้อย ทำง่าย กำไรงาม
ลองมาดูกันว่า ช่วงหน้าร้อนอย่างหนี้ จะหาอะไรมาขายกันดี วันนี้มาลองอัพเดทดูว่า ที่น่าจะลงทุนน้อยทำง่ายและได้กำไรดีที่สุด ก็คงจะไม่พ้นการขายเครื่องดื่มเย็นๆ ทั้งหลาย วันนี้ ขอนำเสนอ เครื่องดื่มยอดฮิต ทำง่าย อย่างน้ำปั่น
น้ำปั่น เป็นเมนูที่หลายคนชื่นชอบ โดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน อย่างนี้ ได้น้ำปั่นสักแก้ว ช่วยสร้างความกระชุ่ม กระชวย สดชื่น ในแบบที่เรียกว่า ลืมร้อนกันไปเลย ครั้งนี้ ลองมาดูกันว่า ถ้าขายน้ำปั่น จะได้ผลตอบแทน เท่าไหร่ คุ้มค่าเหนื่อยไหม ที่สำคัญอย่าลืมมองเรื่องทำเลด้วยนะ
วันนี้ เรามีตัวอย่าง ของเจ้าของร้านปั่นแห่งหนึ่งมาฝาก มีเปิดร้านอยู่ที่โรงอาหาร องค์การอาหารและยา หรือ อย.กระทรวงสาธารณสุข ร้านแห่งนี้ เป็นเพียงร้านน้ำปั่นแล็กๆ ของสองสามี ภรรยา มีน้ำปั่น เพียง 3 อย่าง คือ น้ำมะพร้าว น้ำลิ้นจี่ และน้ำสตอเบอรี่ ขายแก้วละ 20 บาท สามีเป็นคนปั่น และภรรยาเป็นคนตัก แต่ขอบอกว่า แค่ 3 อย่างแค่นี้ รายได้ แกไม่ธรรมดา เพราะแก่สามารถเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศได้อย่างสบาย ขายแค่ช่วงเช้า เลิกประมาณไม่เกิน บ่าย 2 โมง
แนะนำอาชีพ : เปิดร้านขายอะไรกันดี ….อากาศร้อนอย่างนี้

ลองมาคำนวณ ผลตอบแทนของร้านขายน้ำปั่น......
ลองมาดูรายได้ ของการขายน้ำปั่น รายนี้ วันหนึ่ง ขายได้ประมาณโดยเฉลี่ย 150-200 แก้ว แก้วละ 20 บาท เป็นเงินประมาณ 3,500 บาท ถึง 4,000 บาท ต่อวัน ถ้ากำไรแก้วละ 5 บาท ก็จะมีรายได้อยู่ที่ วันละ 1,000 บาท ต่อวัน ถ้าขายทุกวัน มีรายได้เดือนละ 30,000 บาท แต่ในความเป็นจริง แกน่าจะได้กำไรแก้วละ 10 บาท ซึ่งมีรายได้อยู่ที่ วันละ 2,000บาท เดือนหนึ่ง มีรายได้อยู่ที่ 60,000 บาท ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ได้ขายทุกวัน เฉลี่ยมีรายได้อยู่ที่ ไม่ต่ำกว่า 40,000 บาท ถึง 50,000 บาท ทั้งนี้ ใครที่กำลังมองหาอาชีพในช่วงหน้าร้อน อย่างนี้ ลองพิจารณา ร้านขายน้ำปั่นดู เชื่อว่า ไม่น่าผิดหวัง ถ้าได้ทำเล ดี ดี งานนี้ไม่มีจน ที่สำคัญถ้าทำรสชาติดี ทำเลดี ปัจจุบันขาย 25 บาท กันอยู่แล้ว นี่ขนาด 20 บาท ยังได้กำไร และ 25 บาทละกำไรเพิ่มขึ้นมา หนึ่งในอาชีพแนะนำหน้าร้อน ลงทุนน้อย ทำง่าย กำไรงาม ที่มา.... http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000030821

ร่มกระดาษจิ๋ว รายได้ดี

|
อ่านเพิ่มเติม »

พลิกแพลง-ดัดแปลง เป็นคาถาศักดิ์สิทธ์สำหรับคนทำงานประดิษฐ์-งาน ฝีมือ อย่างเจ้าของงานฝีมือรายนี้ แม้จะยึดอาชีพนี้มาเกือบ 30 ปี แต่ก็ยังขายงานได้เรื่อย ๆ แม้ในยามเศรษฐกิจตกสะเก็ด เหตุเพราะรู้จักพัฒนาผลงานไม่ให้ย่ำอยู่กับที่ จนมี ช่องทางทำกิน ด้วยอาชีพทำ ร่มกระดาษ ขาย อย่างต่อเนื่อง

