Update

อาชีพเสริม ทำร่วมกับอาชีพหลักได้หรือไม่

| วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
หลายๆคนที่ทำงานประจำ เงินเดือนบางครั้งอาจจะไม่พอกับสิ่งที่ต้องการ เพราะปัจจุบัน สิ่งของแพงขึ้นทุกวันทำให้การใช้จ่ายก็เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้มีความต้งการในการที่จะเพิ่มรายได้ให้กับตัวเอง แล้วการเพิ่มรายได้นอกเหนือจากงานประจำต้องทำอย่างไร มีปัจจัยแบบไหนบ้าง

1.เวลา 
อย่างที่รู้ๆคือ งานประจำเข้างาน 8 โมงเช้า เลิกงาน 5 โมงเย็น บวกกับความเครียด ความล้าอีก ทำให้แทบจะไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น เพราะฉะนั้น การบริหารเวลาในการทำงานเสริม พร้อมการทำงานประจำนั้นสำคัญอย่างยิ่ง
2.ความพร้อม
ในที่นี้คืด การเตรียมการในการทำงานเสริม เนื่องจากเราต้องทำงานประจำหากต้องมาทำงานเสริมไปด้วย ควรจะเตรียมการให้พร้อมตั้งแต่แรก เมื่อถึงเวลา ก็สามารถ ใช้งานได้เลย หากำไรได้เลย
3.ทำเล
เมื่อคิดจะทำอาชีพเสริม ก็ต้องหาทำเลที่ทำเงินได้ชัวร์ อย่างเสี่ยงกับทำเลที่ไม่เหมาะเพราะเราต้องเอาเงินจากงานประจำมาลงทุน ทำให้ยิ่งต้องได้กำไรจากงานเสริมกลับมาเร็วๆ หากทำเลดีมีลูกค้าเยอะก็ไปรอดแน่ๆ
       อาชีพเสริมบางอาชีพก็สามารถทำควบคู่ไปกับงานประจำได้ บางงานก็แค่เปิดคอมเท่านั้น ก็สามารถหาเงินได้ มันแล้วแต่ความถนัดของคนๆนั้้น แต่หากว่ามีโอกาส หรือ ช่องทางก็ควรที่จะคว้าเอาใว้ก่อน แต่คนที่ทำอาชีพเสริมไปด้วยมีข้อให้คิดเยอะว่าคนที่ทำเป็นอาชีพอยู่แล้ว อย่างที่กล่าวข้างต้น เวลา  ,เงินทุน ,ความสารมารถ  ความเหนื่อยล้า ล้วนมีผลหมด

แต่ก็ยังยืนยันว่า งานประจำสามารถเดินไปพร้อมกับงานเสริมได้หากวางแผนดีๆ ก็สามารถเอางานเสริมมาเป็นงานหลักได้เช่นกัน

อาชีพเสริม ทำร่วมกับอาชีพหลักได้หรือไม่

Posted by : TAI2U on :วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ธุรกิจ ร้านถ่ายเอกสาร ยังไปรอดหรือไม่

| วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
ธูรกิจร้านถ่ายเอกสาร นับเป็นธุรกิจ ที่พบเห็นกันบ่อย และมีอยู่ทั่วไป ธุรกิจ เหล่านี้ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆกับโรงเรียน หอพัก ต่างๆ หรือสถานที่ที่ใกล้สำนักงาน ความสำเร็จของธุรกิจนี้ส่วนใหญ่ ขึ้นอยู่กับทำเลโดยตรงเพราะ ต้องเน้น ปริมาณและจำนวนที่เยอะ  ถึงจะคุ้มทุน และต้องมีความหลากหลาย เพราะต้องให้ครบวงจรเอาแบบว่าลูกค้าเข้าร้านได้ครั้งเดียว ทำเอกสารได้ครับ แบบนี้ถึงจะดี
การลงทุน และ การจัดการ
เงินทุน หากไม่มีอะไรเลย แล้วเริ่มใหม่ ก็ประมาณ 200000 - 300000 บาท เพราะต้องซื้อเครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องมืออื่นๆ อุปกรณ์ในการจัดการเอกสาร กระดาษ รวมถึงอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ
ทำเล อันนี้สำคัญที่สัดเพราะเมื่อลงทุนไปแล้วสิ่งที่จะสรา้งเงินกลับมาเร็วที่สุดคือทำเล หากทำเลดีก้มีชัยไปกว่าครึ่ง
การบริการ อันนี้ต้องบริการให้ครบวงจรและให้เร็ว คุณภาพออกมาดี ให้ลูกค้าประทับใจที่จะกลับมาอีกเพราะร้านถ่ายเอกสารมีกันเยอะ ใกล้ร้านไหนเขาก็เข้าร้านนั้น เราต้องหาความต่างและจุดขายให้ได้

ข้อควรระวัง  ควรดูแลอุปกรณ์ให้พร้อมใช้งานเสมอ  อย่าให้ลูกค้ารอนาน

หากทำเลดี บริการดี ยังไงร้านถ่ายเอกสารก็ยังอยู่ได้ครับ


ธุรกิจ ร้านถ่ายเอกสาร ยังไปรอดหรือไม่

Posted by : TAI2U on :วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ซองใส่มือถือ ไอเดีย กวนๆ ทำเงิน

| วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

ความสำเร็จของสินค้างานแฮนด์เมด นอกจากรูปแบบต้องโดดเด่นสะดุดตาแล้ว การสร้างตราสินค้า หรือสร้างแบรนด์ ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะทำให้ลูกค้าจดจำสินค้าได้ ลูกค้าเกิดความคุ้นเคย และสนใจซื้อสินค้า อย่างเช่นสินค้า “ซองหนังใส่โทรศัพท์มือถือ” ที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมานำเสนอ...

