Ben's Socks นายเบน ถุงเท้าคนไทย คุณภาพระดับอินเตอร์

| วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คุณบรรจบ เพียรพาณิชย์พร หรือ คุณเบน อดีตวิศวกร ผู้ที่เคยประสบความสำเร็จในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รับเงินเดือนหลักแสนบาท ครั้นปี 2540
เขากลายเป็นพ่อค้าขายของตามตลาดนัด อาศัยความกล้าตัดสินใจ เลือกทางเดินชีวิตถูก ปัจจุบันเป็นเจ้าของธุรกิจ มีโรงงานบนเนื้อที่ของตนเองกว่า 3 ไร่ ตั้งอยู่ในตำบลอ้อมใหญ่ อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เพราะอุปสรรคครั้งนั้น ทำให้คุณเบนกลายเป็นเสี่ยเจ้าของโลโก้ "ถุงเท้านายเบน" และเป็นถุงเท้าที่ผลิตโดยคนไทย แต่คุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ต่างชาติ ซึ่งเรื่องราวการดำเนินชีวิต ตลอดจนการเข้ามายังถนนสายธุรกิจนั้น ควรค่านำเสนอ

จากเงินเดือนหลักแสน มาเร่ขายของ กำไรวันละ 500
คุณบรรจบ เล่าที่มาของธุรกิจให้ฟังว่า "ประมาณ 25 ปีที่แล้ว หรือปี 2526 มีเจ้าของโรงงานผลิตถุงเท้านักเรียน เป็นชาวไต้หวัน ซึ่งท่านเอ็นดูคุณพ่อผมมาก เสนอขายกิจการให้ แต่ตอนนั้นทางบ้านไม่มีเงินสด ด้วยความไว้วางใจ เลยให้เครดิต เบ็ดเสร็จใช้เวลาผ่อนชำระ 1 ปี"
"โรงงานดังกล่าวเนื้อที่ไม่มาก ประมาณ 1 ห้องแถว ส่วนกำลังการผลิตถุงเท้าต่อวัน ขณะนั้นเฉลี่ย 100 โหล และแม้ชื่อเสียงไม่โด่งดัง ยังไม่เป็นที่รู้จัก แต่ยอดจำหน่ายก็สามารถเลี้ยงคนในครอบครัวได้ระดับหนึ่ง" คุณเบน กล่าว กิจการถุงเท้านักเรียน ดำเนินได้ด้วยดีมาตลอด จนช่วงหนึ่ง คุณเบน เล่าว่า คุณพ่อต้องการให้ คุณเจริญพร เพียรพาณิชย์พร หรือ คุณบู๋ น้องชายที่กำลังเรียนมหาวิทยาลัย ชั้นปีที่ 2 ออกมาช่วยงาน จุดนี้เองจึงเป็นที่มาของถุงเท้าแบบอื่นๆ "ปี 2536 คุณพ่อให้น้องชายลาออกจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มาเรียนอีกมหาวิทยาลัยหนึ่งทางไปรษณีย์ หลักๆ เพื่อมาช่วยงาน ซึ่งน้องชายเป็นคนรุ่นใหม่ หัวคิดค่อนข้างทันสมัย ไม่เจาะจงผลิตแต่ถุงเท้านักรียน หันมาผลิตถุงเท้าแบบอื่นร่วมด้วย ครอบครัวจึงค้าขายถุงเท้าเรื่อยมา จนกระทั่งประสบวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 หลายคนถูกเลิกว่าจ้าง ผมเองเป็นหนึ่งในนั้น แต่ด้วยภรรยาและลูกเล็กทั้ง 2 คน จึงเกิดแรงสู้ ครั้งนั้นเลยผันตัวเองจากอาชีพวิศวกร มาเป็นพ่อค้าขายของตามตลาดนัด" คุณเบนเล่า ด้วยภาระที่ต้องรับผิดชอบ และหน้าที่ของหัวหน้าครอบครัว ทำให้คุณเบนจำใจนำกระเป๋าหนังราคาแพง สูทแบรนด์ดัง เน็คไท เสื้อผ้ามียี่ห้อ รองเท้า รวมถึงตำราเรียนไปจำหน่าย เขาเล่าว่า ตลาดนัดคนเคยรวย ที่บริเวณลานจอดรถห้างซีคอนสแควร์ คือสถานที่แรกที่นำสิ่งของไปวางขาย ซึ่งสินค้าขายดีมาก แต่อย่างไรก็ตาม รายได้ก็ยังไม่พอเลี้ยงครอบครัว