รำพึง ซื่อต่อวงษ์ เจ้าของงานประดิษฐ์หัตถศิลป์ร่มกระดาษ เล่าว่า ยึดอาชีพทำงานฝีมือนี้มาตั้งแต่ปี 2523 โดยเริ่มจากการทำร่มกระดาษขนาดใหญ่ ก่อนจะลดไซส์ ลดขนาดของร่มลงมาเรื่อย ๆ เนื่องจากมองเห็นช่องว่างการตลาด และมองเห็นโอกาสจากความต้องการของลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มีความสะดวกใน การพกพา จนกลายเป็นงานหัตถกรรมร่มกระดาษประยุกต์ในปัจจุบัน เจ้าของงานฝีมือรายนี้เคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทมาก่อน โดยใช้เวลาว่างหาความรู้เกี่ยวกับงานประดิษฐ์กระดาษเนื่องจากสนใจและชอบเป็น พิเศษ หลังฝึกหัดอยู่นานจนเชี่ยวชาญเทคนิคการทำร่มกระดาษ ก็ทดลองทำออกจำหน่าย ปรากฏว่าได้รับการตอบรับดี ต่อมาจึงลาออกจากงานประจำมาทำอาชีพนี้โดยตรง เริ่มจากทำร่มกระดาษใหญ่ก่อน ต่อมาคิดว่าลูกค้าน่าจะอยากได้สินค้าขนาดเล็กลง เพื่อสะดวกในการซื้อ การพกพา และใช้เป็นของที่ระลึก จากนั้นก็พัฒนามาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันนอกจากจะได้ลูกค้ากลุ่มของขวัญของที่ระลึกแล้ว ยังมีกลุ่มชอบสินค้ามงคล ซึ่งลูกค้าหลายรายซื้อไปเพราะถือเคล็ดว่า มีร่ม จะร่มเย็น

รำพึงบอกว่า ร่มใหญ่จะมีขั้นตอนมากกว่าร่มจิ๋ว ส่วนข้อแตกต่างระหว่างร่มกระดาษสา กับร่มกระดาษของเธอนั้น ร่มกระดาษสาจะทำจากกระดาษชิ้นเดียว ขณะที่ร่มของเธอเกิดจากการนำกระดาษหลายชิ้นมาต่อร้อยเข้าด้วยกัน และลวดลายร่มกระดาษสาจะเกิดจากการวาดหรือเพ้นท์ แต่ลวดลายร่มกระดาษของเธอเกิดจากกระดาษที่นำมาพับซ้อน โดยร่มกระดาษ 1 คันจะต้องใช้กระดาษประมาณ 60-90 ชิ้น ขึ้นกับแบบและขนาด
สินค้าของรำพึงในปัจจุบัน มีมากมายหลายแบบ ขึ้นอยู่กับกระดาษ แต่ขนาดหลัก ๆ จะมี 3 ขนาดคือ ขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 20 นิ้ว, ขนาดกลาง เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว และขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3 นิ้ว ส่วนราคาขาย หากเป็นร่มกระดาษเดี่ยว เริ่มตั้งแต่ 60-600 บาท, ร่มกระดาษชุด 250-650 บาท โดยราคาจะสูงหรือต่ำขึ้นกับส่วนประกอบ องค์ประกอบที่ใช้ในการตกแต่ง
ทุนเบื้องต้นสำหรับการทำร่มกระดาษแบบนี้ เจ้าของงานบอกว่า ใช้ไม่มาก อยู่ที่ประมาณ 2,000-5,000 บาท ขณะที่ทุนวัตถุดิบหรือทุนวัสดุในการทำ อยู่ที่ประมาณ 60% ของราคาขาย

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้
กระดาษอาร์ทผิวมัน, ไม้กลึง (สำหรับใช้ทำด้ามร่ม), ไม้จิ้มผลไม้ (สำหรับใช้ทำก้านร่ม), กรรไกร, คัทเตอร์, ไม้บรรทัด, กาวใส, เอ็นใส และเข็มสำหรับร้อยเอ็น โดยสามารถหาซื้อได้ทั่วไป
ขั้นตอนการทำ ร่มกระดาษจิ๋ว
เริ่มจากนำกระดาษที่เลือกลายไว้มาทำการวัดขนาดตามต้องการ โดยการเลือกกระดาษจะพิจารณาจากลายก่อน หากทำ ร่มกระดาษจิ๋ว แบบลายดาว ก็ต้องนำกระดาษที่เลือกไว้มาตีตารางตามสเกลหรือขนาดที่ด้านหลัง วัดให้แต่ละจุดห่างกันราว 1 มิลลิเมตร เพื่อให้เกิดช่องไฟระหว่างตัวร่ม
จากนั้นทำการตัดกระดาษตามตารางที่ได้วาดไว้ โดยการทำร่มกระดาษ 1 คันจะใช้กระดาษ (ขนาดมาตรฐานกระดาษห่อของขวัญ) ประมาณ 5-10 แผ่น เมื่อได้กระดาษเป็นแผ่น ๆ แล้ว ให้นำมาทำการพับทบเฉียงเข้าด้วยกัน โดยแต่ละแผ่นพับประมาณ 4 ทบ เมื่อพับได้ครบตามจำนวนที่ต้องการแล้ว นำมาทำการเจาะรู


ขั้นต่อไป ทำการเย็บเส้นเอ็นที่ด้านบนสุดของกระดาษ เพื่อร้อยกระดาษเข้ารวมกันเป็นตัวร่ม โดยขั้นตอนนี้จำเป็นต้องระมัดระวัง และต้องใช้ความชำนาญในการดึงเส้นเอ็น เพราะหากดึงแรง หรือดึงเบาไป จะทำให้ทรงของร่มไม่งุ้มโค้งได้รูปอย่างที่ต้องการ

ขั้นตอนการประกอบด้ามร่ม โดยทำการติดด้ามร่มด้วยการเสียบด้ามร่มที่ทำจากไม้กลึง โดยแทงจากด้านบนของร่มลงมา จากนั้นทำการอัดกาวใสด้านในของตัวร่ม ทิ้งไว้ให้แห้งสนิทโดยใช้เวลาประมาณ 1 วัน จากนั้นนำไม้จิ้มผลไม้ที่เตรียมไว้ ซึ่งผ่านขั้นตอนการเหลา และย้อมสีมาเรียบร้อยแล้ว มาติดบริเวณส่วนปลายด้านล่างของร่มด้วยกาวใสเพื่อทำเป็นก้านร่ม ทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อแห้งดีแล้วจึงนำมาประกอบเข้ากับวัสดุตกแต่งอื่น ๆ ตามไอเดีย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ “ร่มกระดาษจิ๋ว”