“อุทิศ แก้วกาหลง” เจ้าของงานไอเดียชิ้นนี้ เล่าว่า หลังเรียนจบด้านรัฐศาสตร์ก็ไปทำงานเป็นพนักงานออฟฟิศอยู่พักใหญ่ ต่อมารู้สึกว่าไม่ถนัดกับงานแบบนี้ ชอบงานอิสระ จึงตัดสินใจลาออกมาทำอาชีพค้าขายทั่วไป ก่อนจะหันมาทำโมเดลจำลองตัวการ์ตูนและหุ่นยนต์ขาย จนตอนหลังตลาดมีคู่แข่งอยู่มาก จึงคิดว่าน่าจะลองประดิษฐ์สินค้า ที่เป็นรูปแบบเฉพาะของตนเองขึ้น จึงเริ่มทำพวงกุญแจตัวการ์ตูน โดยระยะแรกทดลองนำไปแจกให้กับเพื่อนฝูงและคนรู้จัก ปรากฏว่าหลายคนชอบ จึงคิดว่าน่าจะพัฒนามาเป็นสินค้าได้ จึงเริ่มทำจริงจังโดยวางจำหน่ายที่บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี รามคำแหง ซึ่งเป็นทำเลประจำจนถึงปัจจุบัน

หลังจากทำพวงกุญแจ ต่อมาก็พัฒนามาเป็นตุ๊กตาสำหรับห้อยกับโทรศัพท์มือถือ และ “ซองหนังใส่โทรศัพท์มือถือ” โดยรูปแบบสินค้าจะเน้นที่ “ตัวการ์ตูนหน้าตากวน ๆ สีสันสดใส” เพราะ ตนเองชอบงานในรูปแบบนี้อยู่แล้ว ต่อมาคิดว่าในตลาดสินค้าแฮนด์เมด การลอกเลียนแบบหรือก๊อบปี้มีสูง จึงคิดว่าสินค้าก็น่าจะมี “ยี่ห้อ” เพื่อให้ลูกค้าจดจำได้ จึงใช้ชื่อ “แขกดอย” ซึ่งเป็นคำผวนที่เพื่อนมักชอบเรียกชื่อเล่นของตน

“นอกจากลูกค้าจะจำสินค้าได้ ชื่อนี้ก็ใช้เป็นชื่อที่ทำให้ลูกค้าสนิทกับเราได้มากขึ้น เพราะชื่อสินค้าไปได้ดีกับรูปแบบสินค้าของเราที่เป็นตัวการ์ตูนกวน ๆ ก็ถือว่าได้ประโยชน์จากแบรนด์สองทาง” อุทิศบอก

สำหรับรูปแบบของชิ้นงานในปัจจุบันที่ทำจำหน่ายอยู่นั้น มีอยู่ 3 ชนิดคือ ที่ห้อยโทรศัพท์มือถือ พวงกุญแจ และซองโทรศัพท์มือถือ โดย ชนิดหลังลูกค้าให้การตอบรับเป็นพิเศษ เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้มาก ทั้งใส่โทรศัพท์มือถือ ทั้งใส่เศษสตางค์ รวมถึงใส่ของกระจุกกระจิก ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นวัยรุ่น นักศึกษา พนักงานออฟฟิศ รูปแบบชิ้นงาน จึงเน้นสีสันฉูดฉาด ส่วนตัวการ์ตูนก็จะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ โดยจุดเด่นอยู่ที่รอยยิ้ม

ทุนเบื้องต้นของงานประเภทนี้ อยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทขึ้นไป ส่วน ทุนวัสดุ อยู่ที่ประมาณ 40% จากราคาขาย ส่วนรายได้-ราคาขาย ต่ำสุดชิ้นละ 49 บาท ขึ้นไปจนถึงชิ้นละ 89 บาท ขึ้นกับขนาดและชนิดสินค้า

วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ในการทำ ประกอบด้วย เข็มกับด้ายสีสันต่าง ๆ, กระดุมสีขนาดต่าง ๆ สำหรับใช้ตกแต่งตัวการ์ตูน, สแตรปเปิ้ล (เครื่องเย็บกระดาษ), ดินสอ, ไม้บรรทัด, คีม, ฝากระป๋อง สำหรับใช้เป็นแม่พิมพ์ร่างแบบ, หนังเทียม สีสันต่าง ๆ, ห่วงสำหรับทำพวงกุญแจและร้อยเชือก, เชือกฝ้ายสำหรับสะพาย และหนังยางมัดผม

ขั้นตอนการทำ เริ่มจากร่างแบบตัวการ์ตูนที่ออกแบบไว้ลงบนกระดาษแข็ง จากนั้นทำการตัดกระดาษตามแบบที่ร่างไว้เพื่อใช้เป็นแบบในการตัดหนังเทียม เพื่อขึ้นรูปเป็นตัวการ์ตูน นำแบบที่ได้มาทาบลงบนด้านหลังของหนังเทียม จากนั้นทำการลากเส้น และตัดขึ้นรูปตามแบบ ขั้นต่อไปให้นำส่วนประกอบที่ตัดขึ้นรูปไว้มายึดติดด้วยเครื่องยิงกระดาษเพื่อให้ชิ้นงานไม่ขยับขณะทำการเย็บ นำผ้าขาวมารองพื้นตรงบริเวณด้านหลังของหนัง เพื่อปิดบังไม่ให้เห็นรอยเย็บ ทำการเย็บขึ้นรูปเป็นตัวการ์ตูนโดยใช้กระดุมหรือด้ายเย็บเป็นลวดลายต่าง ๆ ตามที่ออกแบบไว้

มีข้อแนะนำคือ ด้ายที่ใช้เย็บเป็นตัวการ์ตูนควรใช้เป็นสีเดียวกับหนังเทียมที่ขึ้นรูปเป็นส่วนลำตัว และการตัดแผ่นหนังที่จะใช้เป็นส่วนประกอบของซองโทรศัพท์ด้านหน้าและหลังนั้น ด้านหลังต้องวัดเผื่อความยาวจากด้านหน้าประมาณ 4 เซนติเมตร เพื่อที่จะพับเป็นฝาปิดซอง เมื่อได้แล้วให้ทำการกรีดหนังเทียมด้วยคัตเตอร์ที่ด้านหลังของซองโทรศัพท์ เพื่อให้เป็นที่ใส่ห่วงสำหรับร้อย

จากนั้นทำการเย็บประกบแผ่น หนัง และร้อยเชือกสำหรับสะพาย เป็นอันเสร็จขั้นตอนการทำ

“รายได้ในปัจจุบัน นอกจากจะมีจากการผลิตสินค้าเพื่อวางขายที่หน้าร้านแล้ว ก็ยังมีรายได้เสริมอีกทางจากการรับผลิตงานตามแบบของลูกค้าที่สั่งทำพิเศษ เพื่อนำไปใช้เป็นของที่ระลึก ของชำร่วย ในงานแต่งงาน หรืองานอื่น ๆ อีกด้วย” เจ้าของงานกล่าว

อุทิศมีทำเลขายชิ้นงานไอเดีย รวมถึง “ซองหนังใส่โทรศัพท์มือถือ” ที่บริเวณด้านหน้าห้างบิ๊กซี สาขารามคำแหง โดยขายประจำทุกวันเวลา 20.00-22.00 น. ใครสนใจก็ลองแวะเวียนไปดูกันได้ หรือหากต้องการติดต่อกับอุทิศก็ติดต่อได้ที่ โทร. 08-5159-1191 08-5159-1191 หรือที่อีเมล kake252@hotmail.com.