"หลังคำนวณค่าใช้จ่ายต่อวัน ทั้งค่านมลูก ค่าผ้าอ้อม ค่าอาหาร เฉลี่ยวันละ 500 บาท ประกอบกับ ของรักเริ่มไม่พอขาย เลยมาคิดหาหนทาง ขณะนั้นเลือกไปนำเสื้อผ้าเด็ก ชุดคลุมท้อง เสื้อแฟชั่น จากญาติ และถุงเท้าจากน้องชาย มาลองจำหน่ายตามตลาดนัด โดยขอเชื่อไว้ก่อน เนื่องจากไม่มีเงินสด ปรากฏทุกอย่างขายได้ ทำให้มีรายรับตามคาดหวัง ครั้งนั้นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจแบบพอตัว" คุณเบน เล่า จากรายได้ 500 บาท ต่อวัน แต่ด้วยไหวพริบและความเป็นนักบริหาร คุณเบนเริ่มจับทิศทางแผนการขาย โดยใช้วิธีเปลี่ยนวัน และย้ายทำเล ทั้งนี้ เพื่อเว้นช่วงให้ลูกค้าคิดถึง เขาวนเวียนทำเช่นนี้ตามตลาดมากถึง 50 แห่ง ประมาณ 3 ปี จนเริ่มมองเห็นช่องทางเปิดหน้าร้านเป็นของตัวเอง "กินเปอร์เซ็นต์จากการขายเสื้อ และถุงเท้า ราว 3 ปี รู้สึกดี แต่ความเสี่ยงสูง และจากการจดสถิติสินค้า ทำให้รู้ว่าตัวไหนขายดี หรือคุ้มค่ามากกว่า ซึ่งวันที่ 21 ธันวาคม 2542 เป็นวันที่ถุงเท้าขายดีที่สุด เรียกว่า ขายจนสามารถตั้งตัวได้ จึงตัดสินใจรวบรวมความกล้า เสี่ยงเปิดหน้าร้านเล็กๆ เนื้อที่ 11 ตารางเมตร ที่ตึกโบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ด้วยทุน 1 ล้านบาท ทั้งหมดเป็นค่าเช่า และค่ามัดจำ"