ประสบการณ์จากการทำอาชีพนี้มาเกือบ 30 ปี พูดได้เลยว่าถ้ามีไอเดีย มีความคิดสร้างสรรค์ ขยันพัฒนางานอยู่เรื่อย ๆ ได้ตังค์ใช้ต่อเนื่องแน่นอน เจ้าของงานประดิษฐ์ร่มกระดาษบอก

ใครสนใจผลงาน ร่มกระดาษ ของรำพึง ที่มีทั้งแบบจิ๋วและไม่จิ๋ว ติดต่อได้ที่ กลุ่มหัตถกรรมร่มกระดาษคันนายาว เลขที่ 53 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ โทร.08-3884-0765, 08-7996-2163 หรือใครสนใจอยากจะฝึกหัดทำ ก็ลองสอบถามกันได้โดยตรง

คู่มือลงทุน ร่มกระดาษจิ๋ว

ทุนเบื้องต้น 2,000-5,000 บาท
ทุนวัสดุ ประมาณ 60% ของราคา
รายได้ ราคาคันละ 60-650 บาท
แรงงาน 1 คนขึ้นไป
ตลาด แหล่งท่องเที่ยว, ร้านของที่ระลึก
จุดน่าสนใจ ลงทุนไม่สูง, ลูกค้ามีหลายกลุ่ม

ที่มา...http://www.dailynews.co.th/

ร่มกระดาษจิ๋ว รายได้ดี

Posted by : TAI2U on : With 0ความคิดเห็น

ชาอินเดีย ลงทุนน้อย ตอบรับเร็ว

| วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวแบบนี้ หลายๆท่านคิดอยากจะมีธุรกิจส่วนตัวกันมากขึ้น บางท่านมีเงินก้อน จากการเก็บสะสมมานาน ส่วนบางท่านเพิ่งถูกเลิกจ้างงาน ก็เลยมีเงินทุนพอสมควร ทั้งนี้ หลายๆท่านที่มีเงินเช่นกัน แต่ยังไม่มีไอเดียในการทำธุรกิจ ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี

วันนี้ ลองศึกษาธุรกิจแฟรนไชส์ ชา อินเดีย น่าจะเป็นทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยนะครับ


ด้วยรสชาติ และชื่อเสียงของ “ชาอินเดีย” อันเป็นที่ยอมรับในหมู่นักดื่มชาอย่างกว้างขวาง ประกอบกับทุกวันนี้ กระแสนิยมทั้งแฟชั่น และวัฒนธรรมอินเดีย กำลังมาแรงในหมู่วัยรุ่นไทย

นักธุรกิจหนุ่ม อย่าง “มาโนช อัทมารามานี” ผู้มีสายเลือดภารตะเต็มตัว จึงคว้าเทรนด์ฮิตมาสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ ชาอินเดียเจ้าภาพ ในชื่อ “the indian tea” เขา เล่าว่า ในหมู่ผู้นิยมดื่มชาจะรู้กันดีว่า ชาอินเดียแท้ๆ มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวทั้งด้านรส และกลิ่นหอม ซึ่งมาจากใบชา และสมุนไพรหลายชนิด ทว่า สำหรับคนทั่วไปแล้ว จะหาชิมได้ยาก จึงหยิบจุดนี้ มาเป็นแนวทางธุรกิจ ด้วยการนำชาต้นตำรับอินเดียแท้ๆ มาสร้างกระแสนิยม ออกขายแก่ผู้บริโภคในวงกว้าง
ธุรกิจชาอินเดียในชื่อ “the indian tea” เริ่มเมื่อต้นปี 2547 ถือเป็นเจ้าแรกของประเทศ โดยทดลองตลาด ด้วยการเปิดขายแถวหลังการบินไทย กว่า 1 ปีเต็ม เริ่มด้วยชา 10 รส ก่อนที่จะปรับรสชาติให้กลมกล่อมถูกปากลูกค้ามากที่สุด จนเหลือ 5 รส ได้แก่ Masala Milk Tea , Cardamon Milk Tea , Honey Lemon Tea ,Honey Milk Tea และ Black Tea


นอกจากชาแล้ว ในคีออสยังมีที่ว่างให้วางขายขนมต่างๆ เช่น คุกกี้ ขนมปัง สำหรับกินคู่กับชา ทั้งนี้ ไม่ได้บังคับว่าต้องรับจากบริษัทฯ แฟรนไชซีสามารถหาขนมอื่นๆ มาขายเสริมเองได้

"The Indian Tea" ชาต้นตำรับอินเดียแท้ๆเจ้าแรกในไทย ตั้งแต่ปี 2547 ด้วยโปรโมชั่นพิเศษสุดรับปีใหม่ โทร. 086-777-4973