ที่มา เดลินิวส์ http://www.dailynews.co.th/

ซองใส่มือถือ ไอเดีย กวนๆ ทำเงิน

Posted by : TAI2U on :วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

นกเอื้อง รังสรรค์งานฝีมือ อารมณ์ดี

|
อ่านเพิ่มเติม »

นกเอื้อง Owl Family ชื่อแบรนด์ตุ๊กตานกฮูก งานแฮนด์เมดที่เกิดขึ้นจากสาวเชียงใหม่ที่หลงใหลใน เจ้าสัตว์ตัวน้อยอย่างนกฮูก และจากของสะสม ที่ยังไม่เต็มอิ่ม สาว “กรกช ณ ลำปาง” หรือ “แนท” เธอได้ลุกขึ้นมาคิดประดิษฐ์เจ้านกฮูกขึ้นมาเอง จากผ้าพื้นเมือง บวกกับงานศิลปะด้านการเพนท์ที่เธอถนัด ได้ออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ “นกเอื้อง” ดังกล่าว
แนท เล่าว่า จุดเริ่มต้น เกิดจากความชอบนกฮูกของทุกคนในครอบครัว ทุกครั้งที่ได้เจออะไรที่เกี่ยวกับนกฮูกวางขายที่ไหนก็จะซื้อเก็บมาสะสม จนปัจจุบันนี้ที่บ้านกลายเป็นบ้านนกฮูกไปแล้ว เพราะมีนกฮูกนับร้อยตัว และเมื่อ2ปีที่ผ่านมา ที่มีการจัดงานออกบูทแสดงสินค้าที่ Thinkpark ตรงถนนนิมมานเหมินทร์ พี่สาวได้ทำเสื้อ"คิดถึงเชียงใหม่"ไปออกบูทขายภายในงาน ตนเองจึงลองทำนกฮูกไปขายด้วย ในขณะนั้นไม่ได้คาดหวังว่าจะขายได้มากน้อยเพียงใด แต่ที่ทำเพราะชอบและอยากลองว่าผลตอบรับจะออกมาเป็นไง จะมีคนชอบมั้ย ซึ่งในครั้งนั้นได้ออกแบบไป 2 แบบ คือ เป็นพวงกุญแจ และที่ห้อยโทรศัพท์ ใช้ผ้าพื้นเมืองของเชียงใหม่มาตัดเย็บ และใช้เทคนิคการเพนท์ ปรากฎว่าผลตอบรับดีเกินคาด มีคนชอบและชมว่างานของเราน่ารัก

สำหรับลูกค้าจะมีหลากหลาย มีทั้งนักท่องเที่ยว ที่มาเที่ยวเชียงใหม่ และคนทั่วไป ซึ่งบ้างคนก็ซื้อใช้เอง บ้างก็ซื้อไปฝาก ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน และจากความสำเร็จในการออกงานครั้งนั้น เป็นตัวจุดชนวนให้เราสานต่อ และทำมาจนถึงทุกวันนี้ โดยยังคงเป็นงานอดิเรกที่ใช้เวลาว่างจากงานประจำ และค่อยๆออกแบบใหม่ๆ มาเรื่อยๆ ด้วยความคิดเพียงแค่ว่า อยากทำนกฮูกที่ทำให้ทุกคนมีความสุข โดยงานทุกชิ้นเป็นงานแฮนด์เมด ทำให้เราสามารถคิดออกแบบได้อย่างไม่จำกัด และเลือกใช้วัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น เช่น ผ้าดิบ ผ้าพื้นเมืองที่มีสีสันสดใส แล้วตกแต่งด้วยการนำสีอะคริลิกมาเพนท์เน้นรูปร่างหน้าตาที่ดูน่ารักสดใส และอารมณ์ดี ส่วนราคานกฮูกรุงรัง (ไหมพรมขนแกะ) พวงกุญแจ 99 บาท นกฮูกรุงรัง (ไหมพรมขนแกะ) สายห้อยโทรศัพท์ 69 บาท นกฮูกผ้าเมืองหลากสี&นกฮูกเพนท์ (พวงกุญแจ) 59 บาท
สำหรับ นกฮูกในความเชื่อของญี่ปุ่น หมายถึง ความสุข-ความโชคดี ดังนั้นทางร้านจึงออกแบบคาแรคเตอร์นกฮูกที่เน้นสร้างความสุขและอารมณ์ดี ด้วยสีหน้าหลากหลายแบบ เช่น ยิ้ม ง่วงนอน งงๆ ตื่นเต้น เป็นต้น ซึ่งลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการได้สีหน้าแบบไหน โดยจะรับทำตามออร์เดอร์ ทุกรูปแบบ ลูกค้าสามารถกำหนดสี ขนาด รูปแบบการใช้งานได้ ซึ่งที่ผ่านมา เราได้ทำออกเป็น กระเป๋า สายคล้องกล้อง ซองใส่มือถือ หรือเป็นสัตว์แบบอื่นที่ไม่ใช่นกฮูกก็ได้ นอกจากนี้ ล่าสุด ได้ออกแบบผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ ซึ่งใช้ไหมพรมขนแกะมามัดเป็นตัวกลมๆ ขนฟูๆ เหมือนนกฮูกจริงๆ แต่ยังคงคาแรคเตอร์น่ารักๆ สื่อผ่านสายตา และสร้างความสุขให้กับผู้ใช้
ทั้งนี้ ขั้นตอนการทำเรียนรู้มาจากทักษะการเย็บผ้าที่เคยเรียนสมัยเด็กๆ และจำเวลาแม่ทำงานเย็บผ้าให้ลูกค้า แล้วลองปรับใช้กับตัวนกฮูก โดยเย็บเป็นตัวแล้วยัดเส้นใยโพลีเอสเตอร์ และปรึกษาการทำตุ๊กตาจากน้าสาวซึ่งเป็นอาจารย์สอนด้านการทำตุ๊กตาด้วย ส่วนตัวที่เป็นนกฮูกรุงรัง(ไหมพรมขนแกะ) ได้ไอเดียจากตุ๊กตาปอมปอม แล้วมาปรับให้ได้ตามแบบที่คิดไว้ ไอเดียส่วนใหญ่จะมาจากนกฮูกต่างๆ ที่สะสมและที่เคยเห็น มาปรับแต่งให้เป็นสไตล์ของตัวเอง