จากที่เล็งเห็นถึงอนาคต ทำให้คุณเบนตัดสินใจเปิดหน้าร้านด้วยเงินลงทุนหมดหน้าตัก หากไม่เป็นดั่งคาดหวัง เขาอาจต้องล้มอีกครั้ง ถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงกล้าเสี่ยง เจ้าของกิจการตอบว่า "หากยึดอาชีพพ่อค้าคนกลางกินเปอร์เซ็นต์ต่อไป คงไม่มีอะไรคืบหน้า ซ้ำความเสี่ยงสูง เนื่องจากเคยมีปัญหาลูกค้าค้างชำระ และเช็คเด้ง อาศัยรวบรวมความกล้า ออกมาลองเสี่ยงเปิดร้านเอง" เหตุใดคุณเบนถึงเลือกตึกโบ๊เบ๊ทาวเวอร์เป็นหน้าร้าน และจำหน่ายแต่ถุงเท้า เขาตอบว่า เนื่องจากเกิดและเติบโตมาจากถิ่นนี้ ส่วนเหตุที่ขายแต่ถุงเท้า เนื่องจากเคยลองนำเสื้อผ้ามาจำหน่าย ปรากฏขายไม่ได้ เพราะร้านส่วนใหญ่มาจากโรงงาน สู้ราคาไม่ไหว สุดท้ายจึงเลือกจำหน่ายถุงเท้าเพียงอย่างเดียว ทราบจากคุณเบนว่า ถุงเท้าที่นำมาจำหน่ายครั้งนั้น มีทั้งนำมาจากทางบ้าน และพันธมิตรทางธุรกิจ แต่ไหนเลยทุกวันนี้เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นสินค้าจากครอบครัว ความตั้งใจออกแบบโลโก้ และจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าภายใต้ชื่อ Ben"s socks" ถุงเท้าคุณภาพที่คุณเบนผลิต หลักๆ เขาบอกว่า ทำจากเส้นด้ายสปันผสมคอตต้อน และอะครีลิก ทั้งหมดซื้อในประเทศ ซึ่งสูตรดังกล่าวคิดค้นขึ้นเอง นอกจากทนทาน นุ่ม สวมใส่สบาย ยังมีความยืดหยุ่นสูง ถ้าเป็นสินค้าคุณภาพต่ำ จะผลิตจากอะครีลิกหรือไนล่อนเพียงอย่างเดียว จากร้านขายถุงเท้าเล็กๆ บนชั้น 5 ขยับขยายกลายเป็นร้านถุงเท้าที่ใหญ่ที่สุดในโบ๊เบ๊ ซึ่งการจะมีหน้าร้านใหญ่โตได้ ยอดขายถือเป็นสิ่งสำคัญ และก่อนหน้านี้ทราบจากคุณเบนว่า เคยถูกคนรอบข้างครหา ลำพังจำหน่ายถุงเท้าจะหาค่าเช่าที่พอได้อย่างไร "ใครๆ ต่างทราบดี ว่าพื้นที่ในตึกโบ๊เบ๊ราคาค่าเช่าสูง หากซื้อขาด เจ้าของที่คิดตารางเมตรละ 400,000 บาท สาเหตุที่เลือกจำหน่ายเฉพาะถุงเท้า เนื่องจากตอนนั้นยังไม่มีร้านไหนเปิดขายจริงจัง ส่วนใหญ่นิยมจำหน่ายเสื้อผ้าแฟชั่น และเสื้อผ้าเด็ก ซึ่งความแตกต่างนี้ ทำให้ร้านถุงเท้านายเบน เป็นที่สนใจ ยอดจำหน่ายจึงเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ" เมื่อกิจการถุงเท้าขยายตัว เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในอนาคต คุณเบนหันไปพัฒนาแหล่งผลิตร่วมกับน้องชาย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักร จากเคยเป็นโรงงานเล็กๆ เครื่องจักรไม่ทันสมัย ทุกวันนี้ขยายพื้นที่กว่า 3 ไร่ บนอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม และเครื่องจักรรุ่นใหม่สั่งตรงจากประเทศไต้หวัน กำลังการผลิตต่อวันเฉลี่ย 1,000 โหล หรือ 12,000 คู่ "ตอนนี้ถุงเท้า มีกว่า 1,000 ลวดลาย ตอบสนองทุกความต้องการ อาทิ ถุงเท้าแฟชั่น ถุงเท้าทำงาน ถุงเท้านักเรียน ถุงเท้าตาตุ่ม ถุงเท้ากีฬา ถุงเท้าเรือใบ ถุงเท้าผ้าฝ้าย ถุงเท้าเด็ก ฯลฯ ซึ่งจำนวนสินค้าที่ผลิต มั่นใจว่าเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า เนื่องจากในสต๊อค แต่ละวัน 1 แบบ มี 100 โหล" เจ้าของร้าน เสริม