ที่มา...http://www.thaifranchisecenter.com/

ชาอินเดีย ลงทุนน้อย ตอบรับเร็ว

Posted by : TAI2U on :วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ตงฟง มอเตอร์ส ร้านติดล้อ

|
อ่านเพิ่มเติม »
  ค่ายรถยนต์ระดับแนวหน้าของจีน ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทอันดับ 145 ของโลก ในการจัดอันดับ Fortune Global 500 Company และในปี 2010 ถูกจัดอันดับให้เป็นค่ายรถยนต์ อันดับ 1 ของจีนในแง่ของผลกำไร ตงฟง มอเตอร์ส เป็น Partner ที่ผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์ Honda, Nissan , Peugeot , KIA และ Citroen ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ทุกวันนี้นอกจาก รถต่างชาติยังมีการผลิตรถภายใต้แบรนด์ตัวเอง ทั้งรถหัวลาก , รถบรรทุก , รถยนต์นั่งส่วนบุคคล และรถเชิงพาณิชย์ขนาดเล็กก็ได้มีการส่งออกไปกว่า 65 ประเทศทั่วโลก

          บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2008 เป็นตัวแทน แบรนด์ตงฟงอย่างเป็นทางการ ทำหน้าที่บริหารผู้แทนจำหน่าย ทำการตลาด และจัดการบริการหลังการขายที่ดีเยี่ยมให้กับรถยนต์ของตงฟงมอเตอร์สทุกคันในประเทศไทย ณ ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรถยนต์ของตงฟงมอเตอร์สในตลาดไทยแล้วกว่า 10,000 คัน โดยเครือข่ายผู้แทนจำหน่าย และศูนย์บริการกว่า 45 แห่ง มีระบบการบริหารจัดการให้สามารถดูแลงานขายและงานบริการที่เป็น เลิศให้กับลูกค้าของตงฟงทั่วประเทศไทย


           เนื่องด้วยรถของตงฟง มอเตอร์ส มีหลากหลายรุ่นและประเภท เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเกิด
ความสับสนในตัวผลิตภัณฑ์ตั้งแต่กลางปี 2011 ทางสำนักงานใหญ่ ประเทศจีน จึงได้แบ่งแยก
ชื่อของรถยนต์ DFSK ออกเป็นชื่อเฉพาะเพื่อรุ่นต่างๆ อาทิเช่น DFAC สำหรับรถ 6-10 ล้อ

           ดังนั้นทางบริษัทฯ จึงมีการเปลี่ยนมาใช้อักษร DFSK หรือย่อมาจาก ตงฟงเฉี่ยวคัง ซึ่งใช้สำหรับรถยนต์ของตงฟงมอเตอร์สที่มีขนาดต่ำกว่า 1600 CC ทั้งนี้ LOGO ของรถจะใช้ LOGO เดิมของ ตงฟง มอเตอร์ส

           ในปี 2553 บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ได้มีการลงทุนร่วมกับ ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศจีน)
ในโรงงาน ประกอบรถยนต์ DFSK (ตงฟง มอเตอร์ส) ในประเทศไทย เพื่อการจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์(ASEAN)


สนใจติดต่อ 
บริษัท ตงฟง มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
สำนักงานใหญ่ 209/3
หมู่ 9 ต.บางกระสอ อ.เมือง
จ.นนทบุรี 11000
โทรศัพท์ : 0-2978-5640-45
แฟกซ์ : 0-2978-5647-49

ตงฟง มอเตอร์ส ร้านติดล้อ

Posted by : TAI2U on : With 0ความคิดเห็น

ขนมไข่เต่า,ขนมไข่นกกระทา เสริมรายได้ไม่ยาก

|
อ่านเพิ่มเติม »

เก็บตกจากเทศกาลดนตรี music festival ที่ผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่ผมเห็นว่าอาชีพนี้น่าจะเป็นช่องทางที่จะสามารถนำมาเป็นอาชีพเสริมได้ไม่ยาก สำหรับช่วงเทศกาลต่างๆ ในท้องถิ่น น่าจะดีไม่น้อยถ้าเราจะมีอาชีพเสริมช่วงเทศกาลนี้ ขนมไข่เต่า หรือบางท่านอาจจะเรียกขนมไข่นกกระทาทอดกรอบ ซึ่งเป็นขนมดั้งเดิมมีรสชาติอร่อย กรอบ หวาน มัน และเป็นขนมที่ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดี
อาชีพขายขนมไข่เต่านั้นเป็นอาชีพที่ง่ายและไม่ต้องลงทุนอะไรมากมายเลยครับ สำหรับบางท่านที่ลงทุนขายแบบรถมอเตอร์ไซต์พ่วง ก็สะดวกและขายง่ายมากๆ เพราะจะสามารถตระเวนไปได้ทุกที่ หรือเมื่อมีงานเทศกาลต่างๆ เราก็จะสะดวกและรวดเร็วกว่าการตั้งขายแบบหน้าร้านครับ เพราะผมไปเจอมาหลายเจ้าที่ขายแบบรถมอเตอร์ไซต์ต่อพ่วง ผมได้ลองสอบถามคุณลุงคนหนึ่งที่ขายขนมไข่เต่าทอดกรอบว่าขายดีมั้ย ลุงตอบว่าขายดีมากยิ่งช่วงหน้าเทศกาลลุงขายดีเป็นสองถึงสามเท่าเพราะลูกค้าบางคนหารับประทานยาก พอมาเจอขนมไข่เต่านี้จึงอุดหนุนกันเยอะมาก แต่ถ้าไม่ใช่ช่วงเทศกาลลุงก็จะไปจอดแวะขายตามหน้าตลาดนัดและเปลี่ยนที่ขายไปเรื่อยๆ จนหมดทุกวัน คุณลุงยังบอกอีกว่าขายขนมไข่เต่าทอดกรอบหรือขนมไข่นกกระทานี้มาหลายปีแล้ว ถึงรายได้จะไม่ได้มากมายอะไรแต่ก็เป็นอาชีพที่สามารถหล่อเลี้ยงครอบครัวของคุณลุงมาได้จนถึงทุกวันนี้