ส่วนช่องทางการจัดจำหน่าย เนื่องจากยังต้องทำงานประจำ จึงไม่ได้มีร้านจำหน่ายหลัก แต่อาศัยการออกบูทขายในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นบางครั้ง แต่หลัก รับทำตามออร์เดอร์ลูกค้าและจัดส่งให้สำหรับลูกค้าต่างจังหวัด ซึ่งที่ผ่านมาใช้ช่องทางการขายผ่านทางเว็บไซต์ facebook :www.facebook.com/owlfamily ลูกค้าส่วนหนึ่งมาจากการสั่งผ่านเว็บไซต์ และการบอกกันแบบปากต่อปาก

สำหรับแนวทางในอนาคต ปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้มีมาตรฐานสูงขึ้น และสร้างผลิตภัณฑ์ที่เน้นประโยชน์ใช้สอยเพิ่มขึ้นมา เพื่อให้ตลาดกว้างขึ้น เช่น กระเป๋าแบบต่างๆ เสื้อ เป็นต้น ลองใช้วัสดุในการผลิตแบบอื่นให้เกิดความหลากหลาย แต่ยังคงเน้นคอนเซ็ปต์ "ทำนกฮูกที่ทำให้คนมีความสุข มาเป็นครอบครัวนกฮูกด้วยกัน" นอกจากนั้นจะทำเป็นคอลเลกชั่นนกเอื้องแต่ละรุ่นสำหรับคนที่สะสมด้วย ส่วนที่มาของชื่อ ร้าน "นกเอื้อง" มาจากชื่อของพ่อนก กับแม่ชื่อเอื้อง มารวมกัน แล้วเพิ่มชื่อภาษาอังกฤษ Owl Family เข้าไปเพื่อให้สื่อถึงชาวต่างชาติที่สนใจ และยังคงความหมายของ "ครอบครัวนกฮูก

งานแฮนด์เมด (Handmade) หรือเรียกอีกอย่างนึงก็ได้ว่างานฮาร์ทเมด(Heart made) คือต้องมีใจรักในการทำจริงๆ ถึงจะทำออกมาได้ เพราะเป็นงานที่ต้องอาศัยความอดทน ประนีต และใส่ใจลงไปในงานทุกชิ้น นกฮูกทุกตัวที่ทำขึ้นมา มีความสุขอยู่ในตัวนกฮูกด้วย ความสุขที่มาจากคนทำ และความสุขที่ได้จากลูกค้า เวลาที่ลูกค้ารับนกฮูกไปอุปการะ ก็อยากให้เค้าดูแลให้ดี เพราะคนทำรู้สึกว่านกฮูกที่ทำออกมาเหมือนลูกนกฮูกตัวน้อย ต้องการการดูแลเอาใจใส่” แนทกล่าวทิ้งท้าย

โทรศัพท์ 08-2034-1117

ที่มา...http://www.thaiday.com/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9540000039171

นกเอื้อง รังสรรค์งานฝีมือ อารมณ์ดี

Posted by : TAI2U on : With 0ความคิดเห็น
Tag :

Nice Cream ไอติม โฮมเมด

|
อ่านเพิ่มเติม »
เราผลิตและจำหน่ายไอศครีม Homemade กว่า 90 รสชาติ ขายส่งสำหรับผู้สนใจลงทุนทำธุรกิจร้านขายไอศกรีม และมีบริการเปิดซุ้มไอศกรีมตามงานนอกสถานที่ต่าง ๆ ทั้งนี้ เราจำหน่ายไอศกรีม 4 ประเภท หลัก ๆ คือ เชอร์เบ็ทผลไม้ นมและครีม ไบโอโยเกิร์ต และรสพิเศษ ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองความอร่อยได้กับ Nice Cream ของเรา


แนะนำร้านค้า ร้าน Nice Cream ดิ ไอติมโฮมเมด


สวัสดีค่ะ ขอขอบคุณมากนะค่ะที่สนใจในธุรกิจไอศกรีม เพราะแนนเป็นคนนึงที่รักในไอศกรีมค่ะซึ่งธุรกิจทางด้าน Ice-Cream HomeMade เป็นไอศกรีมที่ผลิตขึ้นเอง เนื่องจากธุรกิจทางด้านไอศครีมนี้ เป็นที่ต้องการและยังมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายรองรับอีกจำนวนมาก ทางเรา Nice Cream The i-tim : ไนซ์ครีม ดิ ไอติม โฮมเมด จึงเล็งเห็นว่า เป็นการสร้างธุรกิจและสร้างอาชีพทางเลือกให้กับคุณที่สนใจ และเราพร้อมที่จะแนะนำท่าน สอนท่าน วางระบบให้ท่าน ตั้งแต่แรกเริ่ม
ซึ่งไอศกรีมทั้งหมดที่แนนมีจะแบ่ง ดังนี้ ไอศกรีมเชอร์เบ็ท (Sherbet) ที่มีการผสมเนื้อผลไม้แท้ ๆลงไปด้วย เช่น สตอเบอรี่ มะม่วง ลิ้นจี่ แอ๊ปเปิ้ลแครนเบอรี่ เชอร์รี่เบอรี่ กระท้อน และผลไม้ตามฤดูกาล
ไอศกรีมประเภทนม (Milky) ชาเขียว บานาน่าช๊อค นมสด
ไอศกรีมประเภทโยเกิร์ต (Yoghurt) เช่น โยเกิร์ตมะม่วง โยเกิร์ต บลูเบอร์รี่ ยาคูลท์ และอีกมากมายกว่า 40รสชาติ
และที่สำคัญคือ
สามารถสร้างแบรนด์ไอศกรีมเป็นแบรนด์ของตนเองได้
ราคาส่ง 130- 210 / กิโลกรัม หรือจะสั่งบรรจุเป็นถ้วยก็ได้ค่ะราคา 15-25 บาทค่ะและ รับจัดงานนอกสถานที่ บริการชิมถึงบ้านค่ะเฉพาะ กทม.นะค่ะ ตอนนี้มีบริการส่งต่างจ.ด้วยนะค่ะ ลองโทรมาสอบถามได้ค่ะ หรือจะโทรปรึกษาเกี่ยวกับธุรกิจไอศกรีมก่อนก็ได้นะค่ะ ยินดีให้คำปรึกษา ไม่ต้องเกรงใจนะค่ะ ไม่เข้าใจอะไรถามได้เลยนะค่ะ และแนนก็มีโปรโมชั่นราคาไอศกรีมให้กับลูกค้าทุกคนค่ะเพื่อช่วยให้ลูกค้ามีกำไรเพิ่มมากขึ้น จัดทุกเดือนค่ะ ติดต่อแนนได้ที่