พัฒนา ต่อยอดสินค้าตลอด เน้นกำไรจากการขายปลีก
 รูปแบบการจำหน่าย คุณเบน ย้ำว่า เนื่องจากเป็นโรงงานผลิต จะไม่ขายปลีก เน้นขายส่ง 1 ถุงใหญ่ 50 โหล ถุงเล็ก 20 โหล จำนวนซื้อแล้วแต่ตกลง ปัจจุบันลูกค้าที่รับไปจำหน่ายต่อหลักๆ แถวตลาดสะพานขาว ตลาดวรจักร ตลาดนัดคลองถม ตลาดท่าน้ำท่าดินแดง ยอดจำหน่ายต่อวันเฉลี่ย 10,000 คู่ เนื่องจากมีคนเคยกล่าวกับคุณเบนว่า ถุงเท้า ขาย 6 เดือน สต๊อค 6 เดือน ช่วงขายดีคือ ฤดูหนาว แต่เมื่อก้าวเข้ามาจับธุรกิจ เขาปฏิเสธว่าถุงเท้าแท้จริงขายได้ทุกวัน โดยให้เหตุผลว่า "คนในวงการทำถุงเท้า มักกล่าวกันว่า 1 ปี ขายสินค้าได้แค่ 6 เดือน พอเข้ามาทำจริง ไม่เป็นเช่นนั้น เนื่องจากถุงเท้าไม่ใช่สิ่งของฟุ่มเฟือย ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต ว่าจะออกแบบลวดลายออกมาถูกใจ โดนใจลูกค้า มากน้อยแค่ไหน ถ้าจับจุดถูก ถุงเท้าจะสามารถจำหน่ายได้ทุกวัน โดยไม่ต้องรอให้ซื้อเพราะความจำเป็น" เป็นที่ทราบกันดีว่า "ถุงเท้า" ที่สวมใส่ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ทะลักเข้ามาจากประเทศจีน ตรงนี้ส่งผลกระทบต่อคุณเบนมากน้อยแค่ไหน เจ้าของกิจการตอบว่า "สมัยก่อนกำไรดี ตัวเลข 2 หลัก แต่ทุกวันนี้เนื่องจากค่าขนส่ง และค่าวัตถุดิบแพงขึ้น อีกทั้งบริษัทยังเพิ่มค่าแรงให้พนักงาน กำไรเลยตกลงกึ่งหนึ่ง อาศัยเน้นขายปริมาณมาก เอากำไรน้อย ซึ่งตั้งแต่เปิดกิจการมา 8 ปี ไม่เคยขึ้นราคา ถุงเท้า 1 โหล ขาย 200 บาท เฉลี่ยคู่ละ 16 บาทกว่าๆ" สำหรับอนาคตธุรกิจผลิตถุงเท้า สิ่งที่คุณเบนต้องการ เขาบอกว่า เมื่อคิดจะซื้อถุงเท้า ขอให้คิดถึงถุงเท้านายเบน เนื่องจากเป็นสินค้าคนไทย แต่คุณภาพไม่แพ้แบรนด์ต่างชาติ อีกทั้งจะพยายามรักษามาตรฐานและทำทุกอย่างให้เป็นที่พึงพอใจของลูกค้า ก่อนจากกันไป คุณเบน บอกว่า ใครที่คิดจะนำเครื่องหมายการค้า หรือโลโก้ถุงเท้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจะดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้ละเมิดให้ถึงที่สุด เนื่องจาก "Ben"s socks" จดทะเบียนเป็นทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว


สนใจเป็นตัวแทนจำหน่าย หรือเจรจาธุรกิจ ติดต่อเจ้าของร้านแสนอัธยาศัยดี ได้ที่ร้านถุงเท้านายเบน 488/532 โบ๊เบ๊ทาวเวอร์ ชั้น 5 ตึกเก่า ระหว่างโซน 3 กับ โซน 4 หากสงสัยโทรศัพท์สอบถามคุณเบนก่อนได้ที่ (02) 628-1999 ต่อ 1532, (02) 628-0966 (สายตรง)
ที่มา..http://www.ben-socks.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น

Next Prev
▲Top▲