ส่วนผสมขนมไข่เต่า , ขนมไข่นกกระทา
1. แป้งมัน
2. แป้งสาลีอเนกประสงค์
3. น้ำตาลทราย
4. หัวกะทิ
5. เกลือป่น
6. มันเทศ 1 หัว
7. ไข่ไก่ 2 ฟอง
8. ผงฟู
วิธีทำขนมไข่เต่า, สูตรขนมไข่นกกระทา
- นำมันเทศมาปลอกเปลือก และล้างในน้ำให้สะอาด แล้วนำไปนึ่งให้สุก
- พอได้มันเทศนึ่งสุกแล้วให้นำมาบดให้ละเอียด แล้วผสมแป้งมันลงไปแค่ครึ่งหนึ่งของมันเทศ จากนั้นก็นำแป้งสาลีใส่ลงไป 1/3 ส่วนของแป้งมัน
- นำไข่ที่เตรียมไว้ และเลือกเอาเฉพาะไข่แดงแล้วใส่ลงไปรวมกันกับมันเทศบดและแป้งที่ผสมไว้แล้ว
- ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไปเล็กน้อย
- นวดแป้งและส่วนผสมต่างๆ ให้เข้ากัน และให้ใส่หัวกะทิลงไปตอนนวดแป้งทีละน้อย นวดจนให้สามารถจับปั้นได้
- ใส่ผงฟูลงไป 1 ช้อนชา พักแป้งที่นวดกับมันเทศไว้ครึ่งชั่วโมง และนำมาปั้นเป็นเม็ดกลมขนาดเท่าไข่นกกระทา
- ตั้งกระทะใส่น้ำมัน รอให้น้ำมันเดือดได้ที่ แล้วใส่ไข่นกกระทาหรือไข่เต่าที่ปั้นไว้ลงไปทอด
- ใช้ตะแกรงกดขนมระหว่างทอด เพื่อให้ฟูขึ้น ทอดให้เหลือง กรอบ จากนั้นตักขึ้นจากน้ำมัน รอให้สะเด็ดน้ำมัน ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน
หมายเหตุ : บางท่านอาจจะไม่ต้องใช้ไข่ไก่ในการทำขนมไข่เต่านี้ก็ได้ และถ้าใครไม่ชอบมันเทศก็สามารถเปลี่ยนมาเป็น เผือก ฟักทอง หรือมันสำประหลังแทนก็ได้ แล้วแต่ความชอบหรือบางท่านอาจจะทำแบบสอดไส้ถั่ว เพื่อเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น และสัดส่วนของเครื่องปรุงและส่วนผสมนั้นแล้วแต่ว่าเราจะทำขนมไข่เต่ามากน้อยเพียงใด และสามารถตักตวงส่วนผสมได้ตามชิ้นส่วนของมันที่นำมาใช้ในการบดครับ
ที่มา...http://ohomakemoney.com/

อั๊ยย่ะ อร่อยเข้ม เต็มรสชาติ

|
อ่านเพิ่มเติม »
“อั๊ยย่ะกาแฟราณ” ที่มีดีกรีติดอันดับหนึ่งใน 10 ธุรกิจดาวรุ่งแห่งปี 2557 ของทาง www.smesreport.com ถึงวันนี้คงต้องยอมรับว่าธุรกิจ “กาแฟถุงกระดาษ” แบรนด์นี้กำลังได้รับความนิยมจากผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะเปิดตัวได้ไม่นาน แต่ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น จากความเข้มข้น กลมกล่อม หวานมัน อันเป็นที่โปรดปรานของคอกาแฟทั่วประเทศ ถึงวันนี้ “อั๊ยย่ะกาแฟราณ” มีแฟรนไชส์มากถึง 6 สาขาทั่วประเทศแล้ว พร้อมทะยานสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง
“คุณหนูทิพย์ อุ้ยมี” เจ้าของกิจการ “อั๊ยย่ะกาแฟโบราณ” กาแฟถุงกระดาษเล่าว่า เดิมทีตนเป็นพนักงานประจำแต่บริษัทเกิดปัญหาทำให้ตนเกิดความกังวลจึงคิดหาธุรกิจเสริมรายได้ จนในที่สุดตัดสินใจมาทำธุรกิจกาแฟ เพราะคิดว่าเป็นเครื่องดื่มที่คนทานกันทุกวัน โดยได้เริ่มศึกษาค้นหาสูตรการชงกาแฟในแบบฉบับของตนเอง ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร จนได้สูตรที่เข้มข้น กลมกล่อม หวานมัน อย่างที่ตั้งใจ จึงได้ขายในช่วงเช้าก่อนไปทำงาน ซึ่งได้รับผลตอบรับดี จึงตัดสินใจขยายธุรกิจในรูปแบบของระบบแฟรนไชส์อย่างจริงจัง
สำหรับจุดเด่นของธุรกิจ “อั๊ยย่ะกาแฟโบราณ” กาแฟถุงกระดาษนี้ นอกจากจะอยู่ที่รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้น้ำแข็งจะละลายแต่ความหอม ความหวาน ก็ยังคงอยู่ และถุงกระดาษที่ผลิตมานั้นยังได้รับการออกแบบให้มีความหนาเป็นพิเศษเพื่อเก็บความเย็นได้นานขึ้นด้วย รวมทั้งการมีเมนูที่หลากหลายทั้งแบบโบราณ แบบชงนมสด และแบบกาแฟสด ทำให้สามารถจับกลุ่มลูกค้าได้หลายกลุ่ม ส่วนเรื่องของผลกำไรนั้นก็ได้มากถึง 100% โดยจากราคาขายถุงละ 25 บาท จะทำกำไรได้เฉลี่ยต่อถุงมากถึง 13 บาท ทั้งนี้ระยะเวลาในการคืนทุนเจ้าของธุรกิจกาแฟถุงกระดาษยังยืนยันว่า หากมีทำเลดีอยู่ในแหล่งชุมชน ผู้คนพลุกพล่านก็จะช่วยให้คืนทุนได้ไม่เกิน 1 เดือนอย่างแน่นอน อย่างเช่นในบางสาขาที่มีทำเลที่ตั้งเหมาะสม สามารถทำยอดขายได้มากถึง 150 - 300 ถุงต่อวันเลยทีเดียว
นอกจากนี้ทาง “อั๊ยย่ะกาแฟโบราณ” ยังมีการดูแลและให้คำปรึกษาด้านการลงทุน สอนเทคนิคการทำตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย และคิดโปรโมชั่นใหม่ๆเพื่อช่วยเหลือผู้ลงทุนอย่างใกล้ชิด รวมถึงการสนับสนุนด้วยสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ต่างๆ โดยบริการให้คำปรึกษาฟรี ไม่ทอดทิ้งแฟรนไชส์ซี นอกจากนี้แฟรนไชส์ซียังจะได้รับสิทธิ์ในการสั่งซื้อวัตถุดิบ (สูตรเฉพาะแฟรนไชส์) ในราคาพิเศษและไม่มีการเก็บค่าแฟรนไชส์รายปีอีกด้วย