nicecream_homemade@hotmail.com หรือ http://nicecreamhomemade.blogspot.com/


เข้าไปดูข้อมูลในfacebook ได้นะค่ะ http://www.facebook.com/NiceCreamThailand

แวะเข้าไปกด like ให้ด้วยนะค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ
แนน 086 - 5242270
ขอบคุณค่ะ

ที่มา....http://www.nicecream-homemade.com/

Nice Cream ไอติม โฮมเมด

Posted by : TAI2U on : With 0ความคิดเห็น

Yhor รองเท้าหนังผสานผ้าไทย สไตล์ไม่ซ้ำ

| วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »

กลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่เมื่อถึงจุดอิ่มตัวมนุษย์เงินเดือนจะตัดสินใจลาออกจากงานประจำเลือกเดินในเส้นทางธุรกิจ ยึดอาชีพเป็นนายตัวเอง เช่นเดียวกับอดีตเซลส์แมนจากองค์กรใหญ่ กล้าแหวกแนวทำรองเท้าหนังแบรนด์ “Yhor” (ยอร์) ประยุกต์ผ้าไทยแต่งลวดลายไม่ซ้ำ มองไกลตลาดอินเตอร์

       ต้นทุนในวัยเด็กที่เคยคลุกคลีกับแวดวงรองเท้ามาบ้าง จากคุณพ่อเป็นดิสทริบิวเตอร์ขายรองเท้า มีโอกาสได้ช่วยในธุรกิจนี้ ทำให้เมื่อ “นายวีรวิชญ์ ส่งพิริยะกิจ” ผู้เป็นลูกชายอยากทำธุรกิจก็นึกถึงรองเท้าขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ แต่โจทย์ยากอยู่ที่จะทำอย่างไรให้มีความแตกต่าง และสะดุดแก่ผู้พบเห็น

       เขาจึงนำความชอบส่วนตัวที่เห็นผ้าไทยทอมือของชาวบ้านแล้วรู้สึกว่ามีเสน่ห์ เปี่ยมคุณค่า และน่านำมาเพิ่มมูลค่าได้ จึงคิดนำมาเป็นองค์ประกอบหนึ่งของรองเท้า สุดท้ายจึงกลายเป็นที่มาของรองเท้าหนังผ้าไทยแบรนด์ “Yhor”


       “ตอนที่ผมเป็นพนักงานประจำได้ระยะหนึ่งก็รู้สึกเบื่ออยากออกมาทำธุรกิจของตัวเอง ประกอบกับโดยส่วนตัวผมชอบเดินทางท่องเที่ยว กระทั่งไปเจอกลุ่มชาวบ้านที่ทอผ้าขาย เห็นว่าสวยดีมีลวดลายแปลกๆ และสีสันไม่ซ้ำเพราะเป็นสีจากธรรมชาติ ก็คิดว่าผ้าเหล่านี้น่าจะนำมาต่อยอดได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า ของกระจุกกระจิก ก็ล้วนมีคนนำผ้าไทยมาประยุกต์เป็นสินค้าแล้ว ผมจึงมองไปที่รองเท้าที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ก็พบว่ายังไม่มีคนนำหนังแท้กับผ้าไทยมาทำเป็นรองเท้า”

       เมื่อเขามุ่งมั่นที่จะเดินเข้าสู่วงการผลิตรองเท้าหนังจากผ้าไทย ก็ตัดสินใจลาออกจากงานประจำทันที อาศัยกินเงินเก่าไปวันๆ พร้อมกับไปเรียนการผลิตรองเท้าหนังขั้นพื้นฐานจากสถาบันออกแบบรองเท้าโดยเฉพาะ ที่สอนตั้งแต่ภาคทฤษฎี ทำแพตเทิร์น และลงมือทำรองเท้าขึ้นเอง ขั้นตอนเหล่านี้เขาใช้เวลา 1 ปีในการเรียนรู้และลองผิดลองถูก โดยมีอาจารย์เป็นที่ปรึกษา
       การเลือกเฟ้นโรงงานผลิตเป็นสิ่งสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการออกแบบ เพราะกว่าจะนำไอเดียมาประยุกต์วัสดุสองอย่างให้ใช้งานได้จริงเป็นเรื่องใหม่สำหรับโรงงาน ปัญหาหลักในช่วงแรกที่เจอ คือ ผ้าบางกว่าหนัง ดังนั้นจะทำอย่างไรให้ผ้ามีความแข็งแรงเหมือนหนัง ขั้นตอนนี้กว่าจะลงตัวต้องใช้เวลาหลายเดือน กระทั่งเริ่มธุรกิจได้เมื่อปี 2555 ที่ผ่านมา



       ตลาดต่างประเทศคือเป้าหมายหลักที่เขามองไว้ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นที่ชอบในงานผ้า และสีสัน ขณะที่รูปแบบรองเท้าก็ครอบคลุมทุกการใช้งาน Yhor ออกแบบรองเท้าไว้ 3 กลุ่ม ได้แก่ ทรงทางการ มีการนำผ้าไทยเข้าไปเป็นซับใน, แบบลำลอง นำผ้าไทยมาผสมผสานเข้ากับหนัง และแบบที่ใช้ผ้าไทยล้วนๆ หวังโชว์เอกลักษณ์และลวดลายผ้าไทยแบบเต็มๆ ทำให้สวมใส่ได้ทุกเพศทุกวัย ขณะที่ในส่วนของหนังวัวเป็นหนังออยล์ หนังกลับ หนังนิ่ม หนังนูบัค หนังซีซีโอ สามารถทำความสะอาดได้ง่ายเพียงนำแปรงสีฟันมาจุ่มลงในน้ำสบู่ ค่อยๆ แปรงลงไปที่รอยเปื้อนเท่านั้น