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับผู้ที่อยากร่วมธุรกิจ
เซ็ต A จากราคา 45,000 บาทลดเหลือเพียง 35,000 บาท สิ่งที่จะได้รับ อบรมสูตรชง , สูตรต้ม , คีออสตกแต่งพร้อมป้ายหน้าร้าน อุปกรณ์ในการเปิดร้าน , วัตถุดิบ และถุงกระดาษ 400 ใบ นำไปจำหน่ายได้ผลตอบแทนกว่าหมื่นบาท
เซ็ต B จากราคา 25,000 บาทลดเหลือเพียง 15,000 บาท สิ่งที่จะได้รับ อบรมสูตรชง , สูตรต้ม , ป้ายหน้าร้าน , วัตถุดิบ และถุงกระดาษ 400 ใบ นำไปจำหน่ายได้ผลตอบแทนกว่าห้าพันบาท
นอกจากนี้ในการสั่งซื้อวัตถุดิบจาก “อั๊ยย่ะกาแฟโบราณ” หากมียอดการสั่งซื้อ 3,000 บาทขึ้นไป ทางบริษัทจะบริการจัดส่งให้ฟรี หากยอดสั่งซื้อไม่ถึง 3,000 บาท จะคิดค่าบริการขนส่งตามจริง

สนใจแฟรนไชส์ติดต่อ : “อั๊ยย่ะกาแฟโบราณ” โทร.085-485-2847, 092-718-7885
www.อั๊ยย่ะกาแฟโบราณ.com , www.Facebook.com/iyakafeboran

ที่มา....http://www.smesreport.com/

Dream Color 1 คอนแทนเลนส์แบรนด์ดังจาก เกาหลี

|
อ่านเพิ่มเติม »