       “นอกจากผ้าไทยที่เราเลือกนำมาเป็นส่วนตกแต่งรองเท้าหนังแล้ว ผ้าไทยยังมีคุณสมบัติพิเศษ คือไม่เก็บความชื้น ไม่เก็บกลิ่น ดังนั้นไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นเหงื่อ โดยลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงานอายุไม่เกิน 30 ปี และผู้ใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง และชื่นชอบรองเท้าหนังแท้ เนื่องจากสวมใส่สบายไม่กัดเท้า ภายในมีการบุผ้าอย่างดี ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงที่ให้ความสนใจ ทำให้รองเท้า Yhor มีแบบผู้ชายประมาณ 8-10 แบบ และหญิงอีก 4-5 แบบ แนวโน้มจะผลิตรองเท้าผู้หญิงเพิ่มมากขึ้น โดยราคาอยู่ที่ 1,500-2,500 บาท”

       สำหรับอนาคต เขามองตลาดต่างประเทศ เริ่มจากกลุ่มลูกค้าประเทศแถบเอเชียก่อน อย่าง เวียดนาม มาเลเซีย และเกาหลี และจึงขยายไปประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ต่อไป รวมถึงมองหาคู่ค้าที่จะรับสินค้าไปจำหน่ายต่อ แต่ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป เพราะขณะนี้รองเท้า Yhor มีกำลังการผลิตเพียง 400-500 คู่/เดือนเท่านั้น และยังมีขั้นตอนการทำมือ (ทากาว, ตัดหนัง) อยู่ประมาณ 70% นอกนั้นใช้เครื่องจักรจากโรงงาน ส่วนแผนการพัฒนาสินค้า จะแตกไลน์ผ้าไทยเป็นสินค้าตกแต่งบ้าน และนำวัสดุอื่นที่ไม่น่าจะมาหลอมรวมกันได้ทำเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ขึ้นมา


       ***สนใจติดต่อ 08-4529-5144 หรือที่ www.yhorstyle.com, Facebook : YHORSTYLE***



ที่มา....http://www.manager.co.th/iBizChannel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000013247

Yhor รองเท้าหนังผสานผ้าไทย สไตล์ไม่ซ้ำ

Posted by : TAI2U on :วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ร้านเบเกอร์รี่ อยากมีใช่ไหมล่ะ

| วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557
อ่านเพิ่มเติม »
ก่อนเปิดร้านเบเกอรี่ (Bakery) ต้องเตรียมความพร้อมอะไรบ้าง กำลังคน กำลังเงิน วัสดุอุปกรณ์ การบริหารจัดการ วิธีการเปิดร้านเบเกอรี่ ต้องทำอย่างไร หลายคำถามคงอยู่ในใจของผู้ที่ต้องการเริ่มธุรกิจนี้ใช่ไหมครับ อาชีพเสริมอาชีพทำเงิน วันนี้นายอาชีพจะมาว่าด้วยเรื่อง ธุรกิจร้านเบเกอรี่ เชื่อว่าหลายๆคนคงมีความฝันว่าสักวันหนึ่งอยากจะเปิดร้านเบเกอรี่เป็นของตัวเอง เพื่อทำเป็นอาชีพเสริม หรืออยากจะทำเป็นอาชีพหลักโดยเป็นเจ้าของกิจการอย่างเต็มตัว แต่ก่อนที่จะเปิดร้านเบเกอรี่นั้น เจ้าของธุรกิจจะต้องมีการวางแผนในการบริหารจัดการร้านก่อน ต้องมีความรู้ในการทำเบเกอรี่ และที่สำคัญต้องมีใจรักในสิ่งที่ทำ มาทำความรู้จักธรุกิจเบเกอรี่กันครับ
ร้านขนมปังหรือร้านเบเกอรี่ (Bakery) คือร้านค้าที่ผลิตขนมอบ อาทิ ขนมปัง พาย เค้ก ขนมปังกรอบ คุกกี้ โดนัท และอีกหลายอย่าง และนำมาวางขายภายในร้าน เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกซื้อขนมอบสดใหม่จากเตา ร้านขนมปังบางร้านมีมุมกาแฟหรือชาในลักษณะคาเฟ่ให้บริการด้วย ดังนั้นถ้าตั้งใจจะเปิดร้านเบเกอรี่แล้ว ควรขายชาแกแฟหรือเครื่องดื่มอื่นๆเพิ่มเติมไปด้วยเพื่อความหลากหลายภายในร้านและยอดขายที่จะตามมา แต่ธุรกิจร้านเบเกอรี่ใช่ว่าจะปูทางไปด้วยกลีบกุหลาบ หลายๆร้านที่เปิดใหม่มักไปไม่รอดและปิดตัวลง ทั้งนี้มาจากปัจจัยหลายๆอย่าง

รสชาติและความอร่อย รสชาติของสินค้า บางร้านทำได้แย่มาก หวานไป เค็มไป ขนมปังก็แข็งเกินไป แบบนี้ลูกค้าได้ชิมครั้งเดียวก็คงหนีหมด แถมบอกปากต่อปากอีกด้วย
ข้อแนะนำ ควรเลือกวัตถุดิบชั้นดี มีคุณภาพ เน้นความสดใหม่และสะอาดให้ถือเป็นกฎเหล็ก เจ้าของธุรกิจมือใหม่ ควรศึกษาถึงสูตรต่างๆอย่างลึกซึ้ง และนำมาปรับใช้ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดียิ่งขึ้น  เจ้าของธุรกิจมือใหม่ควรจะเข้าคอรส์เรียนทำเบเกอรี่ มีสถานที่เรียนมากมายทั้งของรัฐและเอกชน ถ้าไม่อยากเสียเงิน มีสอนทำเบเกอรี่และเรียนฟรีอีกต่างหาก แนะนำที่ ศูนย์ฝึกอาชีพกรุงเทพมหานคร มีวิชาให้เลือกเรียนมากมาย

การตบแต่งร้าน ควรจัดร้านให้ดูสะอาด โล่ง โปร่ง เห็นแล้วชวนให้เข้าไปนั้ง อุปกรณ์ต่างๆ จาน ช้อน ตู้กระจก เคาท์เตอร์ ไม่ควรให้มีฝุ่น จัดร้านให้ดูดี เป็นระเบียบ และแสงไฟในการแต่งร้านช่วยได้มาก
ข้อแนะนำ บรรยากาศการตบแต่งและแสงไฟภายในร้านเป็นตัวดึงดูด ให้คนที่ผ่านไปมา อยากลองเข้าไปนั่ง การตบแต่งร้านเบเกอรี่ก็แล้วแต่สไตล์ของเจ้าของร้าน เช่น การแต่งร้านให้ดูทันสมัย การแต่งร้านให้ดูอบอุ่น การแต่งร้านให้ดูคลาสสิก การเลือกโต๊ะเก้าอี้ให้เข้ากับร้านก็เป็นส่วนสำคัญ

การบริการ จงจำไว้ว่าลูกค้าคือพระเจ้า ร้านเบเกอรี่ที่มีเจ้าของยืนขายเอง หรือจ้างคนมาดูแลร้าน จำเป็นอย่างมากที่ต้องเน้นเรื่องการบริการ การให้ความเป็นมิตร การยิ้มแย้มแจ่มใส ความสุภาพ เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ลองนึกถึงว่าเราเป็นลูกค้าและไปเจอร้านเบเกอรี่ที่บริการแย่ คุณจะเข้าอีกไหม
ข้อแนะนำ การจัดการอบรมพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ และเจ้าของร้านควรติดกล้องวงจรปิด เพื่อดูพฤติกรรมของลูกจ้าง และตัวเจ้าของร้านเอง ต้องเป็นตัวแบบและผู้นำให้ลูกจ้างทำตามในเรื่องของการบริการ

ราคาสินค้าในร้าน ควรกำหนดราคาให้เหมาะสม ไม่ถูกและไม่แพงจนเกินไป
ข้อแนะนำ สำรวจและสังเกตุตลาดและดูความนิยมในการบริโภคของร้านอื่นๆ และนำมาปรับกับร้านของเรา

ทำเลที่ตั้ง อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินทุน ถ้าร้านเบเกอรี่อยู่ใกล้ที่ชุมชนและรสชาติขนมภายในร้านอร่อย อันนี้คงไม่ต้องบอกว่าขายดิบขายดีแน่ๆ แต่ถ้าทำเลไม่ได้อยู่ที่ชุมชนอันนี้เราต้องหาจุดแข็งของร้านเราแล้วล่ะว่าร้านเรามีอะไรดี เช่นขนมอร่อยมาก ราคาไม่แพงเวอร์ บริการดีเยี่ยม แล้วคนจะบอกกันปากต่อปากเองว่าร้านเราอยู่ไหน
ข้อแนะนำ ในกรณีที่ร้านอยู่ไกลที่ชุมชน ควรทำการตลาดให้มากหน่อย เช่นโปรโมทร้านทางเว็บไซต์ หรือ การมีส่วนลดพิเศษ ของแถม ต่างๆ

การบริหารจัดการ การลงทุนเปิดร้านเบเกอรี่ไม่ว่าจะเป็นร้านเล็กๆหรือร้านใหญ่ แนะนอนว่า สินค้าภายในร้านจะต้องมีเยอะและหลากหลาย การทำงานคนเดียวคงเหนื่อยเอาการ การจ้างคนมาทำงานช่วย จะช่วยให้ร้านเป็นระบบมากขึ้น แต่ถ้าคิดว่าทำคนเดียวไหว ก็ลุยเลย
ข้อแนะนำ ในการเพิ่มสินค้าให้มีหลากหลายภายในร้าน เจ้าของร้านเบเกอรี่ อาจจะรับขนมจากที่อื่นมาขายก็ได้ โดยรับมาและติดแบรนด์สินค้าที่เป็นของเรา แต่เจ้าของร้านเบเกอรี่ต้องคัดและเน้นที่รสชาติของความอร่อย คัญที่สุดคือความสดใหม่และสะอาด

วิเคราะห์ : เปิดร้านเบเกอรี่ ไปได้ไกลแค่ไหน
จะเห็นได้ว่าทุกวันนี้ วัฒนธรรมตะวันตก เข้ามามีบทบาทมากในประเทศไทย การเข้าร้าน bakery การกินอาหารฟาสต์ฟู้ด( fast food ) ต่างๆ เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะความสะดวกรวดเร็ว ธุรกิจเบเกอรี่ที่มีการบริหารจัดการที่ดี และมีรสชาติอร่อยรับรองว่าไปได้อีกไกล ความหอมหวานของเบเกอรี่นั้นมีแรงดึงดูด เพราะคนวัยไหนก็ทานได้ โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงและเด็ก อีกทั้งคนวัยทำงานที่ชอบความสะดวกรวดเร็ว ธุรกิจร้านเบเกอรี่ไม่ได้เปิดยากอย่างที่คิด เพราะทุกวันนี้มีแฟรนไชส์ร้านเบเกอรี่ให้เลือกมากมาย แต่ถ้าอยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ก็ไม่ว่ากัน เพราะถ้าร้านเราติดตลาดก็รับเต็มๆไม่ต้องแบ่งให้ใคร
ข้อแนะนำ ก่อนเปิดร้านเบเกอรี่ เจ้าของธุรกิจมือใหม่ควรหัดทำขนมหลายๆแบบแล้วเอาให้คนรอบข้างชิม แต่อย่าบอกว่าเราเป็นคนทำเอง ให้บอกว่าไปซื้อมา แล้วดูเสียงตอบรับว่ารสชาติเป็นอย่างไร ถ้ามีเสียงตอบรับดี และคนรอบข้างบอกว่าซื้อที่ไหน พาไปซื้อหน่อย แสดงว่าท่านมีแววแล้วล่ะ มาถึงตอนนี้การหารายได้พิเศษและรายได้เสริม ในที่สุดก็จะกลายมาเป็นอาชีพทำเงินและเติบโตเป็นธุรกิจครอบครัวให้ลูกหลานต่อไป

ผู้เขียน: นายอาชีพ

ร้านเบเกอร์รี่ อยากมีใช่ไหมล่ะ

Posted by : TAI2U on :วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 With 0ความคิดเห็น