สาวๆ คนไหนที่คิดว่า “คอนแทนเลนส์” ไม่สำคัญ ขอบอกว่าคิดผิดถนัด เพราะ “ดวงตา” คือ “เสน่ห์” ที่มัดใจหนุ่มๆ มานักต่อนัก แถมยังสร้าง “แรงดึงดูด” ชวนให้น่ามอง เรียกว่าช่วยให้คุณสวย และมีบุคลิกที่โดดเด่นได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งมีดหมอ ทว่าหากคิดจะสวมใส่ “คอนแทนเลนส์” ก็ต้องเลือกที่ปลอดภัย ได้รับการรับรองจาก “สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)” ถูกต้องชัดเจน อย่าง “Dream Color 1” คอนแทนเลนส์ แบรนด์ดังจากประเทศเกาหลีที่ผ่านมาตรฐานการผลิต ISO GMP และมีเลข อย. ตามกฎหมายไทย
วันนี้กูรูที่รู้ลึก รู้จริงในวงการ “คอนแทนเลนส์” ต้องยกให้สองสาว “คุณกชพรรณ วิรุฬห์รักษ์สกุล” หรือ “คุณชมพู่” กรรมการบริษัท น่ารัก คัลเลอร์วัน จำกัด ผู้บริหารแบรนด์ “Dream Color 1” นักธุรกิจมาดมั่น ที่ปลุกตลาด สร้างกระแสความนิยม “คอนแทนเลนส์” อย่างปลอดภัยในบ้านเรา และ “คุณนนทพร ธีระวัฒนสุข” หรือที่คุ้นหูคุ้นตากันดีในชื่อ “หญิงแย้” คนดังในวงการบันเทิงที่ไม่ธรรมดา เพราะสาวคนนี้กล้ายืดอกรับว่า “สวย” ด้วย “ศัลยกรรม” ตอกย้ำแนวคิค “ศัลยกรรม” ทำได้แต่ต้องศึกษาให้ดี และรู้จักเลือกอย่าง “ปลอดภัย” ซึ่งงานนี้ “คุณชมพู่” ควงคู่มากับ “หญิงแย้” พรีเซ็นเตอร์ “Dream Color 1” พร้อมเปิดใจถึงที่มาของคอนแทนเลนส์ที่ส่งตรงมาจากประเทศเกาหลี และปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ “Dream Color 1” ติดตลาดได้ใจสาวๆ ไปทั่วประเทศ ภายในระยะเวลาสั้นๆ
“Dream Color 1” ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาสวย เปรี้ยว หวาน ใส แถมยังช่วยป้องกันแสง UVA ได้ถึง 75% และ UVB ถึง 99% ที่สำคัญคือ ใส่แล้วปลอดภัย 100%
Dream Color 1
คอนแทนเลนส์แฟชั่นเกาหลีแท้ ปลอดภัย100%
คุณชมพู่ : จริงๆแล้ว คอนแทนเลนส์ Dream Color 1 เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานสากล ผลิตขึ้นที่ประเทศเกาหลี โดย Dream Color 1 ได้รับการยอมรับอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาทางประเทศเกาหลีได้ส่งคอนแทนเลนส์แบรนด์นี้ไปขายไปทั่วโลก เมื่อเราได้เห็นเช่นนี้แล้ว ก็ทดลองใช้แล้วพบว่า เป็นสินค้าที่ดีจริง จึงตัดสินใจนำมาจำหน่ายในไทย โดยได้ทำการขอ อย. ในไทยเป็นที่เรียบร้อย ถ้าใครได้ใส่ คอนแทนเลนส์ Dream Color 1 จะรู้สึกเลยว่า คุณภาพดีจริงสมคำร่ำลือ ที่บอกว่า “นิ่มใส่สบาย” เพราะทันทีที่ใส่จะรู้สึกถึงความแตกต่างกับคอนแทนเลนส์ทั่วไป
Dream Color 1 เป็นคอนแทนเลนส์สีที่สร้างมา เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่สายตาสั้น สนใจเรื่องความสวยความงาม เรื่องของแฟชั่น จุดเด่น คือมีสารป้องกันแสงยูวี ทำให้ช่วยถนอมสายตา สวมใส่สบาย ทำให้ได้รับผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคโดยเฉพาะสาวๆ และปัจจุบันก็มี ดารา เซเลบ ให้ความสนใจในแบรนด์นี้มากขึ้น เพราะเห็นว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดีจริง เกิดการใช้แล้วบอกต่อกันไปเรื่อยๆ
ในแง่ของคุณภาพสินค้า บอกได้เลยว่า คุณภาพคับราคา ใส่แล้วปลอดภัย เพราะถ้าไม่ได้มาตรฐานทาง อย.ไม่มีทางให้อนุญาตเด็ดขาด และเราทำธุรกิจอย่างตรงไปตรงมา มีการเปิดบริษัทขึ้นมาเพื่อนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะ ฉะนั้นอยากให้ผู้บริโภคมั่นใจใน คอนแทนเลนส์Dream Color1
“หญิงแย้” : ขอบอกตามตรงคะ เมื่อก่อนโดยส่วนตัวไม่ชอบใส่คอนแทนเลนส์ เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ เคยใส่แล้วพบว่ามีปัญหาที่ดวงตามามากมาย ซึ่งที่เกิดปัญหาขึ้นส่วนหนึ่งอาจมาจากเราซื้อคอนแทนเลนส์ที่อาจไม่ได้มาตรฐาน ไม่ปลอดภัย ไม่ได้ดูว่ามี อย.หรือเปล่า เรียกว่า ซื้อแบบไม่รู้จักการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีปลอดภัย และไม่รู้จักวิธีการรักษาที่ถูกต้อง แต่ที่ต้องทนใส่ เพราะเราทำงานบันเทิง มีออกรายการโทรทัศน์ ถ่ายแบบ เพราะถ้าเราไม่ใส่ ก็จะดูธรรมดาไม่มีอะไรในแววตา เลยต้องใส่เพื่อความสวยงามมากขึ้น
ที่ผ่านมามีหลายบริษัทนำคอนแทนเลนส์มาให้เราลองใส่ แต่สุดท้ายก็พบว่า คอนแทนเลนส์ Dream Color1เหมาะกับเรามากที่สุด เพราะนิ่มใส่สบาย และไม่เคยทำให้ดวงตาเรามีปัญหาเลย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่ใส่แล้วต้องมานั่งทรมานไปอีก 2-3 วัน