ไม่สต๊อกสินค้า ไม่มีเงินทุน ขายของได้ไหม

|
อ่านเพิ่มเติม »
หาอาชีพเสริมเพื่อเพิ่มรายได้ ตอน 2 การขายของโดยไม่ต้องมีเงินทุน และ ไม่ต้องสต็อกสินค้า 

มาทำความรู้จักกับการทำธุรกิจ Dropship (ดรอปชิบ)
พูดง่ายๆว่า เป็นการทำธุรกิจแบบจับเสือมือเปล่า หรือจับแพะชนแกะ หรืออะไรแล้วแต่ที่เราจะเรียก

Dropship คือ ระบบบริหารจัดการโดยจะมีตัวกลางคอยสนับสนุนเกี่ยวกับสินค้า ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ รายละเอียดสินค้า พร้อมด้วยราคาพิเศษที่สามารถนำไปขายได้กำไรต่อทันที และยิ่งไปกว่านั้นทางตัวกลางจะจัดส่ง สินค้าไปทางผู้ซื้อโดยตรงด้วย

ยกตัวอย่าง  
นาย A มีโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า และเป็นเจ้าของสินค้าเสื้อผ้า
นาย B อยากรับเสื้อผ้ามาขาย แต่ไม่มีเงินลงทุน และไม่มีร้านเป็นของตัวเอง แต่มีความมุ่งมั่นอยากขายเสื้อผ้า จึงได้ทำการติดต่อไปที่ นาย A เพื่อตกลงกันในเรื่องของ Dropship

นาย A ตกลงให้ นาย B เป็นตัวแทนขายเสื้อผ้า โดยนาย A ได้ให้ราคาขายเสื้อผ้าต้นทุนที่ต่ำ  (เมื่อ นาย B ขายเสื้อได้ ก็จะได้กำไรจากการบวกเพิ่มตัวละ 100 บาท)

นาย B นำรูปสินค้าเสื้อผ้าไปทำเป็นแคตตาล็อก และนำลงเว็บไซต์ของตนเอง และโปรโมทขายด้วยความตั้งใจ โดยไม่ได้ลงทุนเรื่องเงินเลย

หลังจากวันนั้นไม่กี่วัน นาย C ได้เข้ามาเห็นสินค้าที่ นาย B โปรโมทในเว็บไซต์ จึงเกิดความสนใจ และทำการสั่งซื้อ

นาย C โอนเงินค่าเสื้อผ้าให้ นาย B  โดยที่ นาย B ได้บวกกำไรเพิ่มไว้เรียบร้อยแล้ว

นาย B โอนเงินกลับไปให้ นาย A ในราคาส่ง

นาย A ส่งสินค้าที่มีอยู่ในสต็อกให้ นาย C

นาย C ได้รับสินค้าที่ส่งมาจาก นาย A
--------------------------------------------------------------------------------
การเลือกสินค้าเพื่อนำมาขาย
ควรเลือกสินค้าที่มีความแปลกใหม่
ควรเป็นสินค้าที่ไม่ค่อยมีในท้องตลาดที่คนหาซื้อกันได้ง่าย
สินค้าที่ได้รับความนิยมในการทำ Dropship
เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า แฟชั่นแนวๆเก๋ๆไม่ซ้ำใคร
ครีมบำรุงผิว บำรุงหน้า แบบนำเข้าที่ไม่ได้มีขายในท้องตลาด
อื่นๆอีกมากมาย ที่แปลกๆแหวกแนว ใช้ประโยชน์ได้ (คุณต้องเลือกสินค้าที่เจ๋งๆให้ได้)
วิธีการติดต่อเจ้าของสินค้าเพื่อทำ Dropship
โทรเข้าไปติดต่อ หรือเดินเข้าไปติดต่อกับเจ้าของสินค้าด้วยตนเองเลย
ค้นหาเจ้าของสินค้าในเว็บไซต์ ที่รับการทำ Dropship
เป็นยังไงครับเพื่อนๆ เริ่มสนใจการทำ Dropship กันบ้างแล้วหรือยัง ยังมีสินค้าอีกมากมายนะครับที่รอให้เพื่อนๆเข้าไปเป็นตัวแทนกับบริษัทและห้างร้านนั้นๆ โดยที่เพื่อนๆแทบไม่มีความเสี่ยงอะไรเลยในเรื่องของเงินลงทุน ขอแค่อย่างเดียว คือความมุ่งมั่นและตั้งใจ ที่สำคัญความซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น รับรองว่าอาชีพเสริมในการทำDropshipจะต้องเป็นอาชีพที่ทำเงินเป็นอย่างมาก นายอาชีพเห็นหลายๆคนที่ทำDropshipที่ประสบความสำเร็จ มีรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน จึงอยากให้ธุรกิจนี้เป็นอีกหนึ่งช่องทางทำเงินสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นการทำธุรกิจ

ผู้เขียน: นายอาชีพ

รับเขียนบทความ อาชีมเสริมรายได้

|
อ่านเพิ่มเติม »
                 ณ ปัจจุบัน การหาเงินในโลกออนไลน์เริ่มมีผลและสร้างรายได้อย่างมาก ต่อคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตบ่อยๆ และคนที่มีความสามารถในการสร้างเว็บ แต่การที่จะหารายได้ทางนี้จำเป็นจะต้องมีเว็บไซต์และบทความที่มีคุณภาพ อาชีพรับจ้างเขียนบทความ จึงเกิดขึ้น อาชีพนี้สำคัญอย่างไร ตอบได้เลยว่า สำคัญมาก หากเจ้าของเว็บเอง เป็นคนเขียนบทความเอง ก็ดีไปเพราะ เว็บที่มีบทความไม่ซ้ำใคร ไม่ก๊อปใครมา จะมีโอกาสโต ในธุรกิจ ออนไลน์มากกว่า
                  เนื่องจากบทความที่เราเขียน บางบทความนั้นไม่ดี มีเป็นที่พอใจของผู้อ่าน หรือยากเกินไป เช่น ภาษาอังกฤษ  หากไม่มีความชำนาญและทักษะด้านภาษา ก็ควรจะจ้างดีกว่า ในส่วนของการจ้างนั้นก็จะคิดในเรต แตกต่างกันของบทความ ความยาวของคำ ความยากของคำ ใครที่มีความสามารถด้านนี้ลองดูได้นะครับ ผมว่าเป็นอาชีพที่สร้างรายได้ ไม่เยอะก็น้อยครับ
               
Next Prev
▲Top▲