 โดยก่อนใช้ “หญิงแย้” ก็ศึกษาข้อมูลของ Dream Color1 นะคะ แล้วก็พบว่าผลิตในโรงงานที่ได้มาตรฐานของเกาหลี และมีอย.ไทยรับรอง ทำให้เรามั่นใจในเรื่องของคุณภาพความปลอดภัย และเมื่อได้ทดลองใช้ก็ไม่ผิดหวัง เพราะ Dream Color 1 มี สีสัน ลวดลายให้เลือกมากมาย ซึ่งช่วยให้เรามีดวงตาที่สวยขึ้นได้ตามต้องการ รู้สึกมั่นใจขึ้น สามารถเปลี่ยนได้ทุกวัน อยากมีลุกส์แบบแนวสวยใส หรือสวยเปรี้ยว ก็แค่เลือกสี เลือกลาย คอนแทนเลนส์เท่านั้น จากประสบการณ์ที่ใช้แล้วดีจริง จึงตัดสินใจเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับแบรนด์ Dream Color 1คะ
และวันนี้ หญิงแย้ ก็เชื่อว่า สำหรับผู้หญิงทุกคน คอนแทนเลนส์กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันเรามาก เพราะช่วยสร้างให้เรารู้สึกมั่นใจมากขึ้น คอนแทนเลนส์กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้
คุณชมพู่ : นอกจาก Dream Color 1 จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ดวงตาสวย เปรี้ยว หวาน ใส ในแบบที่สาวๆ ต้องการแล้ว ยังช่วยรักษา และถนอมสายตาอีกด้วย เพราะเนื้อเลนส์ช่วยปรับระดับการมองให้แก่คนที่มีปัญหาสายตาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนเหมือนใส่แว่นสายตา พร้อมช่วยป้องกันแสง UVA ได้ถึง 75% และ UVB ถึง 99% ที่สำคัญคือ ของย้ำว่าเป็นคอนแทนเลนส์ที่ใส่ได้แล้วปลอดภัย 100%
Dream Color 1
ช่วยให้สาวยุคใหม่ สวยได้ ไม่ง้อศัลยกรรม
คุณชมพู่ : น้องเขาเป็นคนที่ชื่นชอบเรื่องของการทำศัลยกรรมอยู่แล้ว แต่ลูกตา ทำไม่ได้ก็จะต้องหาตัวช่วยที่ทำให้ดวงตาโดดเด่น และเปลี่ยนบุคลิกได้ พอมาเจอเราได้ลองใช้ดู แล้วพบว่ามันตอบโจทย์ที่ต้องการ คือเปลี่ยนสไตล์ เปลี่ยนบุคลิก เพราะบ้างวันอยากสวยหวาน เซ็กซี่ แบ๊วๆ ก็ตอบสนองในการทำงานของเขาได้ ก็ชอบแล้วตกลงปลงใจมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณน้องด้วย เพราะช่วยให้ Dream Color 1 เป็นที่รู้จักมากขึ้นด้วย
“หญิงแย้” : อย่างที่รู้กันนะคะ ว่า หญิงแย้ ทำศัลยกรรมเพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเอง ซึ่งในแง่ของ “ดวงตา” เรารู้กันดีว่าคือ “เสน่ห์” ที่ขาดไม่ได้เลย แต่ถึงอยากจะให้สวยแค่ไหน ในวงการแพทย์ก็ไม่มีการทำศัลยกรรมดวงตา ฉะนั้นทางออกในการสร้างเสน่ห์ให้กับดวงตาของเรา คือ การใส่ “คอนแทนเลนส์” และก็อย่างที่กล่าวข้างต้นคะว่า Dream Color 1 เป็นคอนแทนเลนส์ที่นิ่มใส่สบาย ไม่ระคายเคือง แถมได้ดวงตาสวยสดใสขึ้นมากอีก ซึ่งที่ผ่านมาพอเราใส่ Dream Color 1 ก็มีคนทักเยอะ ชมว่าดวงตาเราสวย ดูแล้วรับกับใบหน้าดีคะ
สำหรับตัวเอง คิดว่า Dream Color 1 ฝาสีม่วง น่าจะโดนใจสาวๆ เหมือนกันที่โดนใจเรา เพราะเป็นคอนแทนเลนส์ที่เหมาะกับคนที่เน้นเรื่องของแฟชั่น มีให้เลือกหลายสี หลากลาย ทั้ง แบบสวย เปรี้ยว หวาน ใส หรือต้องการเน้นธรรมชาติ Dream Color 1 ตอบโจทย์สาวๆ ได้ทั้งหมด ที่สำคัญช่วยป้องกันแสงยูวี มีปัญหาสายตาก็ใส่ได้ ถ้าใครกำลังมองหา“คอนแทนเลนส์” อยากให้ลองเลือก Dream Color 1 แล้วจะชอบถูกใจแน่นอนคะ
“อยากสวย” แบบ “ปลอดภัย”
แนะต้องเลือกให้ดี
คุณชมพู่ : “คอนแทนเลนส์” ที่วางจำหน่ายในบ้านเรามีหลากหลายยี่ห้อคะ ต้องเลือกให้ดี ดูที่ปลอดภัย เพราะ “ดวงตา” นั้นบอบบางมาก ถ้าใส่ “คอนแทนเลนส์” ที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือคุณดูแลเรื่องของความสะอาดไม่ดี โอกาสที่ดวงตาจะมีปัญหา คายเคืองแพ้ อักเสบ มีสูง ฉะนั้นอยากสวยก็ต้องรู้จักเลือกด้วยนะคะ “หญิงแย้” : จริงอย่างที่ “คุณชมพู่” บอกคะ ว่าต้องเลือกดูให้ดี เพราะหญิงแย้เองก็เคยต้องเจอกับปัญหาดวงตาร้อยแปด รักษากันอยู่นาน เพราะเราไม่รู้จักเลือกให้ดี คิดแต่ว่าอยากได้ของถูกๆ ไม่ได้ใส่ใจเรื่องของคุณภาพความปลอดภัยเลย ซึ่งจะว่าไปผลิตภัณฑ์ก็ไม่แพงเลย แถมยังมีคุณภาพ มีการรับรองความปลอดภัยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ที่สำคัญเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีแล้วก็ต้องรู้จักรักษาความสะอาดด้วย เพราะดวงตาเราอ่อนโยนมากคะ
และขอฝากไว้สำหรับคนที่อยากให้หน้าเปลี่ยน สวย ดึงดูดมากขึ้น ลองเลือก Dream Color 1 ที่เหมาะกับตัวเอง ทั้งสี และลาย รับรองว่า คุณก็สวยได้ โดยไม่ต้องทำศัลยกรรมแน่นอนคะ
ติดต่อสอบถาม
instagram @dreamcolor_1
https://www.facebook.com/DreamColor1contactlens

ที่มา..http://www.smesreport.com/
Next Prev
▲Top▲